กรุงเทพมหานคร

กรุงเทพมหานคร

ร้านใบบัว อาหารเหนือ-เชียงตุง

ร้านนี้ขายอาหารเหนือและอาหารเชียงตุง แล้วอาหารเชียงตุงกับอาหารเหนือเกี่ยวข้องกันยังไง แอดจะเล่าให้ฟัง ในอดีตพ่อค้าทางภาคเหนือนิยมใช้เส้นทางเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง เชียงราย แม่สาย เชียงตุงในการค้าขาย บางทีก็ยาวไปถึงยูนนาน หรืออาจถึงสิบสองปันนาเลยก็ได้ จึงมีการผสมผสานวัฒนธรรมการกินอาหารของท้องถิ่นต่าง ๆ เข้าด้วยกัน และมีการปรับเปลี่ยนวัตถุดิบหลายอย่างให้เข้ากับยุคสมัย แต่ร้านใบบัวยังคงใช้สูตรเชียงตุงดั้งเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง . แอดเลยอยากมาแบ่งปันประสบการณ์การกินอาหารกับเพื่อน ๆ ให้รู้ว่ารสชาติที่มีมาตั้งแต่อดีตจะเป็นยังไง แต่ถ้ายังลังเลอยู่ว่าจะไปลองดีไหม? ลองอ่าน ลองดูความฟินของอาหารที่แอดจะนำเสนอกันก่อน . ที่ตั้ง : ซอยประชาราษฎร์บำเพ็ญ 9 แขวง ห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10310เปิด 11.00 – 21.30 น.โทร. 02-690-3166, 02-690-3167พิกัด : https://www.facebook.com/BaibuaNorthernThaifood/.วิธีเดินทาง : ใช้ MRT ห้วยขวาง ทางออกที่ 1 เดินเข้าซอยประชาราษฎร์บำเพ็ญ 9 ร้านจะอยู่ซ้ายมือ ถ้าไม่อยากเดิน สามารถใช้บริการมอเตอร์ไซค์ (15 บาท) “ร้านใบบัว” เป็นร้านอาหารเชียงตุงขนาด 2 คูหา เปิดมาแล้วกว่า 30 ปี แอดมาถึงร้าน 11:00 ตรงเป๊ะ ร้านเพิ่งจะเปิด ระหว่างรอให้ร้านพร้อม เจ้าของร้านเลยมานั่งคุยด้วย พร้อมแนะนำรสชาติและอาหารเมนูต่าง ๆ ให้เราได้รู้จักอย่างเป็นกันเอง นับเป็นเสน่ห์ที่น่ารักของร้านที่แอดประทับใจ เจ้าของร้านชื่อพี่อร เป็นชาวไทยเขิน จากเมืองเชียงตุง แต่มาอยู่ที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย สูตรอาหารส่วนใหญ่จึงมีความเป็นเชียงตุงอยู่มาก และวัตถุดิบต่าง ๆ ก็นำเข้ามาจากเชียงตุง โดยผ่านทางญาติเจ้าของร้านที่อยู่ที่แม่สายนั่นเอง.พี่อรบอกว่า ถ้าเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ ต้องมาเร็วหน่อย เพราะอาหารจะหมดไวมาก โดยเฉพาะอุ๊บไก่ (แกงไก่ที่เคี่ยวจนเปื่อย) ทางร้านแนะนำให้กินอุ๊บไก่คู่กับข้าวเหลือง ข้าวเหนียวที่นึ่งกับชาดอกกุ๊ด (密蒙花) ดอกไม้ป่าคล้าย ๆ กับดอกราชาวดีที่ต้องนำเข้าจากเชียงตุงเท่านั้น เมื่อนำมานึ่งกับข้าวเหนียว จะได้สีเหลืองสวย มีกลิ่นน้ำผึ้งอ่อน ๆ.ในแต่ละวัน ที่นี่จะเปลี่ยนเมนูไปเรื่อย ๆ ไม่ต่ำกว่า 40 เมนูเลยทีเดียว ใช่แล้วเพื่อน ๆ ไม่ได้อ่านผิด 40 เมนูจริง ๆ !!.ตามไปดูเมนูที่แอดสั่งวันนี้กันเลยยย ข้าวซอยน้อย มีแบบธรรมดา และแบบทรงเครื่อง แอดเลือกแบบธรรมดา ร้านนี้เขาทำกันสด ๆ ที่หน้าร้านเลย วิธีทำคือ นำแป้งผสมน้ำใส่ถาด จุ่มถาดลงในหม้อน้ำร้อน ไม่กี่นาทีแป้งก็สุก ตลบแป้งพับเป็นสามเหลี่ยม เนื้อแป้งสัมผัสหยุ่นนิ่ม กินกับน้ำจิ้มรสเผ็ดแต่อร่อย . ถ้าเป็นข้าวซอยน้อยทรงเครื่อง เพื่อน ๆ สามารถเลือกใส่เครื่องเพิ่มเติม ทั้งหมูสับ ผักต่าง ๆ ไส้กรอก ปูอัด ไข่ ฯลฯ น้ำเงี้ยว น้ำเงี้ยวถ้วยนี้ รสชาติแบบว่า…เหนือถูกใจแอดมาก หมูสับเอย ซี่โครงเอย เคี่ยวจนเปื่อยสุด ๆ น้ำซุปกระดูกหมูหอมถั่วเน่ากำลังดี ยิ่งบีบมะนาวแล้วใส่กะหล่ำซอยฝอยยิ่งฟิน  ข้าวซอยไก่ เส้นหมี่เหนียวนุ่มกำลังดี น่องไก่เนื้อนุ่มชิ้นใหญ่ ราดน้ำซุปหอมเครื่องเทศ หวานน้อย กะทิไม่มันเลี่ยน รสชาติเผ็ดกำลังดี กินกับผักกาดฮ่อ (ผักดองแบบจีนยูนนาน รสหวานสดชื่น มีทั้งแบบเผ็ดและไม่เผ็ด) แถมโรยหน้าด้วยหมี่กรอบ ฟินมาก ยำข้าวแรมฟืน (ยำข้าวฟืน) สำหรับแอด หากไม่ไป อ.แม่สาย จ.เชียงราย ก็ไม่รู้จะไปหากินข้าวฟืนจากที่ไหน แต่ร้านนี้มีให้กิน ข้าวฟืน หรือข้าวแรมฟืนเป็นอาหารถิ่นของชาวไทลื้อ ไทเขิน และไทใหญ่ ที่แพร่หลายมาจนถึงภาคเหนือของไทย และกลายเป็นอาหารพื้นบ้านของชาวเชียงราย โดยเฉพาะที่ อ.แม่สาย.ทางร้านใบบัวใช้แป้งข้าวเจ้ามาทำข้าวฟืนสีขาว มีกลิ่นควันไฟหอมอ่อน ๆ นวล ๆ ข้าวฟืนสีเหลืองคือแป้งถั่วชิคพี รสชาติจะเข้มข้นขึ้นมาหน่อย บางสูตรใช้ถั่วเหลืองและข้าวโพดมาทำ ส่วนข้าวฟืนสีม่วงอ่อน, สีเทา ทำมาจากถั่วลิสง หอมถั่วมาก และมีรสมันของถั่ว.ข้าวฟืนจะมีลักษณะเป็นก้อนสี่เหลี่ยม ลักษณะคล้ายเยลลี่ ปกติสามารถหั่นแล้วจิ้มน้ำจิ้มกินได้เลย แต่วันนี้แอดสั่งยำข้าวฟืน ทางร้านจึงนำมายำใส่พริก ถั่ว งา น้ำส้มสายชู น้ำสู่ (น้ำหมักจากผลไม้) น้ำมะเขือเทศ ถั่วเน่า ฯลฯ รสชาติอร่อยล้ำเต็มปากเต็มคำสุด ๆ กินไปได้สักพัก พี่อรก็นำข้าวฟืนถั่วลิสงทอดมาให้ชิม ข้าวฟืนทอดร้อน ๆ จิ้มน้ำจิ้มถั่ว อร่อยมาก จานนี้เป็นเมนูใหม่ หาทานไม่ได้จากที่ไหน เพราะแม้แต่ร้านที่แม่สาย ส่วนใหญ่ก็จะใช้ข้าวฟืนแบบทั่วไปสีเหลืองนำมาทอดเท่านั้น ถ้าจะบรรยายความอร่อย เอาเป็นว่าเพื่อน ๆ ลองจินตนาการถึงเฟรนช์ฟรายทอดสดใหม่เวอร์ชั่นกินแล้วรู้สึกสุขภาพดีดู นั่นแหละคำจำกัดความของข้าวฟืนทอดจานนี้ น้ำพริกอ่อง รสชาติเหนือแบบออริจินัลเลย ไม่ออกหวานเหมือนร้านทั่วไปในกรุงเทพฯ กินคู่กับผักสดอร่อยมาก ลาบหมู รสชาติเผ็ด เค็มเข้มข้น หอมพริกลาบชัดเจน เข้าปากที กลิ่นพริกแห้ง มะแขว่น เม็ดผักชี และพริกไทยดำฟุ้งขึ้นจมูก เป็นจานที่เผ็ดร้อนเครื่องเทศ แต่กินกับข้าวเหนียวแล้วหยุดไม่ได้เลย แกงหอย ใครที่เคยดูเรื่อง “กลิ่นกาสะลอง” แล้วเจอฉากที่มีประโยคเด็ด “น้องไค่กิ๋นแก๋งหอย” แล้วนึกอยากกินขึ้นมา ที่ร้านใบบัว มีแกงหอยสูตรของทางเหนือให้มาลองชิมกันนะ.ตัวน้ำแกงเป็นสีใส ไม่ใส่กะทิแบบแกงคั่วหอยขมทั่วไป รสออกเค็มนิด ๆ เผ็ดเล็กน้อย วิธีกินก็คือดูด หรือไม่ก็เอาไม้จิ้มฟันจิ้มตัวหอยออกมา

