พระนครศรีอยุธยา

พระนครศรีอยุธยา

เที่ยวตามรอยละครบุพเพสันนิวาส

ออเจ้าดู “บุพเพสันนิวาส” หรือไม่?..เพลานี้ใครๆ ต่างก็พูดถึงละคร “บุพเพสันนิวาส” กันทั้งเมือง เพราะนอกจากนักแสดงนำคุณภาพและเนื้อเรื่องที่สนุกสนานแล้ว สถานที่สำคัญในสมัยกรุงศรีอยุธยาที่ปรากฏอยู่ในละครยังสวยงามสมจริงอีกด้วย วันนี้ข้าจะขอพาออเจ้าไปเยี่ยมชม 5 สถานที่ถ่ายทำและถูกพูดถึงในละครเรื่องนี้กัน ..วันหยุดมาฆบูชานี้ไปเที่ยวอยุธยาตามรอยคุณพี่หมื่นและแม่หญิงการะเกดกันเถิดขอรับ..ขอขอบคุณภาพจากละคร บุพเพสันนิวาส(ช่อง3) วัดไชยวัฒนาราม..ถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้าปราสาททอง กษัตริย์กรุงศรีอธุยธยาองค์ที่ 24 เมื่อปี พ.ศ.2173 ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก โดยปัจจุบันอยู่ในพื้นที่การดูแลของอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา สิ่งที่น่าสนใจได้แก่ พระปรางค์ศรีรัตนมหาธาตุ เป็นปรางค์ประธานตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัส และที่มุมฐานมีปรางค์ทิศประจำอยู่ทั้งสี่มุม ด้วยการบูรณะของกรมศิลปากรทำให้วัดไชยวัฒนารามแห่งนี้สวยงามยิ่งใหญ่ตระการตา ไม่ควรพลาดที่จะไปเยี่ยมชมอย่างยิ่ง..ขอขอบคุณภาพจากละคร บุพเพสันนิวาส(ช่อง3) วัดพุทไธศวรรย์..ถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้าอู่ทอง เพื่อเป็นพระราชอนุสรณ์ในการสถาปนากรุงศรีอยุธยา ถือเป็นพระอารามหลวงที่ใหญ่โตและวัดที่มีชื่อเสียงอีกวัดหนึ่ง และเนื่องจากวัดพุทไธศวรรย์เป็นอีกวัดหนึ่งที่ไม่ได้ถูกข้าศึกทำลายเหมือนวัดอื่นๆ เมื่อครั้งเสียกรุงฯ ทุกวันนี้โบราณสถานแห่งนี้จึงยังมีสภาพดีไว้ให้ชม วัดตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ในตำบลสำเภาล่ม อำเภอพระนครศรีอยุธยา..ขอขอบคุณภาพจากละคร บุพเพสันนิวาส(ช่อง3) วิหารมงคลบพิตร..เป็นวัดที่ประดิษฐาน หลวงพ่อมงคลบพิตร พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองพระนครศรีอยุธยา ซึ่งได้ถูกบูรณะซ่อมแซมขึ้นใหม่ในสมัยรัชกาลที่5 หลังจากที่ถูกทิ้งร้างตามกาลเวลาเมื่อครั้งเสียกรุงฯ ครั้งที่2 ปัจจุบันวัดมงคลบพิตรจึงถือเป็นวัดสำคัญในการท่องเที่ยวไหว้พระจังหวัดพระนครศรีอยุธยาอีกวัดหนึ่งที่ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศไปกราบไหว้ขอพรอย่างหนาแน่นทุกวัน นอกจากนี้บริเวณโดยรอบวัดยังเป็นตลาดของฝากขนาดใหญ่ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาอีกด้วย..ขอขอบคุณภาพจากละคร บุพเพสันนิวาส(ช่อง3) ป้อมเพชร..เป็นป้อมปราการป้อมเดียวที่ยังเหลืออยู่จาก 16 ป้อม ตามแนวกรุงเก่า อยู่ทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะเมืองอยุธยา นับได้ว่าเป็นป้อมปราการที่อยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดในการป้องกันข้าศึกของอยุธยาที่จะเข้ามาทางแม่น้ำ เพราะตั้งอยู่ทางปากน้ำ ปัจจุบันได้รับการบูรณะจากกรมศิลปากร และยังคงสภาพสมบูรณ์อยู่เป็นส่วนใหญ่ ..ขอขอบคุณภาพจากละคร บุพเพสันนิวาส(ช่อง3) พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา..ตั้งอยู่ตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา ถือเป็นสถานที่สำคัญที่แสดงถึงความรุ่งเรืองในสมัยกรุงศรีอยุธยาได้เป็นอย่างดี เพราะได้มีการรวบรวมและเก็บรักษาพระพุทธรูป ข้าวของเครื่องใช้และโบราณวัตถุล้ำค่าจำนวนมาก เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา เปิดให้เข้าชมวันพุธ – วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.00 น. ..ขอขอบคุณภาพจากละคร บุพเพสันนิวาส(ช่อง3)

