เพื่อนร่วมทาง

สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษที่ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี

สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษที่ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี ที่นี่ไม่ใช่แค่โรงพยาบาล แต่เป็นศูนย์รวมแห่งภูมิปัญญาไทยด้านสุขภาพแบบองค์รวม ที่จะทำให้คุณได้ทั้งพักผ่อน เรียนรู้ และดูแลตัวเองไปพร้อมๆ กัน เริ่มต้นด้วยการเข้าชม พิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร ที่ตั้งอยู่ในอาคารสถาปัตยกรรมสไตล์โคโลเนียลอันงดงาม ตื่นตาตื่นใจกับเรื่องราวประวัติศาสตร์การแพทย์แผนไทยอันยาวนาน ชมสมุนไพรหายาก ตำรับยาโบราณ และเรียนรู้วิถีชีวิตของผู้คนในอดีตที่ผูกพันกับการใช้ธรรมชาติบำบัด หลังจากเดินชมพิพิธภัณฑ์จนเพลิน ลองมาปรนนิบัติร่างกายด้วยศาสตร์แห่งการนวดและสปาแผนไทยต้นตำรับที่ อภัยภูเบศร เดย์ สปา ที่นี่มีบริการหลากหลาย ตั้งแต่การนวดผ่อนคลาย นวดบำบัด ไปจนถึงทรีทเม้นท์บำรุงผิวพรรณด้วยสมุนไพรธรรมชาติแท้ ๆ สัมผัสความผ่อนคลายอย่างลึกซึ้ง และคืนความสดชื่นให้กับร่างกาย ที่นี่ยังได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards) หรือรางวัลกินรี ครั้งที่ 14 ประจำปี 2566 อีกด้วย เติมพลังด้วยเมนูอาหารสุขภาพเลิศรสที่รังสรรค์จากพืชผักสมุนไพรปลอดสารพิษจากไร่ของอภัยภูเบศรเอง ร้านอาหารอภัยภูเบศร มีเมนูให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นยำสมุนไพร แกงเลียง หรือเครื่องดื่มสมุนไพรสดชื่น รับรองว่าอร่อย ได้ประโยชน์ และดีต่อสุขภาพอย่างแน่นอน นอกจากกิจกรรมต่างๆ แล้ว โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรยังมีคลินิกและศูนย์บริการด้านสุขภาพที่หลากหลาย ทั้งคลินิกแพทย์แผนไทย คลินิกฝังเข็ม และบริการตรวจสุขภาพต่าง ๆ หากต้องการปรึกษาหรือดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง ที่นี่ก็พร้อมให้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จึงเป็นมากกว่าสถานที่ท่องเที่ยว แต่เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพกายและใจให้สมบูรณ์แข็งแรงในแบบองค์รวม ลองมาสัมผัสประสบการณ์ดีๆ ด้วยตัวคุณเอง แล้วคุณจะหลงรัก

สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษที่ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จังหวัดปราจีนบุรี อ่านเพิ่มเติม