ร้านใบบัว อาหารเหนือ-เชียงตุง อ่านเพิ่มเติม

เงิน เงิน เงิน พิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์

มีใครสงสัยเหมือนแอดไหมว่า เงินเหรียญที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้มีที่มายังไง ถ้าอยากรู้ เราไปหาคำตอบกันที่พิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์ดีกว่า เพราะที่นี่รวบรวมเรื่องราวของเหรียญไว้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเลยล่ะ พิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์แบ่งการจัดแสดงนิทรรศการออกเป็น 3 ชั้น ชั้นที่ 1 สามารถเดินชมด้วยตัวเองได้ ส่วนชั้นที่ 2 และ 3 ต้องให้เจ้าหน้าที่พาเดินชมเท่านั้น.รอบนำชมมีทุกๆ 20 นาที รอบแรกเริ่มเวลา 10.00 น. และรอบสุดท้ายเริ่มเวลา 16.40 น. เมื่อเข้ามาภายในอาคาร เราจะพบกับโถงต้อนรับ ซึ่งมีประติมากรรมนูนต่ำประดับอยู่ นอกจากนี้ยังมีห้องจำหน่ายเหรียญที่ระลึกต่างๆ ใครเป็นนักสะสมเหรียญต้องห้ามพลาดเลยค่ะ  ประติมากรรมนูนต่ำที่จัดแสดงอยู่นี้ เป็นภาพของเหรียญตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงยุคปัจจุบัน ซึ่งเอื้ออำนวยต่อผู้พิการทางสายตาด้วย เพราะสามารถจับดูได้ว่าเหรียญแต่ละชนิดมีลักษณะเป็นอย่างไร  นิทรรศการชั้นที่ 1 เรามาเริ่มกันที่ห้องแรกเลยค่ะ “ปฐมบทแห่งเงินตรา” เป็นห้องฉายแอนิเมชั่น 4 มิติ ในมุมมองแบบ 360 องศา บอกเล่าเรื่องราวการเริ่มต้นแลกเปลี่ยนของสังคมมนุษย์ โดยใช้สื่อกลางที่เป็นสิ่งของมีค่าต่างๆ.ขอบคุณรูปภาพจาก พิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์  ห้อง “เส้นทางวิวัฒนาการเงินตรา” จัดแสดงสิ่งของที่ใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน จนกระทั่งมีการค้นพบแร่โลหะที่มนุษย์ได้นำมาพัฒนาจนเกิดเป็นเงินตราขึ้น.ขอบคุณรูปภาพจาก พิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์  นิทรรศการชั้นที่ 2 ห้อง “นานาอาณาจักรเหรียญ” จัดแสดงเงินตราตั้งแต่สมัยอาณาจักรฟูนัน ทวารวดี ลพบุรี และศรีวิชัย ซึ่งทำให้เราได้ทราบถึงความสำคัญของเหรียญเหล่านี้ต่อวิถีชีวิต เศรษฐกิจ และการค้าขายในแต่ละยุคสมัย.ขอบอกว่า เหรียญที่นำมาจัดแสดงนี้เป็นของจริงทั้งหมดนะ  มาต่อกันที่ยุคสมัยของเงินตราไทย เริ่มตั้งแต่สมัยสุโขทัยจนถึงอยุธยา ที่เริ่มมีการใช้เงินพดด้วง มีการจัดแสดงกรรมวิธีในการผลิตเงินพดด้วง และเงินพดด้วงของจริงที่ใช้ในสมัยอยุธยา  ห้องต่อมาเป็น “เหรียญกษาปณ์สมัยรัตนโกสินทร์” นำเสนอความเฟื่องฟูทางการค้าและระบบเงินตรา การเปลี่ยนผ่านจากเงินพดด้วงสู่เหรียญกษาปณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของนวัตกรรมการผลิตเหรียญ ซึ่งในสมัยรัชกาลที่ 3 ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการผลิตเหรียญ ก่อนที่จะเปลี่ยนมาใช้เหรียญกษาปณ์กลมในสมัยรัชกาลที่ 4.ห้องนี้จัดแสดงเหรียญหายากหลากหลายชนิด และเหรียญที่ระลึกเนื่องในโอกาสต่างๆ ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 จนถึงรัชกาลที่ 9  ชมเหรียญของไทยจนเต็มอิ่มแล้ว ก็มาชมเหรียญจากต่างประเทศกันบ้าง กับห้อง “เหรียญนานาชาติ” ที่จัดแสดงเหรียญจากหลายประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นเหรียญกษาปณ์หมุนเวียน เหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเนื่องในโอกาสต่างๆ เหรียญกษาปณ์ที่บรรจุสิ่งของต่างๆ เช่น อัญมณี ชิ้นส่วนของอุกกาบาต หรือการสกัด DNA ของเสือชีตาห์มาไว้ในหลอดแก้วขนาดเล็กบนหน้าเหรียญ เป็นต้น  ใครอยากสะสมเหรียญนานาชาติ แบบไม่ต้องพกให้หนักกระเป๋า นี่เลย! สมุดสะสมตัวปั๊มรูปเหรียญ เล่มละ 40 บาท แอดปั๊มสนุกมือเลยล่ะค่ะ นิทรรศการชั้นที่ 3 ห้อง “วัฒนากษาปณ์ไทย” จัดแสดงเหรียญที่สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ซึ่งมีทั้งเหรียญกษาปณ์หมุนเวียน เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก และเหรียญที่ระลึกที่จัดสร้างขึ้นในวาระโอกาสต่างๆ ห้องต่อมาจัดแสดง “เหรียญกษาปณ์หมุนเวียนในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10”.และห้องสุดท้ายเป็น “ห้องฉายวีดีทัศน์” เกี่ยวกับพระราชกรณีกิจและพระราชจริยวัตรของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9.ขอบคุณรูปภาพจาก พิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์ . ที่ตั้ง : ถนนจักรพงษ์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯเปิดวันอังคาร-วันอาทิตย์ (หยุดวันจันทร์) เวลา 10.00-18.00 น.ไม่เสียค่าเข้าชมโทร. 02 282 0818 ต่อ 0   เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 13 ธันวาคม 2562

เงิน เงิน เงิน พิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์ อ่านเพิ่มเติม

6 ที่เที่ยววันหยุดสุดหรรษา ลั้นลาทั้งครอบครัว

Siam Amazing Park มาเริ่มกันที่แรก “สยามอะเมซิ่งพาร์ค” หรือชื่อเดิมคือ “สวนสยาม” ที่เรารู้จักกันนั่นเอง ที่นี่เป็นทั้งสวนสนุกและสวนน้ำที่ใหญ่ที่สุดในไทยเลยทีเดียว ภายในมีทะเลเทียมขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นที่มาของฉายา “ทะเลกรุงเทพ” นอกจากนี้ทะเลเทียมของที่นี่ยังได้รับการรับรองจากกินเนสบุ๊คว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกด้วย บอกเลยว่าไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ต้องชื่นชอบแน่ๆ แถมยังสามารถมาเที่ยวได้ทุกโอกาสเลยล่ะ ราคาบัตรผู้ใหญ่ 900 บาทเด็ก (สูงไม่ถึง 130 เซนติเมตร) 150 บาทผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เข้าฟรี เปิดทุกวัน เวลา 10.00 – 18.00 น.โทร. 02 919 7200, 02 105 4294พิกัด : https://goo.gl/maps/X6po8B9g5mY3cvTH6 SEALIFE Bangkok Ocean World อยากท่องโลกใต้ทะเลต้องมาที่นี่เลย มีกิจกรรมสนุกๆ ให้ทำมากมาย ทั้งเดินชมภายในอุโมงค์ยักษ์ใต้ท้องทะเล สัมผัสประสบการณ์ใกล้ชิดระหว่างคนกับฉลาม ฯลฯ เรียกได้ว่าเป็นการเปิดโลกแห่งการผจญภัยเลยก็ว่าได้ นับเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับเด็กจริงๆ ได้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลินเลย ราคาบัตรผู้ใหญ่ 440 บาทเด็ก อายุ 3 – 11 ปี 315 บาท เปิดทุกวัน เวลา 10.00 – 20.00 น.โทร. 02 687 2000พิกัด : https://goo.gl/maps/1JHA2teonxVqp19T9 ท้องฟ้าจำลอง จ.กรุงเทพฯ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ ภายในแบ่งเป็นโซนนิทรรศการและโซนท้องฟ้าจำลอง อยากชมโซนไหนซื้อตั๋วได้เลย หากใครยังไม่เคยมา แอดบอกเลยว่าสมควรแก่การมาชมเป็นอย่างยิ่ง เด็กๆ ต้องชอบแน่นอน ได้ทั้งความรู้ แรงบันดาลใจ ความคิดสร้างสรรค์ ผ่านกิจกรรมสนุกๆ มากมาย นอกจากนี้ยังมีของเล่น ของที่ระลึกเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์จำหน่ายด้วยนะ ราคาบัตรนิทรรศการ ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 20 บาทท้องฟ้าจำลอง ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 20 บาท รอบการแสดงวันอังคาร 10.00 / 11.00 / 15.00 น.วันพุธ – ศุกร์ 11.00 / 15.00 น.วันเสาร์ – อาทิตย์ 10.00 / 11.00 / 13.00 / 14.00 / 15.00 / 16.00 น. เปิดวันอังคาร – อาทิตย์ เวลา 09.00 – 16.30 น.(ปิดวันจันทร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์)โทร. 02 391 0544, 02 392 1773พิกัด : https://g.page/bkkplanetarium?share หุบเขาไดโนเสาร์ สวนนงนุช จ.ชลบุรี หุบเขาไดโนเสาร์ สวนนงนุช สถานที่ที่รวบรวมไดโนเสาร์ยักษ์สัตว์โลกล้านปี กว่า 90 สายพันธุ์ มาที่นี่เราจะได้ผจญภัยไปในโลกไดโนเสาร์!! รับรองว่าเด็กๆ เที่ยวเล่นได้ทั้งวันไม่เบื่อเลยค่ะ ภายในสวนนงนุชไม่ได้มีแค่หุบเขาไดโนเสาร์เท่านั้น แต่ยังมีสวนสวยอีกมากมายที่ต้องห้ามพลาด โดยราคาบัตรเข้าชมรวมทุกอย่างไว้ในราคาเดียวแล้ว ดีงามสุดๆ ราคาบัตร (ราคารวมเข้าชมทุกสวนและหุบเขาไดโนเสาร์)ผู้ใหญ่ 200 บาทเด็ก (สูงไม่ถึง 150 เซนติเมตร) เข้าฟรี เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 18.00 น.โทร. 038 238 061พิกัด : https://goo.gl/maps/48mLquJ33dpA4Yw86 Montreux cafe’ and farm จ.นครนายก เปลี่ยนแนวมาเที่ยวสไตล์ฟาร์มๆ กันบ้าง กับมองเทรอส์ คาเฟ่ & ฟาร์ม ซึ่งภายในแบ่งออกเป็นสองส่วนคือ ส่วนคาเฟ่และฟาร์ม ส่วนของฟาร์มจะมีกิจกรรมต่างๆ ให้ทำ เช่น สาธิตการทำไข่เค็มจากดินสอพอง ซึ่งเหมาะสำหรับพาเด็กๆ มาเรียนรู้ภูมิปัญญาการถนอมอาหารแบบไทยๆ การพายเรือ ให้อาหารปลา เรียนรู้การปลูกพืชสวนครัว นอกจากนี้ยังมีมีมุมถ่ายรูปชิคๆ เก๋ๆ เพียบ ท่ามกลางบรรยากาศท้องทุ่ง เพลิดเพลินกันได้แบบยาวๆ เปิดวันอังคาร – อาทิตย์ เวลา 09.00 – 19.00 น.(ปิดวันจันทร์)โทร. 087 979 7341พิกัด : https://goo.gl/maps/SoLWp2cqeCw99sZE8 Kidzania Bangkok คิดส์ซาเนีย กรุงเทพ เป็นศูนย์การเรียนรู้และความบันเทิงสำหรับเด็ก ที่เด็กๆ สามารถมาทดลองประกอบอาชีพที่ชอบได้ เรียกได้ว่าเป็นการสานฝันของเด็กๆ ที่จะได้ทำอาชีพที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น นักบิน หมอ นักแสดง นักดับเพลิง ตำรวจ นักข่าว ฯลฯ ได้เต็มเติมทุกความฝันเเละจินตนาการเลยทีเดียว ราคาบัตรวันธรรมดาเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ เข้าฟรีเด็กอายุ 2 – 3 ขวบ 490 บาทเด็กอายุ 4 – 14 ขวบ 780