เที่ยวตามรอยละครบุพเพสันนิวาส อ่านเพิ่มเติม

ไปเที่ยว 2 วัน 1 คืน ตามหาแม่นายการะเกด

สุดสัปดาห์นี้ไปเที่ยวที่ไหนดีนะ…ถ้ายังคิดไม่ออก พวกเราทีมเพื่อนร่วมทางอยากจะชวนเกาะกระแสละครดัง บุพเพสันนิวาส และพาออเจ้าทั้งหลายไปเที่ยว 2 วัน 1 คืน ตามหาแม่นายการะเกดที่จังหวัดใกล้ๆอย่างพระนครศรีอยุธยากันเถิด สถานที่แรกที่เราจะไปกันคือ วัดใหญ่ชัยมงคล สิ่งที่น่าสนใจของวัดใหญ่ชัยมงคลคือเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา รวมไปถึงสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น เจดีย์ชัยมงคล เจดีย์ที่สูงที่สุดในอยุธยาเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงรบชนะมังกะยอชวาพระมหาอุปราชของหงษาวดี ด้านหลังวัดมีตำหนักสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ให้ผู้ที่ศรัทธาเข้ามากราบไหว้ นอกจากนี้ บริเวณรอบๆ ยังมีสวนหย่อมที่สวยงามให้พักผ่อนอีกด้วย วัดใหญ่ชัยมงคล เปิดทุกวัน 08.00 – 17.00 น. ค่าเข้าชม ชาวไทยไม่เสียค่าเช้าชม ชาวต่างชาติ 20 บาท หลังจากนั้นเราจะไปต่อกันที่ วัดพนัญเชิงวรวิหาร ซึ่งอยู่ไม่ไกลกับวัดใหญ่ชัยมงคล ที่นี่เราสามารถมองเห็นป้อมเพชรซึ่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำเจ้าพระยาได้ วัดพนัญเชิงวรวิหาร ก่อสร้างก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา มีชื่อเสียงในเรื่องของหลวงพ่อโตหรือเจ้าพ่อซำปอกงที่พุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและชาวจีนต่างให้ความเคารพนับถือมานาน สำหรับที่ต่อไป ทางเข้าอาจลึกลับไปสักนิด แต่บรรยากาศคุ้มค่าที่จะมา พิพิธภัณฑ์บ้านฮอลันดาตั้งอยู่ในซอยคานเรือ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา อาคารสไตล์ยุโรป 2 ชั้น สีสันสดใสสะดุดตา ชั้นล่างเป็นคาเฟ่และร้านจำหน่ายของที่ระลึก ชั้นบนเป็นพิพิธภัณฑ์ความสัมพันธ์ไทย-ฮอลันดา ซึ่งทำออกมาได้น่าสนใจเลยทีเดียว หากใครสนใจประวัติศาสตร์และอยากมานั่งเล่นดื่มด่ำบรรยากาศแบบชาวดัชต์ สามารถมาที่บ้านฮอลันดาได้ อยู่ไม่ไกลจากวัดพนัญเชิงวรวิหาร เปิดทุกวันพุธ-อาทิตย์ เวลา 09.00 – 17.00 น. ค่าเข้าชม 50 บาท เดินเที่ยวมาเหนื่อยๆ แวะทานอาหารกลางวันกันเถอะ ทางเราขอแนะนำร้านผักหวาน ที่นี่มีอาหารหลายประเภทให้เลือกทาน ทั้งอาหารไทยและอาหารฝรั่ง เช่น ส้มตำ หอยทอด ผัดไท สลัดกุ้งทอด สเต็ก และเมนูขึ้นชื่อของร้านคือ ก๋วยเตี๋ยวผักหวาน  ใครที่สนใจมาลองลิ้มชิมรสอาหารที่ร้านผักหวาน สามารถมาได้ทุกวัน ร้านตั้งอยู่หน้าวัดสุวรรณดาราม เปิดเวลา 08.00 – 19.00น. cr.รูปภาพจาก facebook ร้านบ้านผักหวาน กินคาวแล้วไม่กินหวาน มันจะรู้สึกเหมือนขาดอะไรไป ต้องปิดท้ายมื้อเที่ยงด้วยขนมแสนอร่อยที่ ร้านบ้านข้าวหนม คาเฟ่ข้าวหนมไทยโบราณ ขายขนมไทยและเครื่องดื่มต่างๆ มีทั้งทำเอง และรับจากร้านในพื้นที่อยุธยา ภายในร้านตกแต่งสไตล์เรโทรนิดๆ จุดเด่นของร้านคือ ร้านกาแฟแบบอนุรักษ์นิยมที่นำเอาขนมไทยแบบต่างๆ มาผสมผสานกันได้อย่างลงตัว  บ้านข้าวหนม ตั้งอยู่บนถนนอู่ทอง เปิดทุกวัน เวลา 09.00 – 19.00 น. cr. facebook ร้านบ้านข้าวหนม หนังท้องตึง หนังตายังหย่อนไม่ได้นะจ๊ะ เราต้องไปเที่ยวกันต่อ เราไปต่อกันเลยที่ วัดมหาธาตุ หากพูดถึงวัดนี้เราจะต้องนึกถึงความมหัศจรรย์ของเศียรพระพุทธรูปกว่าร้อยปีที่อยู่ในต้นไม้ ซึ่งพลาดไม่ได้ที่จะต้องไปถ่ายรูป วัดราชบูรณะ อยู่ไม่ไกลจากวัดมหาธาตุ เราสามารถเดินไปถึงได้ จุดเด่นของวัดคือ ปรางค์ประธานที่มีขนาดสูงใหญ่ ก่อด้วยอิฐบนฐานสี่เหลี่ยม ด้านในพระปรางค์สามารถเดินลงไปชมจิตรกรรมฝาผนังและชมกรุสมบัติในสมัยอยุธยาได้อีกด้วย เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30–16.30 น. ค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 30 บาท ปิดท้ายการเที่ยวในวันที่ 1 ด้วยวัดไชยวัฒนาราม เชื่อกันว่าสร้างขึ้นโดยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ในปี พ.ศ.2173 เพื่ออุทิศพระราชกุศลถวายพระราชมารดา แต่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่าวัดนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะเหนือนครละแวกโดยจำลองแบบมาจากปราสาทนครวัด ซึ่งจุดเด่นที่น่าสนใจคือ ปรางค์ประธานและเมรุทิศ เมรุรายที่อยู่ล้อมรอบนั้นเอง เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00 – 18.00 น. ค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 50 บาท หลังจากเที่ยวกันมาทั้งวัน ต้องหาอะไรฟินๆทานสักหน่อย พูดถึงอยุธยา ก็ต้องนึกถึงกุ้งเผาเป็นอันดับแรก ร้านแพกรุงเก่าเป็นร้านที่ตอบโจทย์เป็นอย่างมาก เพราะเป็นร้านเก่าแก่ มีอาหารหลายหลายประเภท โดยเฉพาะกุ้งเผาที่มีหลายขนาด ทานกับน้ำจิ้มซีฟู้ดถือว่าเด็ด พลาดไม่ได้จริงๆ ร้านแพกรุงเก่า ตั้งอยู่บนถนนอู่ทอง เปิดทุกวัน 10.00-21.00 น. ที่พักสำหรับทริปนี้ เราพักที่ Riverview Place บรรยากาศดี อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา วันที่ 2  เช้านี้ตักบาตรยามเช้า บนถนนอู่ทอง ได้ซึมซับบรรยากาศของชาวบ้านด้วยนะออเจ้า หลังจากตักบาตรช่วงเช้ากันแล้ว เริ่มที่ วิหารมงคลบพิตร นมัสการพระมงคลบพิตร พระพุทธรูปปางมารวิชัย หนึ่งในพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของพระนครศรีอยุธยาและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ บริเวณรอบๆมีร้านขายของฝากขนาดใหญ่ด้วย หากใครได้ติดตามละครบุพเพสันนิวาสก็จะได้เห็นว่ามีฉากวิหารมงคลบพิตรให้ได้ชมกันด้วย ฉะนั้นไม่พลาดที่จะไปกันนะคะ เยี่ยมชมวัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดที่อยู่ในเขตพระราชวังหลวง เหมือนกับวัดพระศรีรัตนศาสดารามในกรุงเทพฯ มีเจดีย์ทรงระฆัง 3 องค์ที่งดงาม เป็นสัญลักษณ์ของวัดพระศรีสรรเพชญ์ ระหว่างเจดีย์แต่ละองค์มีมณฑปก่อคั่นไว้ สามารถเที่ยวชมวัดได้ทุกวัน เวลา 08.00 – 18.00 น. มาต่อกันที่ วัดพุทไธศวรรย์ ฝั่งตรงข้ามของเกาะเมือง เป็นพระอารามหลวงที่ยังคงสภาพดี ข้าจึงพาออเจ้าทั้งหลายมาชมความงดงามของวัด ซึ่งสร้างขึ้นในบริเวณที่ประทับเดิมของสมเด็จพระเจ้าอู่ทอง เรียกว่า ตำหนักเวียงเหล็ก หรือ เวียงเล็ก สิ่งที่น่าสนใจคือ ปรางค์ประธาน ที่มีศิลปะแบบขอม นอกจากนี้ยังมีพระอุโบสถ หมู่พระเจดีย์สิบสององค์ และวิหารพระนอนให้ชมกันอีกด้วย เที่ยวกันมาสักพักแล้วได้เวลาหาอะไรรองท้อง เราจึงไปกันที่ตลาดน้ำวัดท่าการ้อง มาที่นี่แล้วเราจะได้ทั้งเที่ยวในวัดและสามารถเลือกซื้อของกิน มีทั้งอาหารคาว อาหารหวาน เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.00 – 17.00 น. ก่อนจะกลับบ้านเราต้องมีของติดไม้ติดมือกลับไปเป็นของฝากกันหน่อย ของฝากขึ้นชื่อของอยุธยาก็จะต้องไม่พลาด “โรตีสายไหม” ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายเป็นสิบๆร้าน แหล่งจำหน่ายอยู่บริเวณฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา หรือริมถนนอู่ทอง  cr. facebook ร้านโรตีสายไหมอาบีดีน