สะปัน-ห้วยโทน-ห้วยหมี Nan in Green Season

เมื่อก้าวเข้าสู่ฤดูฝน เชื่อได้ว่าหนึ่งในจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ ของนักท่องเที่ยว คือ จังหวัดน่าน ด้วยภาพจำอันโดดเด่นของภูเขาสูงชัน ทุ่งนาสีเขียว และสายน้ำชุ่มฉ่ำ ทำให้หลายต่อหลายคนหลงเสน่ห์เมืองน่านในช่วง Green Season บัดดี้ชวนเพื่อน ๆ ไปเที่ยวน่านในเส้นทางบ้านสะปัน-บ้านห้วยโทน-บ้านห้วยหมี เป็นเส้นทางท่องเที่ยวแบบวงกลมตามเข็มนาฬิกา อาจจัดทริป 3 วัน 2 คืนก็ได้ เช่น นอนบ้านสะปัน 1 คืน จากนั้นไปนอนที่บ้านห้วยโทนหรือบ้านห้วยหมีอีก 1 คืน ในรีวิวยังมีข้อมูลการเดินทางทั้งรถยนต์ รถโดยสารประจำทาง และรถขับเคลื่อนสี่ล้อ หากต้องการเที่ยวเป็นวงกลม แนะนำให้เริ่มจากตัวเมืองน่าน-อ.ปัว-ทางหลวงหมายเลข 1256-จุดชมวิวดอยภูคา 1715-อ.บ่อเกลือ-บ้านสะปัน-บ้านห้วยโทน-บ้านห้วยหมี-ทางหลวงหมายเลข 1081-โค้งพับผ้า-ถนนเลข 3-ตัวเมืองน่าน การไปเที่ยวให้ครบทั้ง 3 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านสะปัน บ้านห้วยโทน และบ้านห้วยหมี ในทริปเดียว แนะนำให้เริ่มที่บ้านสะปันก่อน โดยอาจจัดทริปแบบนอนค้างที่บ้านสะปันสัก 1 คืน จากนั้นวันถัดมาค่อยขึ้นเขาไปเที่ยวและพักที่บ้านห้วยโทนหรือบ้านห้วยหมี รถยนต์ สามารถไปได้ 2 เส้นทาง คือ เส้นทางที่ 1 จากตัวเมืองน่าน ใช้ทางหลวงหมายเลข 101 ผ่าน อ.ท่าวังผา จนถึง อ.ปัว และจากสามแยก อ.ปัว ให้แยกไปทางขวาใช้ทางหลวงหมายเลข 1256 ข้ามดอยภูคา ผ่านอุทยานแห่งชาติดอยภูคา จนถึงสามแยก อ.บ่อเกลือ จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1081 ตรงไปอีก 8 กิโลเมตร จะพบแยกขวามือเลี้ยวเข้าบ้านสะปัน ระยะทางรวมประมาณ 115 กิโลเมตร และตรงขึ้นเข้าในหมู่บ้านสะปันไปอีกประมาณ 5-10 กิโลเมตร จะถึงบ้านห้วยหมีและบ้านห้วยโทน เส้นทางที่ 2 จากตัวเมืองน่าน ใช้ทางหลวงหมายเลข 1169 ผ่าน อ. สันติสุข ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 1081 (ผ่านจุดชมวิวถนนหมายเลข 3) จนถึง อ. บ่อเกลือ (จุดนี้จะมาบรรจบกับเส้นทางที่ 1 ที่มาจากดอยภูคา) และเลยตัว อ.บ่อเกลือไปอีก 8 กิโลเมตร จะพบแยกขวามือเลี้ยวเข้าหมู่บ้านสะปัน ระยะทางรวมประมาณ 95 กิโลเมตร และตรงขึ้นเข้าในหมู่บ้านสะปันไปอีกประมาณ 5-10 กิโลเมตร จะถึงบ้านห้วยหมีและบ้านห้วยโทน พิกัดบ้านสะปัน : https://maps.app.goo.gl/7LXbnuemGnkQjsSq5พิกัดบ้านห้วยโทน : https://maps.app.goo.gl/GD1CrA9WT8uuKPHt9พิกัดบ้านห้วยหมี : https://maps.app.goo.gl/STwDhrevnrbf88zY7 การเดินทางจากตัวเมืองน่าน-บ้านสะปัน โดยรถโดยสารประจำทาง (ต่อที่ 1 ตัวเมืองน่าน-อ.ปัว)จากสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดน่าน มีรถสองแถว (สีฟ้า) สายน่าน-ท่าวังผา-ปัว ให้บริการตั้งแต่เช้า 07.00 น. เป็นต้นไปจนถึงช่วงเย็น รถออกจาสถานีขนส่งฯ ทุก 30 นาที ค่าโดยสาร คนละ 50 บ. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1-1.30 ชั่วโมง เพราะรถจะวิ่งจอดรับ-ส่งผู้โดยสารไปตลอดทาง ปลายทางรถสองแถวจะไปสุดสายที่ท่ารถซึ่งตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 1081 หลังตลาดเทศบาลปัวและข้างสนามกีฬา หากนั่งรถทัวร์มาจากกรุงเทพฯ แนะนำให้ซื้อตั๋วเลือกลงที่สถานีขนส่งผู้โดยสารอำเภอปัว (เช่น สมบัติทัวร์, บขส.) จากนั้นนั่งจักรยานยนต์รับจ้าง หรือสองแถวจากตัวเมืองน่านที่จะแวะเข้าไปรับผู้โดยสารในสถานีขนส่งฯ มาลงยังท่ารถสองแถว (สีกรมท่า) สายปัว-บ่อเกลือ (ต่อที่ 2 อ. ปัว – อ.บ่อเกลือ)รถสองแถว (สีกรมท่า) สายปัว-บ่อเกลือ ท่ารถจอดอยู่ข้างกันกับท่ารถสองแถว (สีฟ้า) สายปัว-ท่าวังผา-น่าน ริมทางหลวงหมายเลข 1081 ด้านหลังตลาดเทศบาลปัว ส่วนท่ารถที่ตัว อ.บ่อเกลือ ตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 1081 เลยจากสามแยกตัว อ.บ่อเกลือ ไปทาง อ.เฉลิมพระเกียรติ ประมาณ 100 เมตร รอบเวลารถ ดังนี้ ปัว – บ่อเกลือเวลา 07.30 น./09.30 น./11.30 น.(รอบสุดท้ายอาจงดวิ่ง หากไม่มีผู้โดยสาร) บ่อเกลือ – ปัวเวลา 09.00 น./10.30 น./12.30 น.(รอบสุดท้ายอาจงดวิ่ง หากไม่มีผู้โดยสาร) ค่าโดยสาร ที่นั่งละ 80 บ.การเดินทางด้วยรถสองแถวจาก อ.ปัว – อ.บ่อเกลือ – บ้านสะปัน ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมงเบอร์โทรรถสองแถว (สีกรมท่า) ปัว-บ่อเกลือ โทร. 08 0794 4893, 08 0913 3554, 08 9835 6884 ทางหลวงหมายเลข 1256 (ปัว-บ่อเกลือ) ช่วงที่เป็น “ถนนลอยฟ้า” คือเป็นช่วงที่ถนนตัดผ่านบนสันเขา สองข้างทาง มองเห็นทิวทัศน์สวยงาม มุมโดรนจะยิ่งเห็น ถนนลอยฟ้าได้ชัดเจน จุดนี้ (รูปกลาง) ถ้ามาจาก อ.ปัว จะอยู่ประมาณช่วงหลักกิโลเมตรที่ 22 ของทางหลวงหมายเลข 1256 ช่วงที่ถ่ายนี้ คือ กลางเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา เพิ่งเข้าสู่ฤดูฝนได้ไม่นาน ภูเขาและต้นไม้ใบหญ้าจึงยังไม่เขียวเต็มพื้นที่ จุดชมวิว 1715 ดอยภูคา ตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 1256 เป็นจุดพักรถระหว่างทางจากปัว-บ่อเกลือ มีห้องน้ำให้บริการด้วย และบริเวณถนนอีกฝั่งของจุดชมวิวดอยภูคา