6 ที่เที่ยววันหยุดสุดหรรษา ลั้นลาทั้งครอบครัว อ่านเพิ่มเติม

ตะลุยกินถิ่นเก่า…ตลาดนางเลิ้ง

ตะลุยกินถิ่นเก่า…ตลาดนางเลิ้ง สนธยา ข้าวผัดปูสุวิมล ก๋วยเตี๋ยวแคะก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ภรณ์ทิพย์ (สูตรโบราณ)สมยศ น้ำแข็งไสมณฑา ขนมถ้วยตะไลขนมไทยกล้วยทอด 1. สนธยา ข้าวผัดปู อยากทานข้าวผัดอร่อยๆ ต้องไปร้านนี้เลยค่ะ มีสารพัดข้าวผัดให้เลือก ทั้งข้าวผัดปู กุ้ง หมู ไก่ ปลาเค็ม และแฮม เป็นต้น ข้าวผัดรสชาติกลมกล่อม ข้าวไม่แฉะและไม่แห้งจนเกินไป นอกจากนี้ยังมีข้าวคลุกกะปิรสเด็ดให้ลองด้วยนะ.สนธยา ข้าวผัดปูเปิดทุกวัน เวลา 09.00 – 14.00 น.โทร. 092 359 3566 2. สุวิมล ก๋วยเตี๋ยวแคะ “ก๋วยเตี๋ยวแคะ” คือคำที่ใช้เรียกก๋วยเตี๋ยวสูตรชาวจีนแคะ หรือ ฮากกา มีวัตถุดิบหลักคือ เต้าหู้ไส้หมูสับและลูกชิ้นแคะ (ลูกชิ้นหมูผสมปลา) ถ้าไม่มีสองอย่างนี้ก็ไม่เรียกก๋วยเตี๋ยวแคะนะจ๊ะ ทีเด็ดของทางร้านอยู่ที่เครื่องต่างๆ ที่ใส่ในก๋วยเตี๋ยวนี่แหละ ทั้งเต้าหู้ไส้หมูสับ ลูกชิ้นแคะ ลูกชิ้นกุ้ง และฮือก้วยที่ไม่เหม็นคาว อร่อยจนต้องต่อชามที่สองเลยล่ะ.สุวิมล ก๋วยเตี๋ยวแคะเปิดวันพฤหัส – วันอังคาร (หยุดวันพุธ) เวลา 09.30 – 16.30 น.โทร. 089 881 9976 3. ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ภรณ์ทิพย์ (สูตรโบราณ) ร้านนี้แอดมาทานบ่อยมาก ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่มีความหอมกลิ่นกระทะไหม้นิดๆ เส้นก๋วยเตี๋ยวไม่แฉะ รสชาติกลมกล่อม แทบไม่ต้องปรุงเลย เมนูเด็ดอีกอย่างของร้านคือ ผัดหมี่กระเฉด รสชาติจัดจ้าน เส้นหมี่ก็ผัดมาแห้งกำลังดี .ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ภรณ์ทิพย์ (สูตรโบราณ)เปิดทุกวัน เวลา 07.00 – 14.00 น.โทร. 083 549 6496 4. สมยศ น้ำแข็งไส สายหวานเย็นมาทางนี้จ้า อยากได้ของหวานเย็นๆ ดับร้อนก็ต้องร้านนี้ ในหนึ่งชามสามารถเลือกเครื่องได้หลายอย่าง ทั้งลูกชิด สลิ่ม มัน ข้าวโพด ปลากริม ลอดช่องน้ำกะทิ ใส่ได้ตามใจชอบเลยค่ะ  ราคาเริ่มต้นที่ 15 บาทเท่านั้น ถูกมากๆ เลยนะเนี่ย.สมยศ น้ำแข็งไสเปิดวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 08.00 – 14.00 น.โทร. 02 282 6747 5. ขนมถ้วยตะไล มณฑา เป็นขนมถ้วยขวัญใจมหาชนเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นสูตรเฉพาะของร้าน!! เนื้อขนมนุ่ม หอมน้ำตาลมะพร้าว ด้านบนที่เป็นกะทิก็มีรสชาติเค็มมันกำลังดี แถมแม่ค้ายังใช้กะลามะพร้าวหยอดหน้าขนมด้วย เก๋ไก๋ไม่เหมือนเจ้าอื่นจริงๆ ต้องทานตอนร้อนๆ ด้วยนะ จะยิ่งอร่อย นอกจากนี้ยังมีขนมอื่นๆ อีก ทั้งขนมใส่ไส้ ขนมถั่วแปบ ขนมถ้วย ข้าวต้มมัด อร่อยถูกปาก ราคาถูกใจแน่นอน.ขนมถ้วยตะไล มณฑาเปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 14.00 น.โทร. 094 797 4953 6. ร้านขนมไทย ร้านขนมไทยอร่อยๆ ในตลาดนางเลิ้งมีหลายเจ้าเลยล่ะ ถ้าเลือกไม่ถูกว่าจะซื้อร้านไหนดี แอดมีรายชื่อมาให้ทุกคนไปตามรอยด้วย จะได้ทานกันให้ครบเลย 7. กล้วยทอด ปากซอยนางเลิ้ง 2 ร้านเด็ดร้านสุดท้ายที่ทุกคนต้องไปชิม ก็คือร้านกล้วยทอดข้างตลาดนางเลิ้ง ที่รสชาติไม่เหมือนเจ้าไหนๆ กล้วยนิ่มกำลังดี แป้งทอดกรอบกำลังอร่อย นอกจากนี้ยังมีข้าวเม่าทอดด้วย อร่อยไม่แพ้กันเลยล่ะ ราคาเริ่มต้นที่ 20 บาท.กล้วยทอด ปากซอยนางเลิ้ง 2เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 14.00 น. เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 23 สิงหาคม 2562

