ภูเก็ต…เด็ดสะระตี่ ไปกี่ทีไม่มีเบื่อ
คนส่วนใหญ่รู้จักภูเก็ตในฐานะเมืองท่องเที่ยวที่มีธรรมชาติที่งดงาม หาดทรายขาวสะอาด น้ำทะเลสีคราม แต่อาจลืมไปว่าตัวเมืองเก่าภูเก็ตนั้นก็มีอาคารเก่าแก่นับร้อยปีที่เรียงรายกันอยู่อย่างสวยงาม ผสมผสานกับ Steet Art เก๋ๆ ทันสมัย รวมถึงอาหารการกินที่ยังความเป็นเอกลักษณ์และโดดเด่นหาไม่ได้ที่ไหนอีกแล้ว ร้านจ่วนเฮี้ยง ติ่มซำ 100 ปี ลงเครื่องมาปุ๊ป เราก็ตรงดิ่งมาหาอาหารเช้าลงท้องกันที่ร้านจ่วนเฮี้ยง ร้านติ่มซำเก่าแก่เปิดมาร้อยกว่าปี นอกจากติ่มซำที่รสชาติกลมกล่อมแล้ว ทีเด็ดอีกอย่างก็คือ น้ำจิ้มที่เข้มข้นและเผ็ดนิดๆ ช่วยทำให้ติ่มซำอร่อยยิ่งขึ้น ที่ตั้ง : หมู่บ้านภูเก็ตแอททาวน์ 2 ถ.พูนผล ต.ตลาดเหนือ อ.เมืองเปิดทุกวัน เวลา 06.00-10.00 น. โทร. 076 216 271 หลังจากเติมพลังกันกับติ่มซำสุดอร่อยแล้ว เราก็ไปสถานที่แรกกันเลย นั่นก็คือ “พิพิธภัณฑ์ภูเก็ตไทยหัว” ตึกเก่าสไตล์ชิโน-ยูโรเปียนแห่งนี้ ในอดีตคือโรงเรียนสอนภาษาจีนแห่งแรกในภูเก็ต สร้างเมื่อ พ.ศ.2477 ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมเรื่องราวของชาวจีนโพ้นทะเลที่อพยพเข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองภูเก็ต ที่หน้าจั่วของอาคารมีปูนปั้นรูปค้างคาวสีแดงประดับอยู่ ซึ่งค้างคาวถือเป็นสัตว์มงคลของจีน สื่อความหมายถึงการรู้หนังสือ นับเป็นอนุสรณ์อย่างหนึ่งที่ทำให้เราได้ระลึกถึงอดีตของอาคารเก่าแก่แห่งนี้ที่เคยเป็นโรงเรียนมาก่อนนั่นเอง ภายในจัดแสดงนิทรรศการที่น่าสนใจจำนวน 14 ห้อง เริ่มตั้งแต่การเดินทางมายังภูเก็ตของชาวจีนโพ้นทะเล การรวมกลุ่มกันของชาวจีนเพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ประวัติการก่อตั้งโรงเรียนสอนภาษาจีนไทยหัว สถาปัตยกรรม วิถีชีวิตของชาวภูเก็ตในอดีต การทำเหมืองแร่ เครื่องแต่งกาย ประเพณี พิธีกรรม วัฒนธรรมการกินของชาวภูเก็ต รวมทั้งมีการจำลองบรรยากาศห้องเรียนในอดีตด้วย การจัดแสดงมีการใช้ภาพถ่าย วีดิทัศน์ รวมทั้งหุ่นจำลองต่างๆ มาช่วยให้การเรียนรู้อดีตเป็นไปอย่างสนุกสนานและเข้าใจง่าย ยิ่งมีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญคอยให้ความรู้ด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้ประวัติศาสตร์ไม่เป็นเรื่องน่าเบื่ออีกต่อไป เปิดทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น. ค่าเข้าชม ชาวไทย 50 บาท ชาวต่างชาติ 200 บาทโทร. 076 211 224 พิกัด : https://goo.gl/maps/acGPMEqiXMS2 สายๆ มาหลบแดดกันที่ร้าน กาล-เว-ฬา “นำพาให้เรามาเจอกัน” คาเฟ่ชื่อเก๋กลางเมืองภูเก็ต และยังเป็น Boutique Hotel อีกด้วย ตึกเก่า 3 ชั้น ที่ภายในดัดแปลงให้มีความโมเดิร์น ดูทันสมัยแต่ก็แฝงไปด้วยความวินเทจ บรรยากาศสบายตา จิบชากาแฟนั่งชิลกันสักแป๊ป แล้วค่อยไปลุยกันต่อ ที่ตั้ง : 54/4 ถนนเยาวราช ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมือง (สี่แยกไฟแดงถนนถลางตัดกับถนนเยาวราช)เปิดทุกวัน เวลา 08.00-19.00 น.โทร. 083 645 3365, 098 535 6191พิกัด : https://goo.gl/maps/jqNeAVj2ULv ถัดมาก็คือ Street art สุดเก๋ ที่มีอยู่มากมาย กระจายตัวกันอยู่ในย่านเมืองเก่าภูเก็ต ถ้าลองได้เดินเล่นอยู่ในย่านเมืองเก่าละก็ รับรองว่าจะต้องเจออย่างน้อยซักรูปสองรูป ว่าแล้วก็ถ่ายรูปไปโพสต์ลงเฟสบุ๊กอวดเพื่อนกันเบาๆ ถ่ายรูปเสร็จ แวะไปกิน หมี่หุ้นกระดูกหมูเส้นหมี่สีขาว เหนียวนุ่ม นำมาผัดกับซีอิ้วและปรุงรสจนได้ที่ จากนั้นโรยด้วยต้นหอมซอยและหอมเจียว ทานคู่กับซุปกระดูกหมูร้อนๆ อร่อยเข้ากันมากๆ ชาวภูเก็ตนิยมทานเป็นมื้อกลางวันและมื้อเย็น พิกัดความอร่อย หมี่หุ้นป้าฉ่าง (จี้ใจ บางเหนียว)ที่อยู่ : ซอยตะกั่วทุ่ง ตรงข้ามศาลเจ้าผ้อต่อก้ง อำเภอเมืองเปิดทุกวัน เวลา 14.00-20.00 โทร. 085 786 8656 จากนั้นนั่งรถกันยาวๆ มาที่ จุดชมวิวสามอ่าว เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นได้ทั้งสามอ่าว ได้แก่ หาดป่าตอง อ่าวกะตะ และอ่าวกะรน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมเดินทางมาเช็คอินและถ่ายรูปเก็บภาพความประทับใจ พิกัด : https://goo.gl/maps/VVEAPi6rv9U2 มาถึงไฮไลท์ของภูเก็ต ที่ถ้าไม่ได้มาเยือนก็เหมือนมาไม่ถึง นั่นก็คือ “แหลมพรหมเทพ” เป็นหน้าผาที่ยื่นลงไปในทะเล นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมเดินทางมาชมกันในช่วงเย็น นอกจากแหลมพรหมเทพจะเป็นจุดชมวิวที่สวยงามแล้ว ในยามพระอาทิตย์ตกดินก็ยังเป็นช่วงที่บรรยากาศสุดจะโรแมนติกอีกด้วย จากจุดจอดรถเดินไปถึงตรงบริเวณทางลงไปยังแหลมพรหมเทพใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที พิกัด : https://goo.gl/maps/j7sZnMoiVYq จบทริปของวันแรกด้วยการไปทานมื้อเย็นที่ร้านวันจันทร์ ร้านนี้เป็นร้านอาหารพื้นเมืองภูเก็ต ที่ปรับรสชาติให้ถูกปากชาวต่างชาติและคนต่างถิ่นอย่างเราๆ ให้ทานได้ง่ายขึ้น แต่ไม่ต้องกลัว ความอร่อยยังอยู่ครบถ้วน เมนูเด็ดของทางร้านคือ หมี่หุ้นแกงปู น้ำพริกกุ้งเสียบ หมูฮ้อง ไข่เจียวปูเนื้อฟูๆ ที่ตั้ง : ถนนเทพกระษัตรี อำเภอเมืองเปิดทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น. โทร. 076 355 909 บรรยากาศยามค่ำคืน ตามตึกเรือนบ้านช่องจะเปิดไฟประดับตัวอาคาร ทำให้เกิดแสงสีที่สวยงามน่าประทับใจ ได้อีกบรรยากาศที่แตกต่างไปจากตอนกลางวัน ถ้าไปวันเสาร์หรืออาทิตย์ บริเวณถนนถลางจะมีร้านค้าต่างๆ ตั้งขายสินค้ากันตลอดเส้น มีของให้เราจับจ่ายซื้อหาไปฝากเพื่อนๆ หรือคนที่บ้านได้อย่างหลากหลาย กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เริ่มเช้าวันที่สองกับร้านขนมจีนป้ามัย ที่มีน้ำขนมจีนรสชาติเข้มข้นให้เลือกหลากหลาย เช่น น้ำยาปลา น้ำยาปู แกงเนื้อ น้ำยาป่า(ไม่ใส่กะทิ) น้ำพริก และน้ำชุบหยำ ที่รสชาติเหมือนน้ำพริกกะปิ หาทานได้เฉพาะภาคใต้เท่านั้น ที่ตั้ง : ระหว่างถนนสตูลและถนนดีบุก ใกล้กับบ้านชินประชาเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 06.00-12.00 น. (ส่วนใหญ่จะหมดก่อนเที่ยง)โทร. 076 258 037, 086 690 3375พิกัด : https://goo.gl/maps/mEob1Gxd8sx สถานที่แรกที่เราจะพาไปในวันนี้ก็คือ บ้านชินประชา เดิมเป็นบ้านของพระพิทักษ์ชินประชา (ตันม่าเสียง) เป็นบ้านที่สร้างในสไตล์ชิโน-โปรตุกีสหลังแรกของภูเก็ตสร้างโดยพระพิทักษ์ชินประชา เมื่อ พ.ศ.2446 ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ แต่ก็ยังคงเป็นที่พำนักของทายาทตระกูล “ตัณฑวณิช” เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ภายในบ้านเป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษที่นำมาจากเมืองจีน ส่วนวัสดุอื่นของบ้านนั้นนำเข้าจากต่างประเทศ เช่น กระเบื้องปูพื้นจากอิตาลี เป็นต้น เพราะการค้าขายทางเรือผ่านเกาะปีนังมายังภูเก็ตในสมัยนั้นเจริญรุ่งเรือง เปิดทุกวัน เวลา 10.00-16.00 น. ค่าเข้าชม ชาวไทย ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท / ชาวต่างชาติ 150 บาทพิกัด : https://goo.gl/maps/xsbb19jTcJU2 แวะนั่งชิลๆ กันที่
ภูเก็ต…เด็ดสะระตี่ ไปกี่ทีไม่มีเบื่อ อ่านเพิ่มเติม