สะปัน-ห้วยโทน-ห้วยหมี Nan in Green Season อ่านเพิ่มเติม

เที่ยว ชม ชิม ของดีถิ่นอีสาน 3 วัน 2 คืน ที่ ขอนแก่น

วันนี้บัดดี้มีเส้นทางท่องเที่ยวที่จะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยว ชม ชิม ของดีถิ่นอีสาน 3 วัน 2 คืน ที่ จ.ขอนแก่น มหานครแห่งภาคอีสาน ที่มีทั้งการกินของอร่อย การชมชุมชนสุดน่ารัก การชมแลนด์มาร์กสวย ๆ และการท่องแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และธรรมชาติ หากใครกำลังวางแผนเที่ยววันหยุดอยู่ ลองพิจารณาเส้นทางท่องเที่ยว จ.ขอนแก่น ที่บัดดี้นำเสนอไปเป็นหนึ่งในตัวเลือกดู รับรองเลยว่าเที่ยวตามได้ไม่ผิดหวัง ✨ 📌 Day 11. สวนสัตว์ขอนแก่น (TTA)2. มีกินฟาร์ม (Mekin Farm)3. พระมหาธาตุแก่นนคร 📌 Day 21. ศูนย์ศึกษาวิจัยและพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ (TTA)2. โจ๊กจั๊บเส้น 📌 Day 31. บ้านเฮง2. ชุมชนสาวะถี