ตะลุยกินถิ่นเก่า…ตลาดนางเลิ้ง อ่านเพิ่มเติม

ตะลุยกิน ริมเจ้าพระยา…ท่าสาทร

เกร็ดความรู้ :.ท่าเรือสาทร ถือเป็นจุดเชื่อมต่อการคมนาคมที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานครของเราเลยก็ว่าได้ เนื่องจากที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองในย่านธุรกิจไม่ว่าจะเป็นตลาดบางรัก ถนนเจริญกรุง ถนนสีลม และนอกจากนี้ท่าเรือแห่งนี้ยังตั้งอยู่ไม่ไกลจาก ICON SIAM อีกด้วยค่ะ เพื่อนๆ ที่ต้องการเดินทางมายังท่าเรือแห่งนี้ แอดขอแนะนำ 2 วิธีง่ายๆ นั่นก็คือ การเดินทางโดยเรือโดยสาร (เรือธงสีส้ม สีเขียวและสีเหลือง) เลือกลงที่ “ท่าสาทร” และการเดินทางโดยรถไฟฟ้า BTS สายสีลม เลือกลงที่ “สถานีสะพานตากสิน” ค่ะ Sarnies Bangkok (ห่างจากท่าเรือ 700 เมตร).สำหรับ Sarnies คือคาเฟ่แบรนด์ดังจากประเทศสิงคโปร์ ที่ได้ขยายสาขาเข้ามาเปิดตัวในประเทศไทย จุดเด่นของร้านนี้ก็คือรสชาติกาแฟที่กลมกล่อมจนหลายๆ คนต่างต้องยกนิ้วให้ Sarnies Bangkok ตั้งอยู่ในซอยเจริญกรุง 44 ซึ่งเดิมพื้นที่ของร้านนี้เคยเป็นร้านขายของที่มีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี.ดังนั้นการตกแต่งจึงยังคงโครงสร้างเดิมที่มีความคลาสสิกทั้งภายในและภายนอกเอาไว้ และเพิ่มการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์โมเดิร์นเข้าไป เรียกได้ว่าเป็นการผสมผสานกันได้อย่างลงตัวเลยทีเดียวค่ะ เมนูแนะนำ– Coconut Long Black – กาแฟ Long Black ที่มีส่วนผสมของน้ำมะพร้าว รสเข้ม นุ่มลิ้น ไม่หวานมาก และหอมมะพร้าวนิดๆ – Banana Peanut Butter Shake – สมูทตี้กล้วยหอมผสมเนยถั่ว รสชาติหวานมัน ใครชอบเนยถั่ว ต้องแก้วนี้เลย – F**king Good Brownie – บราวนี่รสชาติเข้มข้น ตัดรสหวานด้วยเกลือที่โรยมาให้เล็กน้อย เนื้อเค้กฉ่ำมากๆ – Natural Rooibos Tea – ชารอยบอสเป็นชาแดงที่มีต้นกำเนิดจากแอฟริกาใต้ มีความหวานเล็กน้อย ดื่มง่าย ไม่ขมมาก และไม่มีคาเฟอีน ดีต่อสุขภาพสุดๆ.Sarnies Bangkokที่ตั้ง ซอยเจริญกรุง 44 แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน 08.00 – 17.30 น. บ้านผัดไทย (ห่างจากท่าเรือ 650 เมตร).บ้านผัดไทย ตั้งอยู่ในซอยเจริญกรุง 44 (ซอยเดียวกันกับ Sarnies Bangkok) มีลักษณะเป็นตึกแถว 2 คูหา สะดุดตาด้วยการทาสีฟ้าทั้งหลัง ภายในตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ โปสเตอร์โฆษณาและข้าวของเครื่องใช้เก่าๆ ค่ะ.นอกจากนี้ภาชนะที่ใช้ยังมีกลิ่นอายของความเป็นไทยในสไตล์วินเทจอีกด้วย เรียกได้ว่านี่ถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของร้านนี้เลยทีเดียว มาร้านบ้านผัดไทยทั้งทีเมนูแนะนำก็คงหนีไม่พ้น “ผัดไทย” ซึ่งเมนูผัดไทยของที่นี่เค้ามีให้เลือกหลากหลายไม่ว่าจะเป็น ผัดไทยเจ ผัดไทยหมูย่าง ผัดไทยกุ้งแม่น้ำย่าง เป็นต้น.ต้องบอกเลยว่ารสชาติของผัดไทยนั้นกลมกล่อมอร่อยเหมือนกันทุกจาน เพื่อนๆ สามารถเลือกชิมได้ตามใจชอบเลยค่ะ นอกจากนี้ที่นี่ยังมีเมนูอาหารไทยอีกหลายอย่างให้เลือกชิม หากเพื่อนๆ สนใจก็สามารถแวะมาทานกันได้นะคะ.ปล.แนะนำว่าให้มากันหลายๆ คนเพราะนอกจากจะได้ชิมหลายเมนูแล้วยังสามารถช่วยกันหารได้อีกด้วยค่ะ.บ้านผัดไทยที่ตั้ง ซอยเจริญกรุง 44 แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน เวลา 11.00 – 22.00 น. บุญทรัพย์ (ห่างจากท่าเรือ 550 เมตร).ร้านบุญทรัพย์ เป็นร้านขนมไทยที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่สมัยสงรามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งปัจจุบันมีการสืบทอดกิจการกันมาแล้ว 3 รุ่น.เนื่องจากร้านนี้เป็นร้านเล็กๆ ดังนั้นการตกแต่งจึงเน้นตกแต่งด้วยบรรยากาศสบายๆ เหมาะกับการนั่งทานขนมพร้อมมองดูวิถีชีวิตของผู้คนที่สัญจรผ่านไปมา สำหรับเมนูขึ้นชื่อของร้านนี้คือ ข้าวเหนียวมูน เนื่องจากข้าวเหนียวมีรสชาติที่หวานมันกำลังดี และไม่ว่าจะทานคู่กับมะม่วง สังขยา หรือปลาแห้งก็เข้ากันได้เป็นอย่างดี.บุญทรัพย์ที่ตั้ง 1478 ถนนเจริญกรุง แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพมหานครเปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 07.00-17.00 น. (ปิดวันอาทิตย์) โจ๊กปรินซ์บางรัก (ห่างจากท่าเรือ 600 เมตร).โจ๊กปรินซ์บางรัก เรียกได้ว่าเป็นตำนานความอร่อยในย่านนี้เลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะร้านนี้เค้าเปิดมากว่า 60 ปีแล้ว แม้ว่าภายในร้านจะไม่ได้ตกแต่งให้ดูสวยหรูแต่ก็ยังเนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่ต้องการมาทานโจ๊กแสนอร่อยของร้านนี้ โจ๊กที่อื่นอาจจะใช้หมูเด้ง แต่สำหรับโจ๊กของที่นี่เค้าใช้หมูสับที่ปรุงรสแล้วนำมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ ต้มไปพร้อมกับโจ๊ก เรียกได้ว่านี่คือ Gimmick ที่ทำให้โจ๊กปรินซ์มีรสชาติที่อร่อยมากยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ.โจ๊กปรินซ์ที่ตั้ง 1391 ถนนเจริญกรุง แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน เวลา 06.00 – 12.00 น. และ 16.30 – 22.00 น. ทิพ หอยทอดภูเขาไฟ (ห่างจากท่าเรือ 450 เมตร).ทิพ หอยทอดภูเขาไฟ เป็นอีกหนึ่งร้านเก่าแก่ย่านเจริญกรุงที่เปิดมานานกว่า 40 ปี อาหารที่ขึ้นชื่อของร้านนี้ส่วนใหญ่จะเป็นเมนูหอย เพราะหอยของที่นี่ตัวใหญ่ สดและสะอาด สำหรับเมนูแนะนำของร้านก็คือ “หอยทับหอย” หรือก็คือหอยแมลงภู่ทอดราดทับด้วยหอยนางรมนั่นเองค่ะ และต้องบอกเลยว่าแป้งของร้านนี้เค้าบาง กรอบ อร่อยมากๆ ยิ่งทานคู่กับน้ำจิ้มสูตรเด็ดของทางร้านด้วยแล้ว ฟินสุดๆ.ทิพ หอยทอดภูเขาไฟที่ตั้ง ซอยเจริญกรุง 50 แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพมหานครเปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 11.00 – 20.00 น. (ปิดวันอาทิตย์) เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 26 กรกฎาคม 2562