ไปเที่ยว 2 วัน 1 คืน ตามหาแม่นายการะเกด อ่านเพิ่มเติม

วัดนิเวศธรรมประวัติ

วัดนิเวศธรรมประวัติ ตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำเจ้าพระยา อยู่ฝั่งตรงข้ามกับพระราชวังบางปะอิน ถ้าขับรถยนต์ส่วนตัวไปสามารถจอดได้ที่ลานจอดรถเดียวกับพระราชวังบางปะอิน และจากนั้นก็นั่งกระเช้าข้ามที่วัด กระเช้าจะสามารถขึ้นได้แค่ไม่เกิน 10 คนเท่านั้น (แค่ 10 คนก็แอบหวิวๆแล้ว) ภายนอกของโบสถ์วัดนิเวศธรรมประวัติ ที่มาที่ไปเกิดจากการที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้สร้างเลียนแบบโบสถ์ฝรั่ง เมื่อ พ.ศ. 2421 แม้แต่ที่ประดิษฐานองค์พระประทานก็ทำเหมือนที่ตั้งไม้กางเขนในโบสถ์คริสต์ พระพุทธนฤมลธรรโมภาส และพระสาวก 

วัดนิเวศธรรมประวัติ อ่านเพิ่มเติม

“ท่องเที่ยวอิ่มบุญ…สัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่น”

ฤดูฝนเป็นฤดูแห่งการทำนา ในระหว่างเข้าพรรษาพระภิกษุสงฆ์จะต้องจำพรรษาเป็นเวลา 3 เดือน เพื่อไม่ให้ไปเดินเหยียบย่ำข้าวกล้าของชาวนาเสียหาย และเนื่องจากสมัยก่อนไม่มีไฟฟ้าใช้ ชาวบ้านจึงหล่อเทียนขนาดใหญ่ขึ้นมาเพื่อถวายให้พระภิกษุสงฆ์ได้ใช้ในการปฏิบัติกิจวัตรต่างๆ ยามค่ำคืนตลอดช่วงเวลาของการเข้าพรรษา การนำเทียนไปถวายนั้น จะให้เดินไปถวายแบบปกติมันก็จะธรรมดาไป โลกไม่จำค่ะ ชาวบ้านจึงจัดขบวนแห่กันอย่างเอิกเกริกสนุกสนาน และปฏิบัติสืบทอดกันมาจนกลายเป็นประเพณีอย่างที่เราเห็นกันทุกวันนี้ค่ะ ถ้าพูดถึงประเพณีแห่เทียนพรรษาแล้ว จังหวัดแรกที่นึกถึงคงหนีไม่พ้น จ.อุบลราชธานี เพราะที่นี่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในเรื่องการแกะสลักเทียนเป็นรูปต่างๆ อย่างวิจิตรงดงาม ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ในวรรณคดี บุคคลสำคัญในช่วงเวลานั้นๆ และอื่นๆ อีกมากมาย  งาน “ฮีตศรัทธาราชธานีแห่งแสงเทียน” จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 – 28 กรกฎาคม 2561 ภายในงานจะมีกิจกรรมการแสดง แสง สี เสียงสุดอลังการ โดยขบวนแห่จะมีทั้งกลางวันและกลางคืน – แห่เทียนกลางคืน ในช่วงค่ำของวันที่ 27 – 28 กรกฎาคม 2561 จะมีขบวนแห่เทียนและการแสดงประกอบแสงเสียง เรื่อง “เกิดแต่อุบล” บริเวณหน้าวัดศรีอุบลรัตนาราม โดยวันที่ 27 กรกฎาคม ตั้งแต่เวลา 19.00-20.30 น. ส่วนวันที่ 28 กรกฎาคม เริ่มประมาณ 18.00 น. – แห่เทียนกลางวัน วันที่ 28 กรกฎาคม 2561 จุดเริ่มต้นขบวนจะอยู่บริเวณหน้าวัดศรีอุบลรัตนาราม เริ่มตั้งแต่ 08.00 น. เป็นต้นไปค่ะ “มหกรรมแห่เทียนพรรษาและตักบาตรบนหลังช้าง” ถือเป็นอีกหนึ่งประเพณีที่ชาวสุรินทร์ภาคภูมิใจ เพราะเป็นวัฒนธรรมการแห่เทียนที่ยิ่งใหญ่และไม่เหมือนใคร ตักบาตรบนหลังช้างทำยังไง? ทำได้ด้วยเหรอ? ถ้าอยากรู้ ต้องลองไปสัมผัสด้วยตัวเองนะคะ^^  งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26-27 กรกฎาคม 2561 กิจกรรมภายในงานมีดังนี้ วันที่ 26 กรกฎาคม 2561 เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป ชมริ้วขบวนแห่เทียนพรรษา ขบวนฟ้อนรำศิลปวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ พร้อมกับขบวนแห่ช้างกว่า 80 เชือก  วันที่ 27 กรกฎาคม 2561 เวลา 07.00 น. จะมีกิจกรรมทำบุญตักบาตรบนหลังช้าง บริเวณอนุสาวรีย์พระยาสุรินทรภักดีศรีณรงค์จางวางค่ะ โคราช เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีการจัดงานแห่เทียนเข้าพรรษาที่มีความสวยงามและอลังการไม่แพ้ที่อื่นๆ เลยค่ะ โดยมีการจัดงานทั้งหมด 3 ที่ ได้แก่ วันที่ 26 กรกฎาคม 2561 จะมีการแห่เทียนพรรษาของอำเภอโชคชัยและอำเภอพิมายค่ะ (เริ่มแห่ตั้งแต่ประมาณ 13.00 น. เป็นต้นไป) โดยจะเป็นการประกวดต้นเทียนพรรษา เมื่อได้ผู้ชนะของแต่ละอำเภอแล้วทั้งหมดก็จะไปรวมตัวกันบริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีค่ะ  งานแห่เทียนพรรษาที่อำเภอโชคชัย ใช้ชื่องานว่า “เทศกาลกินหมี่ ประเพณีแห่เทียนพรรษา อำเภอโชคชัย” ส่วนที่อำเภอพิมายใช้ชื่องานว่า “ประเพณีแห่เทียนพรรษา อำเภอพิมาย” ภายในงานของทั้ง 2 อำเภอจะมีมหรสพการแสดง และกิจกรรมต่างๆ มากมายค่ะ วันที่ 27 – 28 กรกฎาคม 2561 จะมีการจัด “งานแห่เทียนพรรษาโคราช” ณ บริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี เป็นการแห่เทียนพรรษาสุดยิ่งใหญ่ของชาวโคราชค่ะ (ขบวนแห่เริ่มวันที่ 28 กรกฎาคม 2561 เวลา 09.00 น.) โดยจะนำต้นเทียนพรรษาที่ชนะจากทั้ง 2 อำเภอมาแห่ และจัดแสดงให้ชมกันค่ะ  นอกจากนี้ภายในงานยังมีการแสดง แสง สี เสียง รวมทั้งมีผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ของดีเมืองโคราช สินค้าโอท็อปต่างๆ มาให้เพื่อนๆ ได้เลือกชอปเลือกชิมกันตลอดงานเลยค่ะ “ประเพณียายดอกไม้” ครั้งแรกที่แอดได้ยิน็ถึงกับงงเลยทีเดียว ว่านี่คือประเพณีอะไร? ประเพณียายดอกไม้เป็นประเพณีท้องถิ่นของชาวเวียงจันทน์ที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานที่จังหวัดสิงห์บุรีค่ะ คำว่า “ยาย” นั้นเพี้ยนมาจาก คำว่า “หย่าย” ในภาษาลาว แปลว่า การแจกจ่ายหรือการให้ คำว่า “ยายดอกไม้” จึงหมายถึงการให้ หรือถวายดอกไม้แด่พระสงฆ์ เพื่อนำไปบูชาพระพุทธเจ้านั่นเองค่ะ  และในปีนี้ชาวจังหวัดสิงห์บุรีก็ได้จัดงานนี้ขึ้น ภายใต้ธีม “ตักบาตรยายดอกไม้ นุ่งซิ่นไทย-ลาวเวียง” ณ วัดจินดามณี จังหวัดสิงห์บุรี ระหว่างวันที่ 27-28 กรกฎาคม 2561 เวลา 07.00 น.  ภายในงานมีกิจกรรมมากมายไม่ว่าจะเป็น การทอดผ้าป่าดอกไม้ ถวายเทียนพรรษา ชิมอาหารถิ่นสิงห์บุรี ชมการแสดงเต้นบาสโลป และอื่นๆ อีกมากมาย แอดอยากเชิญชวนเพื่อนๆ ไปสัมผัสกับบรรยากาศวัฒนธรรมท้องถิ่นของที่นี่ดูนะคะ ว่าจะมีความงดงามแตกต่างจากวัฒนธรรมที่เพื่อนๆ คุ้นเคยมากน้อยแค่ไหนค่ะ ^^ สำหรับใครที่คิดว่าการแห่เทียนพรรษาทางบกธรรมดาไป ต้องมางานนี้เลยค่ะ “ประเพณีแห่เทียนพรรษาทางน้ำ” ณ คลองลาดชะโด อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา ประเพณีแห่เทียนพรรษาทางน้ำเอกลักษณ์หนึ่งเดียวในอยุธยา  งานจัดขึ้นในวันที่ 27 กรกฎาคม 2561 โดยจะเริ่มแห่ประมาณ 11.00 น. กิจกรรมภายในงานจะมีการประกวดบ้านสวนริมคลอง การแข่งขันกีฬาพื้นบ้านลาดชะโด การจัดแสดงภาพถ่ายวิถีชีวิตชาวลาดชะโด การจำลองบรรยากาศตลาดน้ำย้อนยุค และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้เพื่อนๆ ยังจะได้สัมผัสวิถีชีวิตบ้านริมน้ำอีกด้วยนะคะ “ประเพณีตักบาตรดอกเข้าพรรษา” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 – 28 กรกฎาคม 2561 ณ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหารจ.สระบุรี ซึ่งเป็นประเพณีที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากของ จ.สระบุรี นับเป็นประเพณีที่แปลกไม่เหมือนใคร และมีเพียงแห่งเดียวอีกด้วย  โดยในยามเช้าพระสงฆ์จะเดินรับบิณฑบาตรจากพุทธศาสนิกชน ซึ่งจะนำดอกไม้ชนิดหนึ่งมาใส่บาตร ดอกไม้ชนิดนี้จะบานในช่วงเข้าพรรษาพอดี จึงได้ชื่อว่า “ดอกเข้าพรรษา” ค่ะ เชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคนอาจจะไม่รู้จักดอกไม้ชนิดนี้ และแอบไปเสิร์ชหารูปจากอินเตอร์เน็ตดู แต่เชื่อเถอะค่ะว่ายังไงก็ไม่สวยเท่าไปเห็นด้วยตาตัวเองหรอกนะคะ ต้องลองไปสัมผัสดูค่ะ สำหรับเพื่อนๆ ที่ไม่อยากเดินทางไปต่างจังหวัด วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามก็เป็นอีกหนึ่งวัดที่จัดกิจกรรมเข้าพรรษาค่ะ