เที่ยว ชม ชิม ของดีถิ่นอีสาน 3 วัน 2 คืน ที่ ขอนแก่น อ่านเพิ่มเติม

ชวนไปไหว้พระ 9 วัด ในเขตตัวเมืองน่าน

✨ ชวนไปไหว้พระ 9 วัด ในเขตตัวเมืองน่าน ที่สามารถเดินทางไปให้ครบได้ภายในวันเดียว บางวัดตั้งอยู่ใกล้กัน สามารถเดินถึงกันได้ บางวัดอาจต้องขับรถออกไปสักเล็กน้อย แต่ไม่เกิน 5 กิโลเมตรจากตัวเมือง 📌 วัดภูมินทร์ เดิมวัดนี้ชื่อว่า “วัดพรหมมินทร์” ตามพงศาวดารของเมืองน่าน พระเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ เจ้าผู้ครองนครน่าน ได้สร้างวัดภูมินทร์ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2139 หลังจากที่ครองนครน่านได้ 6 ปี ต่อมาได้รับการบูรณะครั้งใหญ่เมื่อปี พ.ศ. 2410 โดยพระเจ้าอนันตวรฤทธิเดช สันนิษฐานว่าภาพจิตรกรรมฝาผนังในวิหารหลวงคงจะวาดขึ้นในสมัยที่มีการซ่อมแซมครั้งนี้ วัดภูมินทร์เป็นวัดที่สร้างทรงจัตุรมุขหนึ่งเดียวในประเทศไทย มีประติมากรรมนาคสะดุ้งตัวใหญ่ 2 ตัวเทินพระอุโบสถไว้ ตัวอาคารเป็นทั้งพระอุโบสถ พระวิหาร และพระเจดีย์ประธาน โดยใช้อาคารในแนวตะวันออก-ตะวันตกเป็นพระวิหาร และอาคารแนวเหนือ-ใต้เป็นพระอุโบสถ รัฐบาลไทยเคยพิมพ์รูปวัดภูมินทร์ในธนบัตรใบละ 1 บาท ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระประธานจตุรทิศ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย 4 องค์ หันพระพักตร์ออกสู่ประตูทั้งสี่ทิศ ผนังด้านในพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรม (ฮูปแต้ม) เป็นภาพแสดงเรื่องชาดก ภาพวิถีชีวิตความเป็นอยู่ และภาพตำนานพื้นบ้านของชาวเมืองน่าน ภาพปู่ม่าน ย่าม่าน นับเป็นจิตรกรรมฝาผนังที่มีความสมบูรณ์ หาดูได้ยาก และเป็นภาพที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของวัดภูมินทร์ ตั้งอยู่ถนนผากอง ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่านพิกัด : https://maps.app.goo.gl/VumLFJYN6ijxoZaZ7 📌 วัดศรีพันต้น สร้างโดยพญาพันต้น เจ้าผู้ครองนครน่านแห่งราชวงศ์ภูคา (ครองนครน่านระหว่างปี พ.ศ. 1960-1969) บางสมัยเรียกว่า “วัดสลีพันต้น” คำว่า “สลี” หมายถึง ต้นโพธิ์ ซึ่งในอดีตมีต้นโพธิ์ใหญ่อยู่ด้านทิศเหนือและทิศใต้ของวัด ภายในวัดมีพระวิหารสีทองตั้งเด่นเป็นสง่า มีสถาปัตยกรรมปูนปั้นที่สวยงาม โดยเฉพาะพญานาคเจ็ดเศียรเฝ้าบันไดหน้าพระวิหาร สีทองเหลืองอร่ามสวยงามตระการตา เป็นฝีมือช่างเมืองน่าน ชื่อนายอนุรักษ์ สมศักดิ์ หรือ “สล่ารง” ภายในพระวิหารมีการเขียนภาพลายเส้นพุทธประวัติของพระพุทธเจ้าและประวัติการกำเนิดเมืองน่าน เป็นผลงานจิตรกรรมของช่างเมืองน่านเช่นกัน ตั้งอยู่ริมถนนเจ้าฟ้า ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่านพิกัด : https://maps.app.goo.gl/TZA1cgroBUUFq1wT9 📌 วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร เดิมเรียก “วัดหลวง” หรือ “วัดหลวงกลางเวียง” สร้างขึ้นในสมัยเจ้าปู่แข็ง ราวปี พ.ศ. 1949 เป็นวัดหลวงในเขตนครน่าน สำหรับเจ้าผู้ครองนครใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญทางพุทธศาสนาและพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา ตามศิลาจารึกหลักที่ 74 ซึ่งถูกค้นพบภายในวัดกล่าวว่า พญาพลเทพฤๅชัย เจ้าเมืองน่าน ได้ปฏิสังขรณ์บูรณะวิหารหลวงเมื่อปั พ.ศ. 2091 ลักษณะสถาปัตยกรรมของวัดพระธาตุช้างค้ำนี้สะท้อนให้เห็นอิทธิพลของศิลปะสุโขทัย เช่น เจดีย์ทรงลังกา (ทรงระฆัง) รอบฐานองค์พระเจดีย์ก่ออิฐถือปูนและปั้นเป็นรูปช้างครึ่งตัว ด้านละ 5 เชือก และที่มุมทั้งสี่อีก 4 เชือก ดูคล้ายจะเอาหลังหนุน หรือ “ค้ำ” องค์พระเจดีย์ไว้ ลักษณะคล้ายวัดช้างล้อม จังหวัดสุโขทัย ภายในวิหารประดิษฐานพระประธานเป็นปูนปั้นขนาดใหญ่ ศิลปะเชียงแสน ฝีมือสกุลช่างเมืองน่านที่มีพุทธลักษณะงดงามยิ่ง และใกล้กันยังมีอีกพระวิหารหนึ่ง ภายในประดิษฐาน พระพุทธนันทบุรีศรีศากยมุนี พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ปางประทานอภัย