ตะลุยกิน ริมเจ้าพระยา…ท่าสาทร อ่านเพิ่มเติม

ตะลุยกินริมเจ้าพระยา…ท่าวัดวรจรรยาวาส

ทริปนี้เรานั่งเรือด่วนเจ้าพระยา ธงสีส้ม ราคา 15 บาท หรือเรือด่วนเจ้าพระยา แบบไม่มีธง ราคา 9/11/13 บาท (ตามระยะทาง) มาลงที่ท่าเรือวัดวรจรรยาวาส.เรือด่วนเจ้าพระยา ธงสีส้ม เดินเรือทุกวัน เวลา 06.00-19.00 น. เรือด่วนเจ้าพระยา แบบไม่มีธง เดินเรือวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 06.45-07.30 น. และ 16.00-16.30 น. ร้านคั่ว (ห่างจากท่าเรือประมาณ 700 เมตร).“คั่ว” ร้านอาหารที่เกิดจากเพื่อน 3 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นทำอาหารอร่อย จนเพื่อนคนอื่นๆ ต้องชวนให้เปิดร้านอาหาร ร้านนี้เหมาะกับการมานั่งทานของอร่อยหลังเลิกงานกับเพื่อน หรือครอบครัว เพราะร้านจะเปิดช่วงเย็นๆ ชื่อร้านก็บอกอยู่แล้วว่า ต้องถนัดเรื่องคั่วๆ แน่นอน ซึ่งทางร้านก็มีอาหารเมนูคั่วให้เลือกหลากหลาย.เริ่มจากเมนูก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ (89 บาท) ใช้วิธีการคั่วด้วยเตาถ่าน ตัวเส้นจะมีความกรอบนอก นุ่มใน อร่อยมากจริงๆ  เครื่องที่ใส่มาในก๋วยเตี๋ยวคั่ว ทางร้านให้มาชิ้นใหญ่ แบบไม่มีกั๊ก ซึ่งนอกจากไก่แล้ว ยังมีหอยเชลล์ญี่ปุ่น กุ้ง เนื้อหมักน้ำมันงา ไข่ปลาหมึก แฮม และเบคอน ให้เลือกด้วย.อย่าลืม ทานคู่กับซุปมะนาวดอง ที่หอมกลิ่นมะนาวดอง รสชาติออกเปรี้ยวๆ เค็มๆ (แต่อร่อยนะ) ซึ่งให้มาฟรี และเติมได้เรื่อยๆ นอกจากเมนูก๋วยเตี๋ยวคั่วแล้ว ยังมีเมนูเกาเหลาคั่ว ซึ่งจะมีแต่เนื้อ ไม่มีเส้น แอดสั่ง “เกาเหลาคั่วไข่ปลาหมึก” (139 บาท) ใครที่ชอบไข่ปลาหมึกต้องฟินมากแน่นอน เพราะไข่ปลาหมึกชิ้นใหญ่ เนื้อแน่นมากๆ.เมนู “คั่วพริกเกลือ” เป็นอีกหนึ่งทีเด็ดของร้าน มีทั้ง ข้าวผัดคั่วพริกเกลือ หรือจะเลือกปูนิ่ม หอยเชลล์ญี่ปุ่น กุ้ง ไก่ และสันคอหมู มาคั่วพริกเกลือก็ได้ แอดสั่ง “หอยเชลล์ญี่ปุ่นคั่วพริกเกลือ” (289 บาท) หอยเชลล์ตัวใหญ่ เนื้อแน่น คลุกเคล้าด้วยเครื่องพริกเกลือที่หอมกระเทียม และรสชาติกลมกล่อม ฟินมาก ยกนิ้วให้เลย จบจากเมนูคั่วทั้งหลายแล้ว ก็มาลองเมนูทอดกันบ้าง ไม่ว่าจะเป็น ซาลาเปาไข่เค็มลาวา ซาลาเปาครีมมินิ หมั่นโถว ถุงทอง และเกี๊ยวกุ้งทอด ต้องบอกเลยว่าของทอดของทางร้านดีงามไม่แพ้ของคั่วเลยล่ะ.ที่ตั้ง : ปากซอยเจริญกรุง 73 ถนนเจริญกรุง แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 17.30-23.30 น.โทร. 098 819 7974 ตวง ติ่มซำ (ห่างจากท่าเรือประมาณ 450 เมตร).ร้านติ่มซำคุณภาพดี ราคาจับต้องได้ โดยฝีมือของ “เชฟยิป” เชฟชาวฮ่องกงที่อดีตเคยเป็นเชฟประจำโรงแรมแชงกรีล่า เห็นประสบการณ์ของเชฟแล้ว ก็รู้เลยว่า รสชาติติ่มซำต้องเด็ดแน่นอน ขนมจีบหมูเห็ดหอม (ชุดละ 25 บาท) ฮะเก๋า (เข่งละ 50 บาท) เสี่ยวหลงเป่า (เข่งละ 40 บาท) ลูกใหญ่ อร่อยเต็มปากเต็มคำ รสชาติกลมกล่อม ส่วนซาลาเปาก็ไส้แน่นและมีให้เลือกหลายรส ** วันที่ 1 สิงหาคม 2562 ทางร้านจะปรับราคาอาหารขึ้นนะจ๊ะ**.ที่ตั้ง : ถนนเจริญกรุง (ระหว่างซอยเจริญกรุง 77 กับ 77/1) แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯเปิดวันพุธ-วันอาทิตย์ (หยุดวันจัทร์และอังคาร) เวลา 07.00-17.00 น.โทร. 089 603 0980 ข้าวขาหมู ปากซอยเจริญกรุง 77/1 (ห่างจากท่าเรือประมาณ 400 เมตร).ข้าวขาหมูถือเป็นอาหารอีกอย่างหนึ่งที่หาทานง่ายมาก แต่ก็ใช่ว่าจะอร่อยทุกร้าน สำหรับร้านนี้แอดคอนเฟิร์มว่าเด็ดจริง ถึงจะเป็นร้านตั้งข้างทาง แต่มีความอร่อยซ่อนอยู่ ทั้งเนื้อหมูและหนังหมูมีความนุ่ม น้ำซุปรสชาติกลมกล่อม และอย่าลืมทานคู่กับน้ำจิ้มรสเด็ด ฟินสุดๆ.ทางร้านรับทำข้าวกล่องด้วยนะ สามารถโทรไปสั่งได้เลย.ที่ตั้ง : ปากซอยเจริญกรุง 77/1 ถนนเจริญกรุง แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 06.00-14.00 น.โทร. 02 289 2697 ร้านก๋วยเตี๋ยวคุณอา (ห่างจากท่าเรือประมาณ 400 เมตร).ร้านก๋วยเตี๋ยวเก่าแก่ เปิดมานานกว่า 38 ปี แอดเห็นลูกค้าแน่นร้าน เลยคิดในใจว่า ร้านนี้ต้องเด็ดแน่นอน ว่าแล้วก็ขอเข้าไปลิ้มลองความอร่อยสักหน่อย.ที่ตั้ง : ฝั่งตรงข้าม เยื้องกับร้านตวง ติ่มซำ ถนนเจริญกรุง แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น.โทร. 096 916 6249  เมนูเด็ดของร้านคือ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ และก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ.แอดสั่งบะหมี่ต้มยำ (45-55 บาท) มาลองทาน บอกเลยว่าเครื่องเยอะ รสชาติกลมกล่อม ไม่ต้องปรุงเพิ่มเลยล่ะ.นอกจากนี้ ยังมีเมนูก๋วยจั๊บด้วยนะ ลองสั่งมาทานกันได้ นอกจากก๋วยเตี๋ยวแล้ว ยังมีอาหารทานเล่นอย่างเปาะเปี๊ยะทอด (40-50 บาท) ที่ทอดมาใหม่ๆ แป้งกรอบ ไส้แน่น ไม่อมน้ำมัน ยิ่งทานคู่กับน้ำจิ้มรสเด็ด ยิ่งอร่อย.แอดถึงขั้นจะสั่งเพิ่ม แต่น่าเสียดายที่ของหมดแล้ว แสดงว่าขายดีจริงๆ นะเนี่ย เมี่ยงคำ (ชุดละ 50 บาท) อีกหนึ่งเมนูที่ไม่น่าจะหาทานได้บ่อยๆ ในร้านก๋วยเตี๋ยว แต่ร้านนี้มีให้ทานจ้า ทีเด็ดอยู่ที่น้ำจิ้มเมี่ยงคำรสชาติเข้มข้น