“ท่องเที่ยวอิ่มบุญ…สัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่น” อ่านเพิ่มเติม

มน Cafe’ Art & Nature

มน Cafe’ Art & Nature มน คาเฟ่ ร้านเล็กๆ อยู่ริมถนน ภายในร้านตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้และเซรามิกต่างๆ แบ่งเป็นที่นั่ง indoor และ outdoor พอดูรวมๆ แล้วเก๋ไม่เบา แถมเจ้าของร้านยังน่ารัก เป็นกันเองสุดๆ เมนูค่อนข้างหลากหลายและราคาสบายกระเป๋าจ้า เข้าไปสั่งกันได้เลย ระหว่างรอก็ถ่ายรูปกันได้เพลินๆ แอดอยู่ที่นี่นั่งชิลได้เป็นวันเลยล่ะ ^^ เครื่องดื่มมาแล้วววว… สีเขียวๆ นั้นคือ มัทฉะเลม่อน แอดเห็นว่าเป็นเมนูใหม่ของทางร้านเลยต้องลองสักหน่อย สีส้มแก้วนั้นจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก ชาไทยเย็น ใครชอบชาเป็นพิเศษก็ต้องไม่พลาดแล้วล่ะ เมนูแนะนำอย่าง บานอฟฟี่พาย โอ้ยย ฟินสุดๆ เนื้อเค้กนุ่ม ละมุนลิ้น กล้วยเน้นๆ ไม่หวานจนเกินไปด้วย เปลี่ยนสีสันกันบ้างกับ เค้กมะพร้าวหอม มันดีย์อะค่ะ ด้านข้างของร้านเป็นโซน outdoor เป็นพื้นที่ที่ใช้โชว์งานศิลปะ งานปั้น งานเซรามิกต่างๆ ที่เจ้าของร้านเป็นคนทำลงมือทำเองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นจาน ชาม แก้ว ตกแต่งลวดลายได้น่ารักมากๆ เลยล่ะ