สูง 1.45 เมตร อายุราวครึ่งหลังพุทธศตวรรษที่ 19 ตรงกับสมัยสุโขทัยตอนปลาย ส่วนผสมของทองคำร้อยละ 65 พุทธลักษณะงดงามเช่นกัน ตั้งอยู่ถนนสุริยพงษ์ ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่านพิกัด : https://maps.app.goo.gl/dfLuu2aq94sDQgh77 📌 วัดมิ่งเมือง ภายในวัดเป็นที่ประดิษฐานเสาหลักเมืองของจังหวัดน่าน อยู่ในศาลาจัตุรมุขด้านหน้าพระอุโบสถ เสาหลักเมืองมีความสูง 3 เมตร ฐานประดับด้วยไม้แกะลวดลายลงรักปิดทอง ยอดเสาแกะสลักเป็นรูปพรหมพักตร์ มีชื่อว่า เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เดิมวัดแห่งนี้เป็นวัดร้าง สันนิษฐานว่าสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2400 มีการพบเสาหลักเมืองที่เป็นท่อนซุงขนาดใหญ่สองคนโอบ ต่อมาเจ้าอนันตวรฤทธิเดช เจ้าผู้ครองนครน่านได้สถาปนาวัดขึ้นมาใหม่ และตั้งชื่อว่า “วัดมิ่งเมือง” ตามชื่อที่เรียกเสาหลักเมืองว่า “เสามิ่งเมือง” ต่อมาในปี พ.ศ. 2527 มีการรื้อถอนและสร้างพระอุโบสถหลังใหม่เป็นแบบล้านนาร่วมสมัยดังที่ปรากฎในปัจจุบัน ลักษณะเด่นคือลายปูนปั้นที่ผนังด้านนอกของพระอุโบสถ เป็นฝีมือตระกูลช่างเชียงแสน มีความวิจิตรงดงามมาก ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังแสดงให้เห็นวิถีชีวิตของชาวเมืองน่าน ฝีมือช่างท้องถิ่นยุคปัจจุบัน ตั้งอยู่ริมถนนสุริยพงษ์ ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่านพิกัด : https://maps.app.goo.gl/1Jr4cF8uxvv3FMMu9 📌 วัดหัวข่วง วัดนี้ไม่ปรากฏว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยใด มีเพียงหลักฐานว่าได้รับการบูรณะราวปี พ.ศ. 2425 โดยเจ้าอนันตวรฤทธิเดช เจ้าผู้ครองนครน่าน และมีการบูรณะอีกครั้งราวปี พ.ศ. 2472 ในสมัยเจ้ามหาพรหมสุรธาดา เจ้าผู้ครองน่านองค์สุดท้าย จากนั้นในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2533 กรมศิลปากรได้ส่งเจ้าหน้าที่มาบูรณะเจดีย์วัดหัวข่วง และประกาศเป็นโบราณสถานของชาติ สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด ได้แก่ หอธรรมหรือหอไตร เป็นอาคารที่มีลักษณะทรงสี่เหลี่ยมจตุรมุขใต้ถุนก่อทึบทรงสี่เหลี่ยมยอดเป็นรูปเต้าสลักลายลงรักปิดทองประดับกระจก ใช้เป็นสถานที่เก็บคัมภีร์โบราณและพระไตรปิฏก พระเจดีย์วัดหัวข่วง ลักษณะของเจดีย์เป็นทรงเรือนธาตุแบบศิลปะล้านนา มีการดัดแปลงของช่างฝีมือของชาวน่าน จากลักษณะสถาปัตยกรรมพออนุมานได้ว่าน่าจะสร้างขึ้นในประมาณปี พ.ศ. 2200 พระวิหารของวัด เป็นอาคารทรงจั่วมีหน้าบันประดับลวดลายไม้จำหลักรูปพรรณพฤกษา ประตูหน้าต่างประดับลายปูนปั้นคล้ายกับใบผักกาด มีการเรียนแบบศิลปะตะวันตก แสดงให้เห็นว่าอดีตนครน่านก็มีการติดกับกลุ่มชาวตะวันตกทำให้วิหารที่นี่ค่อนข้างแตกต่างกับที่อื่น ๆ นอกจากนี้ภายในวิหารยังประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย ลักษณะพุทธศิลป์แบบล้านนา และยังเป็นพระประธานเบี่ยงซ้ายแห่งเดียวในประเทศไทยด้วย ตั้งอยู่ริมถนนมหาพรหม ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่านพิกัด : https://maps.app.goo.gl/om6Ezqn7qUosXDrR9 📌 วัดสวนตาล วัดนี้สร้างขึ้นโดยพระนางปทุมวดี เมื่อปี พ.ศ. 1770 ภายในพระวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปที่สำคัญคือ พระเจ้าทองทิพย์ ซึ่งพระเจ้าติโลกราชแห่งนครเชียงใหม่ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใน พ.ศ. 1992 เป็นพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์องค์ใหญ่ปางมารวิชัย มีงานนมัสการและสรงน้ำองค์พระเป็นประจำทุกปีในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ด้านหลังพระวิหารมีองค์พระเจดีย์ มีสัณฐานงดงาม ชั้นล่างมีซุ้มประตูทั้งสี่ทิศ จากภาพถ่ายในหอจดหมายเหตุแห่งชาติ รูปเจดีย์วัดสวนตาลก่อนการบูรณะในสมัยพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ (ตรงกับรัชกาลที่