ตะลุยกินริมเจ้าพระยา…ท่าวัดวรจรรยาวาส อ่านเพิ่มเติม

ตะลุยกิน ริมเจ้าพระยา…ท่าราชวงศ์

ท่าเรือราชวงศ์ หรือ ท่าน้ำราชวงศ์ ถือเป็นท่าเรือที่มีความสำคัญทั้งในด้านประวัติศาสตร์ และวิถีชีวิตของผู้คนในบริเวณนี้ ในอดีต ท่าน้ำราชวงศ์ เป็นท่าเทียบเรือกลไฟที่บรรทุกสิ่งของจากหัวเมืองต่างๆ เข้ามายังกรุงรัตนโกสินทร์ และยังเป็นท่าสำหรับขนส่งสินค้าของไทยออกไปยังต่างประเทศ นอกจากนั้นท่าเรือแห่งนี้ยังเป็นท่าเรือที่พระบรมวงศานุวงศ์ และเจ้านายชั้นสูงใช้ในการเดินทางไปยังต่างประเทศอีกด้วย ปัจจุบัน ท่าเรือราชวงศ์เป็นท่าเรือที่ใกล้ย่านชอปปิง อย่างสำเพ็งและเยาวราช จึงทำให้มีผู้คนนั้นต่างหมุนเวียนกันมาใช้บริการท่าเรือแห่งนี้กันเป็นประจำ ซาลาเปาเซี่ยงไฮ้ (ห่างจากท่าเรือราชวงศ์ 100 เมตร) เป็นร้านซาลาเปาที่อยู่คู่กับท่าราชวงศ์มาอย่างยาวนานและที่สำคัญอยู่ใกล้กับท่าเรือมากๆ ใครผ่านไปผ่านมาก็มักจะแวะซื้อทานกันเป็นประจำ ร้านนี้มีซาลาเปาให้เลือกหลายไส้ ไม่ว่าจะเป็น ไส้หมูสับ ไส้หมูแดง ไส้ผัก ไส้ถั่วเหลือง ไส้ถั่วดำ ไส้เผือก ไส้ครีม นอกจากนั้นยังมีหมั่นโถว และขนมจีบ ให้เลือกทานอีกด้วย ราคาซาลาเปาลูกละ 15 บาท หมั่นโถว 15 บาท ขนมจีบชุดละ 50 บาท แอดถามพี่ที่ร้านว่าซาลาเปาไส้ไหนขายดีที่สุด พี่เค้าบอกว่า จะเป็นไส้หมูสับกับไส้ครีม แอดเลยจัดมาทั้งสองไส้นี้เลย ซาลาเปาไส้หมูสับเครื่องแน่นจัดเต็มมากๆ มีทั้งหมู เห็ดหอม ไข่เค็ม อยู่ท้องกำลังดีเลย อีกไส้ก็คือไส้ครีม ครีมไม่หวานมาก แป้งนุ่ม พี่ยังบอกอีกว่า หมั่นโถวก็ขายดีไม่แพ้กัน แล้วแอดก็ขอคอนเฟิร์มอีกเสียงว่า หมั่นโถวร้านนี้ ดีมากๆ!! เพราะปกติที่แอดเคยทานจะเป็นแป้งล้วนๆ แต่ร้านนี้ใส่ลูกเกดเข้าไปด้วย ซึ่งมันเข้ากันดี และอร่อยมากๆ เปลี่ยนภาพหมั่นโถวที่เคยรู้จักมาเลย ต้องลองไปชิมนะ ซาลาเปาเซี่ยงไฮ้เปิดทุกวัน 06.00 – 18.00 น.โทร. 097 187 8444 ถ้าใครกลัวทานซาลาเปาแล้วต้องการน้ำดื่ม ทางร้านก็มีชานมไข่มุก ให้เลือกดื่มหลากหลายเมนู ซึ่งใครที่ไม่ชอบทานหวาน แอดบอกเลยว่า จะต้องถูกใจแน่นอน เพราะรสชาติของชาหวาน หอมกำลังดี ไข่มุกก็หนุบหนับ เข้ากันอย่างมากเลยล่ะ ขนมจีบอาเหลียง (ห่างจากท่าเรือราชวงศ์ 120 เมตร) ขนมจีบเจ้าดัง ดั้งเดิม ขายที่ถนนทรงวาดมาเป็นเวลานานหลายสิบปี แต่รสชาติยังดีไม่มีเปลี่ยน มีทั้งขนมจีบกุ้งและหมูสับ ราคาขนมจีบกุ้งลูกละ 5 บาท ขนมจีบหมูลูกละ 3 บาท แอดบอกเลยว่ารสชาติดีมากๆ แป้งเกี้ยวนุ่ม ไส้แน่นเต็มคำ ทานแล้วหยุดไม่ได้เลย ทีเด็ดของทางร้าน แอดขอยกให้กับน้ำจิ้มเลย เพราะรสชาติไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน ต้องไปลองชิม ขนมจีบอาเหลียงเปิดทุกวัน เวลา 12.00 – 21.00 น.โทร. 089 133 0640 , 087 031 6854 Yesterday’s Tea Rooms (ห่างจากท่าเรือราชวงศ์ 450 เมตร) ร้านกาแฟสไตล์ยุโรป ที่มองผ่านๆ ภายนอกเหมือนจะไม่มีอะไร แต่แอดบอกเลยว่าข้างในตกแต่งสวยมากๆ บรรยากาศในร้านจะสบายๆ ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้แบบวินเทจ สามารถนั่งทำงานหรืออ่านหนังสือได้ Yesterday’s Tea Roomsเปิดทุกวัน เวลา 08.30 – 18.00 น.โทร. 096 470 0062 อากาศร้อนๆ แบบนี้แอดจะไม่ยอมให้ตัวเองหงุดหงิดเด็ดขาด ไปหาเครื่องดื่มเย็นๆ เพิ่มความสดชื่นกันดีกว่า  แก้วแรกแอดสั่ง Ice Mocha (85 บาท) บอกเลยว่าใครเป็นสายเข้มข้น ต้องสั่งเมนูนี้เลย กาแฟหอมและกลมกล่อมมาก ถัดมาเป็น Coffee Chacha (95 บาท) เมนูซิกเนเจอร์ของร้าน เหมาะสำหรับคนที่อยากดื่มกาแฟแต่ก็ชอบดื่มชาด้วย แก้วนี้ถือว่าตอบโจทย์มาก เพราะมีส่วนผสมของกาแฟและชาเย็นอยู่ด้วยกัน เข้ากันได้ดีเลยค่ะ แอดอยากให้เพื่อนๆ ไปลองชิมกัน ข้าวมันไก่หลัง สน.จักรวรรดิ (ห่างจากท่าเรือราชวงศ์ 550 เมตร) บอกเลยว่าแอดเจอร้านนี้ได้ เพราะคนในพื้นที่บอกแอดมาอีกที ซึ่งร้านข้าวมันไก่หลัง สน.จักรวรรดินี้ เปิดขายมานานกว่า 50 ปีแล้ว บรรยากาศในร้านมีความดั้งเดิมอยู่มาก คุณยายเจ้าของร้าน และพี่ที่ร้านอัธยาศัยดีมากๆ รู้สึกถึงความอบอุ่นและต้อนรับทุกคนที่เข้ามาทานข้าวมันไก่ในร้านเป็นอย่างดี  ส่วนรสชาติแอดบอกเลยว่า โดดเด่นมากๆ เนื้อไก่มีความนุ่ม ไม่มันมาก ข้าวก็หอมเครื่องเทศกำลังดี แต่ทีเด็ดแอดขอยกให้กับน้ำซุปและน้ำจิ้มของทางร้าน น้ำซุปที่นี่จะใส่น้ำมะนาวลงไปทำให้มีรสเปรี้ยวนิดๆ แต่ไม่มีกลิ่นมะนาว ทานกับน้ำจิ้มที่เค็มและเผ็ดกำลังดี ราดบนไก่และข้าวมันพอดีคำ แอดบอกเลยว่า ฟินนนนแน่นอน ราคาข้าวมันไก่ ธรรมดา 40 บาท พิเศษ 50 บาทเท่านั้น ใครที่ผ่านไปผ่านมาอย่าลืมแวะไปทานนะ ข้าวมันไก่หลัง สน.จักรวรรดิเปิดวันจันทร์ – เสาร์ เวลา 08.00 – 14.00 น. (ปิดวันอาทิตย์)โทร. 02 222 3459 ราชาก๋วยเตี๋ยวเป็ด ป้อมจักรวรรดิ (ห่างจากท่าเรือราชวงศ์ 550 เมตร) ร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดเจ้าดังในเยาวราช ซึ่งไม่ต้องรอจนเย็นก็สามารถมาทานได้ อยู่ฝั่งตรงข้ามกับร้านข้าวมันไก่หลัง สน.จักวรรดิ นี่เอง เห็นเป็ดตัวโตแขวนอยู่แบบนี้ อดใจไม่ไหวต้องขอลองสักชาม สำหรับใครที่หิวๆ แอดบอกเลยว่าอิ่มท้องแน่นอน เพราะที่ร้านให้เส้นและเครื่องต่างๆ เยอะมากในราคา 40 บาทเท่านั้น (ถ้าสั่งพิเศษก็ 50 บาทนะ) เส้นที่แอดสั่งคือเส้นเล็ก เส้นเหนียวนุ่มกำลังดี เนื้อเป็ดก็นุ่มมากๆ ทานง่าย มีไส้แก้วกรุบๆ ให้เคี้ยวด้วย ส่วนน้ำซุปแอดไม่ได้ปรุงเลยเพราะรสชาติอร่อยอยู่แล้ว สามารถทานได้เลย ใครที่อยากกินก๋วยเตี๋ยวเป็ดเจ้าดัง แต่ไม่ต้องรอจนเย็นก็สามารถแวะมาทานได้นะ ราชาก๋วยเตี๋ยวเป็ด ป้อมจักรวรรดิเปิดวันจันทร์ – เสาร์ เวลา 08.30 –

ตะลุยกิน ริมเจ้าพระยา…ท่าราชวงศ์ อ่านเพิ่มเติม

บ้านศิลปิน : คลองบางหลวง

บ้านศิลปิน เป็นบ้านไม้เก่าแก่ 2 ชั้นริมคลองบางหลวง (หรือคลองบางกอกใหญ่) เดิมเป็นของ “ตระกูลรักสำหรวจ” ตระกูลช่างทองเก่าแก่ ซึ่งกลุ่มศิลปินนำโดยคุณชุมพล อักพันธานนท์ ได้ขอซื้อต่อจากทายาท และบูรณะใหม่เพื่อใช้เป็นสถานที่ทำงานและจัดแสดงผลงานศิลปะ ซึ่งที่นี่จะมีกลุ่มคนรักงานศิลปะรวมทั้งนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาอยู่เสมอ ทำให้ชุมชนคึกคัก และยังเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่ชุมชนอีกด้วย ภายในบ้านก็จะเก๋ๆ หน่อย ชั้นล่างเปิดเป็นพื้นที่สำหรับสร้างสรรค์ผลงานศิลปะต่างๆ เช่น กิจกรรมระบายสีหน้ากาก ฯลฯ นอกจากนี้ยังจำหน่ายของที่ระลึก และมีโซนกาแฟสดให้นั่งดื่มกันชิลๆ ด้วย ส่วนชั้นบนจะเป็นห้องโล่งๆ จัดเป็นอาร์ตแกลเลอรี่ของศิลปินมีฝีมือหลายคน มีทั้งภาพวาดและภาพถ่ายสวยๆ เรียกได้ว่ามาที่นี่ได้ปลุกความอาร์ตในตัวคุณแน่นอน หากใครถูกใจภาพไหนก็สามารถติดต่อขอซื้อได้ด้วย นอกจากนี้ภายในบริเวณบ้านยังมีเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง ซึ่งนับเป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งของบ้านศิลปินแห่งนี้ เชื่อกันว่าบริเวณนี้น่าจะเคยเป็นส่วนหนึ่งของวัดกำแพงบางจากที่อยู่ใกล้กันมาก่อน อีกหนึ่งไฮไลท์ของบ้านศิลปินก็คือ จะมีการแสดงหุ่นละครเล็กให้เราชมด้วยค่ะ ใครมาเที่ยวบ้านศิลปินก็ต้องห้ามพลาดนะคะ  ตารางการแสดงหุ่นละครเล็กจัดแสดงเพียง 4 วัน วันละ 1 รอบ เวลา 14.00 น.– วันอาทิตย์ คณะสิปปธรรม คำนาย– วันพุธ คณะสิปปธรรม คำนาย– วันศุกร์ คณะสิปปธรรม คำนาย– วันเสาร์ คณะคลองบางหลวง คำนาย วันจันทร์ – อังคาร และพฤหัสบดี งดการแสดงไม่เสียค่าใช้จ่าย **แนะนำให้โทรสอบถามการแสดงก่อนเข้าชม** เดินออกจากบ้านศิลปินมานิดเดียวก็จะพบกับ “บ้านของเล่น” ซึ่งเป็นร้านขายกาแฟโบราณและร้านขายของเล่นที่เราเคยเล่นกันสมัยก่อน เหมือนได้ย้อนวัยกลับไปเป็นเด็กเลย แอดแฮปปี้มาก ร้านตกแต่งด้วยของโบราณทั้งหมดเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นถาด ปิ่นโต หม้อ ชาม เก๋มากเลย เสร็จแล้วก็มานั่งชิลริมคลอง ให้อาหารปลากัน บอกเลยว่าปลาเพียบจ้า หากใครอยากท่องเที่ยวแบบชิลๆ ผ่อนคลายในบรรยากาศเงียบสงบ เหมือนได้ชาร์จแบตไปในตัว ที่นี่ก็ตอบโจทย์อยู่นะ บ้านศิลปิน ที่ตั้ง : 309 ซอยเพชรเกษม 28 ถนนเพชรเกษม แขวงคูหาสวรรค์ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯเปิดทุกวันวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 10.00 – 18.00 น.วันเสาร์ – อาทิตย์ เวลา 09.00 – 19.00 น.โทร. 02 868 5279 การเดินทาง BTS – เรือนั่ง BTS ลงสถานีบางหว้า จากนั้นไปขึ้นเรือที่ท่าเรือบางหว้า มีบริการเรือฟรีไปวัดกำแพง คลองบางหลวง (เรือมีเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) รถโดยสารประจำทางจากแยกท่าพระ นั่งรถประจำทางสาย 68 108 509 ฯลฯ มาลงที่ซอยจรัญสนิทวงศ์ 1/1 หรือซอยจรัญสนิทวงศ์ 3 จากนั้นต่อรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ราคา 10 บาท หรือรถสองแถว ราคา 5 บาท นั่งไปจนสุดซอย แล้วเดินข้ามสะพานไปก็จะถึงบ้านศิลปิน รถยนต์ส่วนตัวจากแยกท่าพระ วิ่งไปตามถนนเพชรเกษม กลับรถแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยวัดทองศาลางาม (ซอยเพชรเกษม 20) เข้าไปจนสุดซอยจะเจอวัดทองศาลางาม ให้เลี้ยวซ้ายและเลี้ยวซ้ายอีกครั้งก็จะถึงวัดกำแพงบางจาก สามารถจอดรถได้ภายในวัด จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายเดินเลียบคลองไปตามทางเดินเล็กๆ ประมาณ 130 เมตร ข้ามสะพานไปก็จะถึงบ้านศิลปิน เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 8 กรกฎาคม 2562