มน Cafe’ Art & Nature อ่านเพิ่มเติม

ธรรม(ดา) พาทัวร์ ตอน สถานที่ทำบุญ หนุนนำความรัก

“ลพบุรีน่ะมีแต่ลิง แต่ถ้าคนรักจริงคงจะมีแต่เรา” “รักชาติให้ยืนตรง ถ้าอยากรักมั่นคงให้มายืนข้างๆ กัน” “อยากรวยต้องลงทุน อยากสร้างอนาคตกับคุณต้องทำไง” อ่ะ โพสแคปชั่นอ่อยก็แล้ว ลงรูปให้ดูว่าโสดก็แล้ว ยังนก!!! ได้!! ในเมื่อไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ ก็เอาด้วยคาถา!!!  ใครสายนกมาทางนี้ วันนี้แอดมินมีวัดที่เชื่อกันว่า หากไปไหว้บูชาขอพร แล้วอานิสงส์จะช่วยส่งไปหนุนนำความรักให้สมหวังดังใจ แต่เดี๋ยวก่อนคนที่มีแฟน หรือเป็นคู่รักก็ไปไหว้บูชาขอพรได้เหมือนกันนะ อานิสงส์จะยิ่งทำให้คู่ของคุณนั้นยืนยาวและมั่นคงต่อๆไป ใครที่เคยไปที่ไหนแล้วสมหวังดังใจ มาบอกต่อได้เลยนะ แบ่งปันกัน เพื่อนๆคนอื่นจะได้สมดังใจบ้าง  ศาลท่านท้าวมหาพรหม กรุงเทพมหานคร เชื่อกันว่า ท่านท้าวมหาพรหมเป็นเทพเจ้าที่ทรงมีเมตตา สามารถบันดาลให้ผู้ที่มาขอพรนั้นสมปรารถนา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความรัก ชีวิต การงาน โดยผู้ที่มาขอพรพระพรหมนั้นมักจะบนบานด้วยการถวายพวงมาลัยดอกไม้เจ็ดสี เจ็ดศอก ช้างไม้ หรือละครรำ ยังมีกิตติศัพท์เลื่องลือกันในหมู่ของผู้ไม่มีบุตรด้วยว่า หากได้มาอธิฐานขอพรจากท่านมักจะสมหวัง แม้แต่ชาวต่างชาติบางคนถึงกับข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ การสักการะนั้นให้ใช้ ธูป 12 ดอก เทียน 1 เล่ม และพวงมาลัย 4 พวง โดยเริ่มไหว้พระพรหมด้านที่ตรงกับประตูทางเข้าเป็นด้านแรก แล้วเดินเวียนขวาจนครบทั้งสี่ด้าน (ใช้ธูป พระพักตร์ละ 3 ดอก พวงมาลัย 1 พวง) บทบูชานะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (3 จบ) บทสวดหลัก (นิยมใช้มากที่สุด)โอม อาฮัม พรหมมา อัสมิ  ในวันที่ 9 พฤศจิกายนของทุกปี จะมีการจัดงานบวงสรวง เนื่องจากเป็นวันครบรอบการตั้งศาล พระตรีมูรติ กรุงเทพมหานคร หากผู้ใดที่ยังไร้คู่หรืออับโชควาสนาในด้านความรัก ถ้าได้มาบูชาพระตรีมูรติและตั้งจิตใจอธิฐานขอพรให้พบกับเนื้อคู่หรือรักแท้แล้ว ก็มักจะได้สมดังปรารถนา ซึ่งรวมทั้งเรื่องของชีวิต และการงานอีกด้วย เชื่อกันว่าเวลาที่ดีที่สุดในการสักการะ คือ ทุกคืนวันพฤหัสฯ เวลา 21.30 น. บูชาท่านด้วยธูปแดง 9 ดอก เทียนแดง ดอกกุหลาบแดง และผลไม้ พร้อมกล่าวชื่อ นามสกุล รวมทั้งที่อยู่ของตนเองไปด้วย คำสวดบูชาพระตรีมูรติ คือ คำว่าโอม แค่เพียงเอ่ยว่า โอม ก็เหมือนการเอ่ยนามของเทพเจ้าทั้งสาม ซึ่งโอม มาจาก โอมะ(พระพรหม) อะ(พระวิษณุ) อุ(พระศิวะ) ถือเป็นเทพเจ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศาสนาพราหมณ์ เป็นการรวมกันของมหาเทพ 3 องค์ คือ พระพรหม พระวิษณุ(พระนารายณ์) และพระศิวะ(พระอิศวร) ที่ถือเป็นผู้สร้าง ผู้รักษา และผู้ทำลาย การรวมอานุภาพของมหาเทพทั้ง 3 ไว้ในองค์เดียวกัน ผู้บูชาย่อมบังเกิดความเป็นสิริมงคล และความสมบูรณ์พูนสุขในชีวิต ดุจดังพลานุภาพของเทพทั้ง 3  วันบวงสรวง ตรงกับวันที่ 2 ธันวาคม ของทุกปี เวลาที่ดีที่สุดที่จะขอพรคือ วันพฤหัสบดี เวลา 21.30 น.เชื่อว่าเป็นเวลาที่เทพจะลงมายังโลกมนุษย์ เพื่อรับคำและประทานพรให้แก่ผู้ขอ วัดศาลาลอย อ.เมือง จ.นครราชสีมา ชาวโคราชและประชาชนทั่วไปนิยมเดินทางมาสักการะรูปปั้นและเจดีย์บรรจุอัฐิย่าโมที่วัดศาลาลอยนี้ เพื่อบนบานขอพรย่าโมให้ปกป้องคุ้มครอง โดยเฉพาะในเรื่องของความรักและคู่ครอง มีความเชื่อว่าย่าโมจะสามารถดลบันดาลให้สมหวังได้ในที่สุด และเมื่อได้รับความสำเร็จดังอธิษฐานแล้ว ก็มักจะแก้บนด้วยเพลงโคราชที่มีทั้งนักร้องและนักรำแต่งตัวสวยงาม เพราะเชื่อว่าย่าโมนั้นชอบฟังเพลงโคราชเป็นชีวิตจิตใจ วัดศาลาลอย เป็นวัดเก่าแก่ที่ท้าวสุรนารีสร้างขึ้นภายหลังจากรบชนะกองทัพของเจ้าอนุวงศ์ เมื่อปี พ.ศ. 2370 ซึ่งได้มีการสร้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี และอนุสรณ์สถานเจดีย์บรรจุอัฐิท้าวสุรนารีขึ้นภายในวัด ภายหลังที่ท่านได้ถึงแก่อสัญกรรมแล้ว พระธาตุศรีสองรัก อ.ด่านซ้าย จ.เลย เชื่อกันว่า หากผู้ใดได้มาบนบานศาลกล่าว แล้วแก้บนด้วยต้นผึ้งนั้น จะได้ตามปรารถนาทุกประการ และถ้ามาขอพรในด้านที่เกี่ยวกับความรักและมิตรภาพ สัมพันธภาพนั้นก็จะยั่งยืนสืบไป ข้อปฏิบัติที่ควรทราบ คือไม่ควรแต่งกายชุดสีแดง รวมทั้งงดนำสิ่งของหรือดอกไม้สีแดงขึ้นไปบูชา เพราะสีแดงเป็นสัญลักษณ์ของเลือดและความรุนแรง และไม่ควรกางร่ม สวมหมวกและรองเท้าขึ้นไปบนพระธาตุ สร้างเมื่อ พ.ศ.2103 แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2106 ในสมัยแผ่นดินสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์แห่งกรุงศรีอยุธยาเพื่อเป็นสักขีพยานแสดงความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างกัน กับพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชแห่งกรุงศรีสัตนาคนหุต(เวียงจันทร์) ศาลเจ้าแม่สามมุข ใกล้หาดบางแสน อ.เมือง จ.ชลบุรี ด้วยตำนานรักที่อมตะ เจ้าแม่สามมุขจึงเป็นที่พึ่งทางใจของหนุ่มสาวที่พากันเดินทางมาอธิษฐาน ขอพรให้สมหวังในความรักและคู่ครองอยู่เสมอ เชื่อกันว่าหากคู่รักที่มีความมั่นคงและซื่อสัตย์ต่อกัน หากนำว่าวที่เขียนชื่อตนเองกับคนรักมาไหว้เจ้าแม่ แล้วนำไปแขวนบริเวณศาลนั้น เจ้าแม่จะอวยพรให้มีความสุขสมหวัง และฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ในที่สุด นอกจากนี้แล้วชาวประมงที่ให้ความเคารพนับถือ จะมาสักการะด้วยการจุดประทัดถวายทุกครั้งก่อนออกเรือ เพื่อให้เดินทางปลอดภัยและจับปลาได้มาก ตำนานเล่าว่า ศาลแห่งนี้สร้าง เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งรักแท้ของสาวมุก และนายแสน ที่กระโดดหน้าผาและตายไปตามกัน เพื่อยืนยันคำมั่นสัญญาว่าจุอุทิศชีวิตให้ ชาวบ้านจึงตั้งชื่อหน้าผาว่า สามมุข และตั้งชื่อชายหาดริมทะเลที่อยู่เบื้องล่างว่า บางแสน และได้มีการสร้างศาล เจ้าแม่สามมุข ขึ้นที่บริเวณเชิงผา ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (วัดลุ่มหาชัยชุมพล) อ.เมือง จ.ระยอง ความเชื่อ เชื่อกันว่าพระบารมีของพระองค์จะช่วยปกป้องคุ้มครองให้มีแต่ความสุขเป็นสิริมงคล มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างร่มเย็นและยังเชื่อกันว่าสามีภรรยาที่มีบุตรยาก หากมาขอพรจากศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชแห่งนี้แล้ว มักจะสมดังใจปรารถนา ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช แห่งวัดลุ่มมหาชัยชุมพล เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญแห่งหนึ่งใน จ.ระยอง ซึ่งมีผู้คนเดินทางมาสักการะเพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ในการกอบกู้เอกราชให้ผืนแผ่นดินไทยอยู่เสมอ มีการจัดงานสมโภชศาลแห่งนี้เป็นประจำในช่วงเทศกาลตรุษจีน และทุกวันที่ 28 ธันวาคมของทุกปี จะมีการทำบุญตักบาตร ถวายพวงมาลาและเครื่องสักการะ เพราะเป็นคล้ายวันเสด็จขึ้นครองราชย์ของพระองค์ วัดโสธรราชวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา ผู้ที่นับถือในหลวงพ่อโสธรเชื่อว่าเมื่อได้มาสักการะแล้ว จะมีแต่ความสุข เป็นสวัสดิมงคลในชีวิตนอกจากนี้ในหมู่ผู้ที่มีบุตรยากยังเดินทางมาพร้อมความหวัง เพราะเชื่อกันว่า หากได้มาสักการะขอพรหลวงพ่อแล้วมักจะได้ลูกชายและเมื่อสมดังใจอธิษฐาน จะนิยมถวายหลวงพ่อโสธรด้วย ละครชาตรี ไข่ต้ม ผลไม้ และพวงมาลัย บทบูชา(ท่องนะโม 3 จบ) กาเยนะ วาจายะ เจตสา วา โสธะรัง นามะ อิทธิปะฏิหาริกะรัง พุทธะรูปัง อะหัง วันทามิ สัพพะโสฯ เดิมชื่อว่า วัดหงส์ สร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อพุทธโสธร พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดฉะเชิงเทรา

ธรรม(ดา) พาทัวร์ ตอน สถานที่ทำบุญ หนุนนำความรัก อ่านเพิ่มเติม

กลับบ้านแต่งไทย ไปเล่นสงกรานต์

อย่างที่ทราบกันดีว่าชุดไทยและผ้าไทยนั้นมีความหลากหลาย ต่างยุค ต่างสมัย ต่างรูปแบบ และต่างลวดลาย วันนี้ “เพื่อนร่วมทาง” จึงอยากขอยกตัวอย่างสถานที่จัดงานสงกรานต์ที่มีความหลากหลายและเป็นเอกลักษณ์ในด้านของการแต่งกาย มาเป็นตัวเลือกสำหรับการเฉลิมฉลองร่วมกัน เริ่มกันที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมืองหลวงเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานของไทย หากนักท่องเที่ยวต้องการแต่งชุดไทยแท้ ร่วมเล่นสงกรานต์แบบวิถีไทย โดยมีฉากหลังเป็นโบราณสถานที่เต็มไปด้วยเรื่องราว ขอเชิญมาร่วมเล่นน้ำในงาน #เย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์ ประจำปี 2561 โดยใช้ชื่อว่า “#สงกรานต์กรุงเก่าเล่นน้ำกับช้าง” ในระหว่างวันที่ 13 – 15 เมษายน 2561 ณ บริเวณถนนศรีสรรเพชญ์ ด้านหน้าอาคาร เรือนไทย ททท.สำนักงานพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กิจกรรมภายในงานทุกท่านจะได้สัมผัสบรรยากาศย้อนยุคด้วยการแต่งกายชุดไทย #สรงน้ำพระพุทธรูป , #รำวงกรุงเก่า, #เล่นน้ำสงกรานต์กับช้าง สนุกสนานกับม่านน้ำและโค้งน้ำที่สวยงาม มีมุมถ่ายภาพตามรอยละครบุพเพสันนิวาสเช่น #ก่อพระเจดีย์ทราย เป็นต้น ห้ามพลาด !!! สำหรับผู้ที่เกิดในเดือนเมษายน แสดงบัตรประชาชนรับของที่ระลึก “#เหรียญพระอยุธยามหามงคล” (เหรียญทองแดง ผ่านพิธีพุทธาภิเษกเมื่อปี 2550) ท่านละ 1 องค์ แจกวันละ 100 องค์ ซึ่งแจกในระหว่างวันที่ 13 – 15 เมษายน 2561 และสำหรับผู้ที่สวมชุดไทยตามแบบละครบุพเพสันนิวาสมาเล่นน้ำสงกรานต์กับช้าง มีสิทธิ์ลุ้นรับของที่ระลึกพิเศษ !!! จาก ททท.พระนครศรีอยุธยาอีกด้วย *ขอบคุณภาพและที่มาจาก Facebook: @TatAyutthaya สำหรับคนที่หลงใหลและซาบซึ้งใจในความเสียสละของนักรบโบราณ อยากย้อนยุคไปให้กำลังใจเหล่าวีรชนผู้กู้ชาติ ไม่อยากให้พลาดงาน “นุ่งโจงห่มสไบ เล่นน้ำแบบไทยๆ ณ สิงห์บุรี” ระหว่างวันที่ 12 – 15 เมษายน 2561 ณ วัดโพธิ์เก้าต้น และตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจัน อำเภอค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี โดยภายในงานจัดให้มีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ พิธีปลุกเสกน้ำทิพย์ศักดิ์สิทธิ์เสริมสิริมงคล, ฟังเทศน์มหาชาติ โดย พรเทพ พรทวี, พิธีสรงน้ำพระ และรดน้ำดำหัว ขอพรพ่อปู่แม่ย่า, ร่วมฉลองสงกรานต์ในบรรยากาศไทยย้อนยุคบ้านระจัน, รื่นเริง สนุกสนานกับขบวนแห่สงกรานต์แบบโบราณอันยิ่งใหญ่ตระการตา, ชมการแสดงแสง สี เสียง สุดอลังการในชุด “น้ำทิพย์ศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน สู่มหาสงกรานต์บ้านระจัน”, การแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปินดาราชื่อดัง, เพลิดเพลินกับอุโมงค์น้ำ ขนาดความยาว 60 เมตร, การประกวดหลานปู่หลานย่าวีรชนค่ายบางระจัน, การแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน และลิ้มรสอาหารสำรับคาวหวานแบบโบราณบ้านระจัน เป็นต้น *ขอบคุณภาพและที่มาจาก Facebook: @TATLopburiOffice สำหรับคนน่ารัก ที่ติดใจการทอผ้าไหมด้วยภูมิปัญญาจากการเก็บขิด และการจก ที่มีลวดลายโดดเด่น และเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ของ “ผ้าแพรวา” จังหวัดกาฬสินธุ์ ขอเชิญหาไอเดียเก๋ๆ แต่งชุดไทยด้วยกลิ่นอายของผ้าแพรวา ร่วมงาน “สงกรานต์ดีโน่สินธุ์ ถิ่นคนน่ารัก” ประจำปี 2561 ระหว่างวันที่ 12-15เมษายน 2561 บริเวณ วงเวียนไดโนเสาร์หน้าวัดสว่างคงคา กิจกรรมที่น่าสนใจภายในงานจะมีพิธีสรงน้ำพระพุทธรูป พระสงฆ์ พิธีรดน้ำขอพรจากผู้สูงอายุ ชมขบวนแห่หลวงพ่อองค์ดำ และขบวนพาเหรด Happy Carnival กิจกรรมพาแลงชุมชน ๓๖ ชุมชน ประกวดขับร้องและเต้นหางเครื่องประกอบเพลง ประกวดเทพีสงกรานต์ และขบวนพาเหรดเกิร์ลกรุ๊ปสาวไทยหัวใจกาฬสินธุ์ *ขอบคุณภาพและที่มาจาก Facebook: เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ / Facebook: แพรวาจีจี้ นักท่องเที่ยวผู้หลงใหลในความเรียบง่าย อยากเท่ด้วยการคุมโทนสีน้ำเงินเข้มขรึม มนต์ขลังแห่งการย้อมผ้าแบบธรรมชาติ โดยใช้วัตถุดิบจากต้นฮ่อม เพื่อนร่วมทางขอแนะนำ งานประเพณีปี๋ใหม่เมือง “ดอกลมแล้งบาน สงกรานต์เมืองแป้ นุ่งหม้อห้อมแต้งามตา” ประจำปี 2561 วันที่ 12-17 เมษายน 2561 บริเวณถนนเจริญเมือง จังหวัดแพร่ ร่วมชมมหกรรมแข่งขันกลองปู่จายิ่งใหญ่ ณ วัดพระธาตุช่อแฮ การประกวดจิสะโป๊กเมืองแพร่ ณ ข่วงวัฒนธรรมเมืองแพร่ ร่วมก่อพระเจดีย์ทราย ทำบุญตักบาตร สรงน้ำพระเพื่อความเป็นสิริมงคล เที่ยวสดใสมาร์เก็ต ตลาดนัดแพร่คราฟต์ นั่งรถรางชมเมืองยามค่ำ และเล่นสาดน้ำสงกรานต์หม้อห้อมที่ถนนเจริญเมือง  *ขอบคุณภาพและที่มาจาก Facebook: @tat.phrae ส่วนใครที่คิดว่า วันสงกรานต์ทั้งที ต้องลวดลายและสีสันเต็มที่ ความสดใสต้องมา ดอกไม้ต้องมี ขอเชิญคว้าเสื้อลายดอกตัวเก่ง เร่งไปร่วมงาน “สงกรานต์เสื้อลายดอก ถนนข้าวตอกสุโขทัย” จัดวันที่ 13-15 เมษายน 2561 บริเวณวงเวียนหอนาฬิกา ถนนข้าวตอก จังหวัดสุโขทัย  ที่สำคัญ หากนักท่องเที่ยวยังมีเวลาเหลือ สามารถเที่ยวต่อเนื่องได้ตามนโยบาย #สงกรานต์สุโขทัยเที่ยวได้ครึ่งเดือนโดยมีการจัดงานสงกรานต์ตามจุดต่างๆ ดังนี้ . . . 7-12 เมษายน งานสรงน้ำโอยทาน สงกรานต์ศรีสัชนาลัย / 9-13 เมษายน สงกรานต์มหามงคล น้ำมนต์ทะเลหลวง ณ ทุ่งทะเลหลวง / 11-15 เมษายน งานประเพณีสงกรานต์ และเทศกาลอาหารเมืองสวรรคโลก / 12-14 เมษายน งานย้อนอดีตมหาสงกรานต์กรุงเก่าสุโขทัย / 13-16 เมษายน มหาสงกรานต์กรุงสุโขทัย ร้อยดวงใจสรงน้ำพระอจนะ วัดศรีชุม / 17-19 เมษายน งานแห่น้ำขึ้นโฮง สรงน้ำเจ้าหมื่นด้ง ต.บ้านตึก อ.ศรีสัชนาลัย  *ขอบคุณภาพและที่มาจาก Facebook:@tatsukhothaifanpage ล่องลงใต้มาตามหาเสน่ห์ในความ ผิวเข้ม ตาคม ด้วยเครื่องแต่งกายเน้นอัตลักษณ์ของคนใต้ ซึ่งสวยงามไม่แพ้ภาคอื่น จะสวมโสร่ง นุ่งผ้าปาเต๊ะ ใส่เสื้อผ้าลูกไม้ ร่วมก่อเจดีย์ทราย ณ สวนศรีธรรมาโศกราช, วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร และสนามหน้าเมืองนครศรีธรรมราช รวมทั้งการปิดถนนเล่นน้ำสงกรานต์พร้อมเวทีการแสดงบริเวณถนนประตูลอด ใน “เทศกาลมหาสงกรานต์ แห่นางดานเมืองนคร 2561” ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-15 เมษายนนี้  งานสงกรานต์ที่นครศรีธรรมราชมีรูปแบบแตกต่างออกไป เพราะจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นศูนย์กลางทางการท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวัฒนธรรม ทั้งทางศาสนาพุทธและศาสนาพราหมณ์ ซึ่งมีหลักฐานชี้ชัดถึงความยิ่งใหญ่ในอดีต