ชวนไปไหว้พระ 9 วัด ในเขตตัวเมืองน่าน อ่านเพิ่มเติม

ฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค สระบุรี สัมผัสธรรมชาติ เรียนรู้ชีวิตโคนม ใกล้กรุงเทพฯ แค่เอื้อม!

หากเพื่อน ๆ กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่เต็มไปด้วยความรู้ ความสนุกและใกล้ชิดธรรมชาติ…วันนี้บัดดี้เลยขอชวนเพื่อน ๆ ออกเดินทางไปด้วยกัน ณ ฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค จ.สระบุรี 🐄✨ ที่นี่ไม่ได้เป็นแค่เพียงฟาร์มโคนมเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดหมายปลายทางที่ห้ามพลาด ที่เหมาะสำหรับทั้งครอบครัว คู่รัก กลุ่มเพื่อนและกลุ่มนักเรียนที่อยากมาทัศนศึกษา มีกิจกรรมหลากหลายให้ร่วมสนุกและเรียนรู้ เช่น🛺 นั่งรถรางชมบรรยากาศภายในฟาร์ม👑 กิจกรรม “ตามรอยศาสตร์พระราชา”🥛 เรียนรู้กระบวนการผลิตนมแบบครบวงจร — ตั้งแต่เลี้ยงโค รีดนม จนถึงการแปรรูป🐄 สนุกกับการรีดนมแม่วัว / ป้อนนมลูกวัว📸 ถ่ายรูปสวย ๆ ท่ามกลางธรรมชาติสีเขียวขจี🐄 การแสดงคาวบอย🛍️ ชิมและชอปผลิตภัณฑ์นมสดแท้ ส่งตรงจากฟาร์ม✨ ที่นี่คือจุดกำเนิดของ “นมไทย-เดนมาร์ค” แบรนด์นมที่คนไทยภาคภูมิใจ 📌 ติดตามข้อมูลกิจกรรมและรอบให้บริการได้ที่📱 Facebook: ฟาร์มโคนม ไทย-เดนมาร์ค อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี☎️ โทร: 09 1890 6335📱 LINE Official: https://lin.ee/hbX2mBk🚗 การเดินทาง: https://maps.app.goo.gl/MPhGhDkE3kdiHD9D9

ฟาร์มโคนมไทย-เดนมาร์ค สระบุรี สัมผัสธรรมชาติ เรียนรู้ชีวิตโคนม ใกล้กรุงเทพฯ แค่เอื้อม! อ่านเพิ่มเติม

CoCo Tie Dye – เวิร์กชอปผ้ามัดย้อมจากสีธรรมชาติ อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี

วันนี้บัดดี้ขอพาเพื่อน ๆ มาทำกิจกรรมรัก(ษ์)โลกแบบปล่อยใจจอย ๆ ไปด้วยกันที่ CoCo Tie Dye ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี CoCo Tie Dye ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่บัดดี้อยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ไปทำกิจกรรมเวิร์ปชอปด้วยกัน เพราะที่นี่เป็นแหล่งรวมความคิดสร้างสรรค์และพื้นที่แห่งแรงบรรดาลใจโดยมี คุณสุดใจ บุญสุข เป็นผู้บอกเล่าเรื่องราวอันน่าประทับใจ จากการทำกิจกรรมเวิร์กชอปผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติด้วยกาบมะพร้าวนั่นเอง 🌴 🥥🌴 บัดดี้ได้มีโอกาสพูดคุยกับพี่สุดใจระหว่างการทำกิจกรรม จึงได้ทราบถึงที่มาของนำกาบมะพร้าวมาใช้เป็นส่วนประกอบในการทำเวิร์กชอป เนื่องจากมะพร้าวได้ชื่อว่าเป็นพืชเศรษฐกิจของพื้นที่เกาะเต่ามาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พี่สุดใจจึงปิ๊งไอเดียในการนำวัสดุเหลือใช้จากธรรมชาติ มาสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ผ้าย้อมสีจากธรรมชาติที่แต่งแต้มด้วยลวดลายสวยงาม ประกอบด้วย ผ้าเช็ดหน้า ถุงผ้าแคนวาส และเสื้อลายผ้ามัดย้อมอีกมากมาย ซึ่งไอเดียนี้นอกจากจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์แล้ว ก็ยังเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสนับสนุนแนวคิดการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบต่อสังคม (Responsible Tourism) อีกด้วยละ ☎️ สอบถามข้อมูล พี่สุดใจ โทร. 08 0659 6592📱 Facebook: CoCo Tie Dye Koh Tao📌 https://maps.app.goo.gl/uojxoGEt5DDYepWA9

CoCo Tie Dye – เวิร์กชอปผ้ามัดย้อมจากสีธรรมชาติ อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี อ่านเพิ่มเติม