บ้านศิลปิน : คลองบางหลวง อ่านเพิ่มเติม

ตะลุยกิน ริมเจ้าพระยา…ท่าดินแดง

ท่าดินแดง เป็นอีกหนึ่งย่านที่น่าสนใจในเรื่องของอาหารอร่อยห้ามพลาดที่ต้องตามไปทาน ที่เดียวได้ทั้งของคาวและของหวานเลยล่ะ อิ่มท้องแถมยังประหยัดอีกด้วย การเดินทางมาที่ท่าดินแดงในครั้งนี้ แอดใช้บริการเรือด่วนเจ้าพระยามาลงที่ท่าเรือท่าราชวงศ์ จากนั้นใช้บริการเรือข้ามฟากมาที่ท่าเรือท่าดินแดง ค่าบริการ คนละ 3.50 บาท เท่านั้น ใครมาท่าดินแดงคราวนี้จะอิ่มท้องและมีของติดไม้ติดมือกลับบ้านแน่นอน เริ่มกันที่ ร้านนมสดท่าดินแดง ร้านนี้เต็มไปด้วยเมนูนมค่ะ มีหลากหลายเมนูให้เลือกทั้งร้อนและเย็น ไม่ว่าจะเป็นนมสด กาแฟ ชาไทย นมชมพู นอกจากนี้ยังมีขนมปังหน้าต่างๆ อีกด้วย ใครอยากซื้อกลับบ้านทางร้านก็มีเช่นกันทั้งขนมปัง นมสดพร้อมดื่ม สังขยาเยิ้มๆ น่าทานมากๆ เอาล่ะ เราไปดูกันเลยว่าแอดสั่งอะไรมาทานบ้าง  ทางร้านแนะนำ ชุดสังขยาใบเตย มีสังขยาให้เลือก 2 รสชาติด้วยกันคือสังขยาใบเตยและสังขยาไข่ ขนมปังนุ่มๆ จิ้มกับสังขยาเยิ้มๆ ละมุนสุดๆ เลยค่ะราคาชุดเล็ก 40 บาท / ชุดใหญ่ 60 บาท ต่อด้วยเค้กนมสด ชิ้นละ 15 บาท แป้งเค้กนุ่มฟู ที่สำคัญคือหอมมาก ทานคู่กับเครื่องดื่มเข้ากันมากๆ เลยล่ะ เมนูนี้แอดอยากให้ทุกคนลองชิม แนะนำๆ  นมสดท่าดินแดงเปิดทุกวัน เวลา 12.00-21.00 น.โทร. 02 863 1361 หลังจากดื่มนมกันแล้ว เดินต่อมาอีกนิดจะเห็นซอยท่าดินแดง 11 เดินเลี้ยวขวาเข้าไปประมาณ 30 เมตรก็จะเห็นร้านตั้งอยู่ทางขวามือ ก๋วยจั๊บเจ้หลา (เจ้าเก่า) ท่าดินแดง เป็นอีกหนึ่งร้านที่เปิดขายมายาวนานกว่า 10 ปี เห็นร้านเล็กๆ แบบนี้ แต่ลูกค้าเข้ามาต่อเนื่องแบบไม่ขาดสายเลยนะจะบอกให้ ก๋วยจั๊บที่ทางร้านขายจะเป็นก๋วยจั๊บน้ำข้น ราคาเริ่มต้น 40-50 บาท หรือใครชอบทานเกาเหลาร้านนี้ก็อร่อยไม่แพ้กันเลยล่ะ แอดบอกเลยว่ารสชาติเข้มข้นมาก ไม่ต้องปรุงก็อร่อย เส้นก๋วยจั๊บเหนียวนุ่มกำลังดี หมูกรอบชิ้นใหญ่ เลือดก็นุ่มกัดไปมีความ juicy เบาๆ ก๋วยจั๊บเจ้หลา (เจ้าเก่า)เปิดทุกวัน เวลา 09.30-15.00 น.โทร. 085 905 3552 จัดเต็มกันต่อด้วยร้าน ตี๋ หมูสะเต๊ะ เจ้าดังของย่านนี้กันเลย ตั้งอยู่ริม ถ.ท่าดินแดง เดินตรงจากท่าเรือมาเรื่อยๆ จะสังเกตเห็นเตาหมูสะเต๊ะยาวๆ กำลังย่างไฟอยู่ น่าทานซะเหลือเกิน หมูสะเต๊ะของทางร้านมีให้เลือกทั้งแบบ หมูติดมัน หมูไม่ติดมัน และยังมีตับสะเต๊ะด้วย   แอดสั่งมา 10 ไม้เบาๆ ทั้งแบบหมูติดมันและไม่ติดมันเลย บอกเลยว่าหมูนุ่มมากๆ หอมกลิ่นเครื่องเทศ น้ำจิ้มก็ดี เข้มข้นและหอมถั่วมากกกกก ซึ่งแอดโปรดปรานที่สุด ทานคู่กับอาจาดก็อร่อยเข้ากัน ตัดเลี่ยนได้ดีเลยล่ะ แตงกวาสด กรอบ แอดจัดการเรียบเลย ฮ่าๆๆ นอกจากหมูแล้วยังมีตับสะเต๊ะอีกด้วยนะ ราคาก็จะแตกต่างกันไป เริ่มต้นที่ไม้ละ 7 บาท พร้อมแล้วลุยเลย! หมูสะเต๊ะน้ำและจิ้มยั่วๆ จ้า หากใครแวะไปแถวท่าดินแดงต้องห้ามพลาดเลยนะ.ตี๋หมูสะเต๊ะ ท่าดินแดงเปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 07.30-23.00 น.(ปิดวันจันทร์เว้นจันทร์)โทร. 02 437 1172 มาต่อกันที่ร้าน เปาะเปี๊ยะสดเฮียไช้ อยู่ฝั่งตรงข้ามกับตี๋ หมูสะเต๊ะ เป็นร้าน street food ริมถนนท่าดินแดงค่ะ ร้านนี้เปิดมานานกว่า 70 ปี เรียกได้ว่าขายมาตั้งแต่รุ่นพ่อของเฮียไช้ ปัจจุบันได้ส่งต่อให้กับรุ่นหลานและยังเป็นร้านที่ลูกค้าติดใจไม่น้อยเลยล่ะ ร้านนี้เป็นสูตรโบราณและหาทานได้ยากแล้ว แอดได้เห็นกระบวนการห่อและส่วนประกอบต่างๆ ทุกอย่างสด ใหม่ น่าทานมากๆ แอดจัดมา 1 กล่อง บอกเลยว่าไส้แน่น ครบเครื่องและแป้งนุ่มไม่เหมือนร้านอื่น น้ำราดจะออกหวานๆ ทานคู่กับพริกมีรสชาติเปรี้ยวหน่อยๆ ตัดกันได้ดีเลยค่ะ ราคากล่องละ 50 บาท เปาะเปี๊ยะสดเฮียไช้ ท่าดินแดงเปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 09.00-14.00 น. (ปิดวันจันทร์)โทร. 098 967 3343 จากร้านเปาะเปี๊ยะสดเฮียไช้ ปิดท้ายกันที่ ข้าวพระรามลงสรงท่าดินแดง เดินผ่านสีแยกท่าดินแดงไปไม่ถึง 5 นาที ร้านตั้งอยู่ทางขวามือค่ะ ข้าวพระรามลงสรงเป็นเมนูอาหารจีนโบราณ ที่ปัจจุบันหากินได้ค่อนข้างยาก แต่ละร้านรสชาติของอาหารก็จะมีความโดดเด่นแตกต่างกันไป ซึ่งแอดเองก็เคยได้ยินชื่อเมนูนี้มาหลายครั้ง เพิ่งได้ลองชิมก็ที่นี่เจ้าแรกนี่แหละ  ส่วนประกอบในเมนูนี้มี ข้าวสวย ผักบุ้งลวก และเนื้อหมู ราดด้วยน้ำราดคล้ายๆ น้ำสะเต๊ะ ปิดท้ายด้วยพริกเผา ราคาจานละ 40-50 บาท รสชาติจะออกหวานนิดๆ รับประทานกับน้ำพริกเผาแล้วเข้ากันมากๆ แอดอยากให้เพื่อนๆ ได้ลองมาทาน เพราะทุกวันนี้หาทานได้ยากจริงๆ ค่ะ ถ้าจะให้อร่อยยิ่งขึ้นต้องทานคู่กับกุนเชียงสูตรเด็ดของร้าน นุ่ม หวาน อร่อยมากกก ข้าวพระรามลงสรง ท่าดินแดงเปิดวันอาทิตย์-ศุกร์ เวลา 06.30-15.30 น. (ปิดวันเสาร์)โทร. 02 437 4513, 081 774 4124  เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 28 สิงหาคม 2562