กลับบ้านแต่งไทย ไปเล่นสงกรานต์ อ่านเพิ่มเติม

บ้านตะโกราย อร่อยมากมาย สไตล์บ้านๆ

คะน้าปลาเค็ม เมนูธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ทางร้านทอดปลาเค็มกับกระเทียมให้เข้ากันและนำมาราดบนผักคะน้าที่ปรุงสุกไว้แล้ว..

บ้านตะโกราย อร่อยมากมาย สไตล์บ้านๆ อ่านเพิ่มเติม

ธรรม(ดา) พาทัวร์ ตอน เข้าวัดทำบุญ หนุนนำการงานมั่นคง ค้าขายร่ำรวย

ธรรม(ดา) พาทัวร์ ตอน เข้าวัดทำบุญ หนุนนำการงานมั่นคง ค้าขายร่ำรวย…

ธรรม(ดา) พาทัวร์ ตอน เข้าวัดทำบุญ หนุนนำการงานมั่นคง ค้าขายร่ำรวย อ่านเพิ่มเติม

ตะลุย 5 ตลาดต้องไป ในอยุธยา

ที่แรกเริ่มที่ “ตลาดน้ำทุ่งบัวชม” อ.วังน้อย
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวในบรรยากาศตลาดน้ำแบบไทยๆ ที่ผสมผสานแนวคิดร่วมสมัย มีการประดับตกแต่งรูปปั้นเก๋ๆ เอาไว้ตามส่วนต่างๆ ของตลาด ดูเข้ากันอย่างลงตัวมากๆเลยล่ะ…

ตะลุย 5 ตลาดต้องไป ในอยุธยา อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top