ตะลุยกิน ริมเจ้าพระยา…ท่าดินแดง อ่านเพิ่มเติม

10 จุดชมความงาม ยามอาทิตย์อัสดง

1. วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ วัดอรุณราชวราราม เป็นวัดเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 2 และรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ จุดเด่นของวัดแห่งนี้คือ “พระปรางค์” ซึ่งมีลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่สวยงามโดดเด่นที่สุดวัดหนึ่งของไทย หากมองจากฝั่งพระนครไปยังวัดอรุณฯ ในช่วงพลบค่ำ ก็จะเห็นภาพดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่ด้านหลังของพระปรางค์พอดิบพอดี องค์ประกอบต่างๆ ล้วนทำให้เกิดเป็นภาพที่สวยงามลงตัวอย่างน่าอัศจรรย์ วัดอรุณราชวรารามวรมหาวิหารที่ตั้ง : ถ.วังเดิม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน เวลา 8.30-17.30 น. 2. วัดไชยวัฒนาราม จ.พระนครศรีอยุธยา ในช่วงปีที่ผ่านมา วัดไชยวัฒนารามเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิต เนื่องจากเป็นฉากหนึ่งในละครเรื่องบุพเพสันนิวาสทีโด่งดังไปทั่ว ทำให้มีผู้คนเดินทางมาตามรอยละครกันมากมาย วัดไชยวัฒนาราม เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง โดยจำลองรูปแบบการก่อสร้างมาจากปราสาทนครวัด มีพระปรางค์องค์ใหญ่เป็นประธานของวัด และมีปรางค์บริวารอยู่ที่มุมทั้ง 4 รอบพระปรางค์ล้อมรอบด้วยระเบียงคด ซึ่งมีเมรุทิศ เมรุราย อยู่ที่มุมและด้านของระเบียงคด นับเป็นโบราณสถานที่สวยงามตระการตาอีกแห่งหนึ่ง ในยามเย็นช่วงพระอาทิตย์ตกดิน แสงที่สาดส่องมายังโบราณสถาน ทำให้เกิดมุมมองที่แปลกตา สวยงามไม่แพ้กลางวันเลย วัดไชยวัฒนารามที่ตั้ง : อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยาเปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น. 3. ปราสาทหินพนมรุ้ง จ.บุรีรัมย์ หลายๆ คนอาจจะตั้งตารอชมปรากฏการณ์ที่ดวงอาทิตย์ขึ้นตรง 15 ช่องประตู ซึ่งใน 1 ปีจะเกิดขึ้นเพียง 4 ครั้งเท่านั้น แต่วันนี้แอดอยากจะบอกว่า ไม่ต้องรอให้ถึงช่วงเวลานั้น เราก็มีรูปสวยๆ ไปอวดเพื่อนๆ ได้เหมือนกัน ยามดวงอาทิตย์คล้อยลงต่ำ เตรียมจะลาลับขอบฟ้า เงาของปราสาทจะบดบังดวงอาทิตย์ ทำให้ปราสาทดูลึกลับและเต็มไปด้วยมนต์ขลังมากยิ่งขึ้น ปราสาทหินพนมรุ้งที่ตั้ง : ต.ตาเป๊ก อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์เปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น. 4. สะพานแขวนสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี จ.ตาก สะพานแห่งนี้ถือเป็นจุดชมวิวแม่น้ำปิงที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของ จ.ตาก เลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะช่วงที่ดวงอาทิตย์ขึ้นและตก เราจะเห็นดวงอาทิตย์อยู่ตรงกับแนวสะพานพอดี เป็นภาพที่สวยงามมากๆ นอกจากนี้ ในช่วงเทศกาลลอยกระทงของทุกปี บริเวณสะพานแห่งนี้ยังใช้เป็นสถานที่จัดงานประเพณีลอยกระทงสายไหลประทีปพันดวง ซึ่งเป็นประเพณีท้องถิ่นของจังหวัดที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครอีกด้วย สะพานแขวนสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปีที่ตั้ง : อ.เมือง จ.ตาก 5. อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จ.สุโขทัย อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย มรดกโลกที่สำคัญของไทย ร่องรอยความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรสุโขทัยเมื่อกว่า 700 ปีก่อน ภายในอุทยานฯ เต็มไปด้วยโบราณสถานมากมายที่แม้จะปรักหักพังแต่ก็เต็มไปด้วยคุณค่าทั้งทางประวัติศาสตร์และทางจิตใจ ในช่วงเวลาโพล้เพล้ บริเวณสระน้ำหน้าวัดมหาธาตุนี่แหละคือสถานที่ยอดนิยมสำหรับนักถ่ายภาพ ภาพความยิ่งใหญ่ของโบราณสถานยามอาทิตย์อัสดงที่สะท้อนลงบนผิวน้ำนั้น งดงามเกินบรรยายจริงๆ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยที่ตั้ง : ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.สุโขทัยเปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น. 6. กว๊านพะเยา จ.พะเยา กว๊านพะเยาเป็นบึงน้ำที่เกิดจากการรวมตัวของลำห้วยต่างๆ ถึง 18 สาย เป็นบึงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ และใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศไทย นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลากว่า 50 ชนิดด้วย คำว่า “กว๊าน” หมายถึง หนองน้ำ หรือบึงน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นคำที่ใช้เฉพาะที่จังหวัดพะเยาแห่งเดียวเท่านั้น ทัศนียภาพรอบกว๊านร่มรื่น มองเห็นแนวทิวเขาสลับซับซ้อนสวยงาม บริเวณริมกว๊านมีร้านอาหารและสวนสาธารณะ ซึ่งสามารถมาเดินเล่น หรือชมพระอาทิตย์ตกดินได้ มีบริการนั่งเรือพายชมทัศนียภาพกว๊านพะเยาด้วย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท กว๊านพะเยาที่ตั้ง : ต.เวียง อ.เมือง จ.พะเยา 7. ประภาคาร จ.ระนอง ประภาคารแห่งนี้ ตั้งอยู่บริเวณท่าเทียบเรือด่านศุลกากรระนอง เป็นอาคารแปดเหลี่ยม สูง 50 เมตร ถือว่าเป็นประภาคารที่สูงที่สุดในประเทศไทย ประภาคารมีทั้งหมด 9 ชั้น โดยชั้นที่ 9 เป็นจุดชมวิวที่สามารถชมสวยงามของปากน้ำระนอง ก่อนไหลออกสู่ทะเลอันดามัน โดยอีกฟากฝั่งของแม่น้ำก็คือประเทศเมียนมานั่นเอง ใกล้มากๆ ในช่วงเย็น สถานที่แห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่เราสามารถมาเดินเล่น พักผ่อนหย่อนใจ รับลมเย็นๆ และถ่ายรูปเล่นได้อีกด้วย บอกเลยว่าภาพประภาคารที่มีภูเขาและดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าเป็นฉากหลังนั้น สวยงามไม่แพ้ที่ไหนๆ เลย ประภาคาร จ.ระนองที่ตั้ง : บ้านเขานางหงส์ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระนองเปิดทุกวัน เวลา 8.00-20.00 น. 8. สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จ.พัทลุง รู้หรือไม่..สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จ.พัทลุง เป็นสะพานที่ยาวที่สุดของประเทศไทยในขณะนี้ สะพานแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเชื่อมเส้นทางระหว่าง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง และ อ.ระโนด จ.สงขลา เข้าด้วยกัน โดยทอดยาวผ่านทะเลน้อยอันกว้างใหญ่ ทัศนียภาพโดยรอบสะพานเป็นเวิ้งน้ำกว้างไกล สามารถมองเห็นทะเลบัวแดงในช่วงเช้า ส่วนช่วงสายก็จะพบกับนกน้ำที่ออกหากิน และถ้าโชคดีก็อาจได้พบควายน้ำด้วย ไฮไลท์อีกอย่างของที่นี่คือ ในช่วงเย็นเส้นทางนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นจุดถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งอีกด้วย สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาที่ตั้ง : ต.พนางตุง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง 9. เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เกาะเต่า จุดดำน้ำที่มีชื่อเสียงระดับโลก เนื่องจากมีแนวปะการังทั้งน้ำตื้นและน้ำลึกที่มีความสวยงามและสมบูรณ์ อีกทั้งยังเป็นที่อยู่อาศัยของปลาหลากหลายชนิด เกาะเต่ามีหาดทรายขาวละเอียดและสะอาดสวยงาม นอกจากนี้ยังเป็นเกาะที่เงียบสงบ ผู้คนไม่พลุกพล่าน เกาะเต่าจึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่ต้องการการพักผ่อนอย่างแท้จริง ถึงแม้เกาะเต่าจะตั้งอยู่ในเขต จ.สุราษฎร์ธานี แต่เนื่องจากอยู่ใกล้ฝั่งของ จ.ชุมพรมากกว่า นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเกาะเต่าจึงนิยมขึ้นเรือจากชุมพรเป็นส่วนใหญ่ เกาะเต่าที่ตั้ง : อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี 10.

10 จุดชมความงาม ยามอาทิตย์อัสดง อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top