ชวนไปไหว้พระ 9 วัด เมืองน่าน

ชวนไปไหว้พระ 9 วัด ในเขตตัวเมืองน่าน ที่สามารถเดินทางไปให้ครบได้ภายในวันเดียว บางวัดตั้งอยู่ใกล้กัน สามารถเดินถึงกันได้ บางวัดอาจต้องขับรถออกไปสักเล็กน้อย แต่ไม่เกิน 5 กิโลเมตรจากตัวเมือง ใครที่กำลังจะไปเที่ยวจังหวัดน่าน และวางแผนแวะเที่ยวในตัวเมืองน่าน อย่าลืมหาโอกาสตามรอยนะคะ 📌 วัดภูมินทร์ เดิมวัดนี้ชื่อว่า “วัดพรหมมินทร์” ตามพงศาวดารของเมืองน่าน พระเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ เจ้าผู้ครองนครน่าน ได้สร้างวัดภูมินทร์ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2139 หลังจากที่ครองนครน่านได้ 6 ปี ต่อมาได้รับการบูรณะครั้งใหญ่เมื่อปี พ.ศ. 2410 โดยพระเจ้าอนันตวรฤทธิเดช สันนิษฐานว่าภาพจิตรกรรมฝาผนังในวิหารหลวงคงจะวาดขึ้นในสมัยที่มีการซ่อมแซมครั้งนี้ วัดภูมินทร์เป็นวัดที่สร้างทรงจัตุรมุขหนึ่งเดียวในประเทศไทย มีประติมากรรมนาคสะดุ้งตัวใหญ่ 2 ตัวเทินพระอุโบสถไว้ ตัวอาคารเป็นทั้งพระอุโบสถ พระวิหาร และพระเจดีย์ประธาน โดยใช้อาคารในแนวตะวันออก-ตะวันตกเป็นพระวิหาร และอาคารแนวเหนือ-ใต้เป็นพระอุโบสถ รัฐบาลไทยเคยพิมพ์รูปวัดภูมินทร์ในธนบัตรใบละ 1 บาท ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระประธานจตุรทิศ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย 4 องค์ หันพระพักตร์ออกสู่ประตูทั้งสี่ทิศ ผนังด้านในพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรม (ฮูปแต้ม) เป็นภาพแสดงเรื่องชาดก ภาพวิถีชีวิตความเป็นอยู่ และภาพตำนานพื้นบ้านของชาวเมืองน่าน ภาพปู่ม่าน ย่าม่าน นับเป็นจิตรกรรมฝาผนังที่มีความสมบูรณ์ หาดูได้ยาก และเป็นภาพที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของวัดภูมินทร์ 📌 ถนนผากอง ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่านhttps://maps.app.goo.gl/VumLFJYN6ijxoZaZ7 📌 วัดศรีพันต้น สร้างโดยพญาพันต้น เจ้าผู้ครองนครน่านแห่งราชวงศ์ภูคา (ครองนครน่านระหว่างปี พ.ศ. 1960-1969) บางสมัยเรียกว่า “วัดสลีพันต้น” คำว่า “สลี” หมายถึง ต้นโพธิ์ ซึ่งในอดีตมีต้นโพธิ์ใหญ่อยู่ด้านทิศเหนือและทิศใต้ของวัด ภายในวัดมีพระวิหารสีทองตั้งเด่นเป็นสง่า มีสถาปัตยกรรมปูนปั้นที่สวยงาม โดยเฉพาะพญานาคเจ็ดเศียรเฝ้าบันไดหน้าพระวิหาร สีทองเหลืองอร่ามสวยงามตระการตา เป็นฝีมือช่างเมืองน่าน ชื่อนายอนุรักษ์ สมศักดิ์ หรือ “สล่ารง” ภายในพระวิหารมีการเขียนภาพลายเส้นพุทธประวัติของพระพุทธเจ้าและประวัติการกำเนิดเมืองน่าน เป็นผลงานจิตรกรรมของช่างเมืองน่านเช่นกัน 📌 ริมถนนเจ้าฟ้า ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่านhttps://maps.app.goo.gl/TZA1cgroBUUFq1wT9 📌 วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร เดิมเรียก “วัดหลวง” หรือ “วัดหลวงกลางเวียง” สร้างขึ้นในสมัยเจ้าปู่แข็ง ราวปี พ.ศ. 1949 เป็นวัดหลวงในเขตนครน่าน สำหรับเจ้าผู้ครองนครใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญทางพุทธศาสนาและพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา ตามศิลาจารึกหลักที่ 74 ซึ่งถูกค้นพบภายในวัดกล่าวว่า พญาพลเทพฤๅชัย เจ้าเมืองน่าน ได้ปฏิสังขรณ์บูรณะวิหารหลวงเมื่อปั พ.ศ. 2091 ลักษณะสถาปัตยกรรมของวัดพระธาตุช้างค้ำนี้สะท้อนให้เห็นอิทธิพลของศิลปะสุโขทัย เช่น เจดีย์ทรงลังกา (ทรงระฆัง) รอบฐานองค์พระเจดีย์ก่ออิฐถือปูนและปั้นเป็นรูปช้างครึ่งตัว ด้านละ 5 เชือก และที่มุมทั้งสี่อีก 4 เชือก ดูคล้ายจะเอาหลังหนุน หรือ “ค้ำ” องค์พระเจดีย์ไว้ ลักษณะคล้ายวัดช้างล้อม จังหวัดสุโขทัย ภายในวิหารประดิษฐานพระประธานเป็นปูนปั้นขนาดใหญ่ ศิลปะเชียงแสน ฝีมือสกุลช่างเมืองน่านที่มีพุทธลักษณะงดงามยิ่ง และใกล้กันยังมีอีกพระวิหารหนึ่ง ภายในประดิษฐาน พระพุทธนันทบุรีศรีศากยมุนี พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ปางประทานอภัย สูง 1.45 เมตร อายุราวครึ่งหลังพุทธศตวรรษที่ 19 ตรงกับสมัยสุโขทัยตอนปลาย ส่วนผสมของทองคำร้อยละ 65 พุทธลักษณะงดงามเช่นกัน 📌 ถนนสุริยพงษ์ ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่านhttps://maps.app.goo.gl/dfLuu2aq94sDQgh77 📌 วัดมิ่งเมือง ภายในวัดเป็นที่ประดิษฐานเสาหลักเมืองของจังหวัดน่าน อยู่ในศาลาจัตุรมุขด้านหน้าพระอุโบสถ เสาหลักเมืองมีความสูง 3 เมตร ฐานประดับด้วยไม้แกะลวดลายลงรักปิดทอง ยอดเสาแกะสลักเป็นรูปพรหมพักตร์ มีชื่อว่า เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เดิมวัดแห่งนี้เป็นวัดร้าง สันนิษฐานว่าสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2400 มีการพบเสาหลักเมืองที่เป็นท่อนซุงขนาดใหญ่สองคนโอบ ต่อมาเจ้าอนันตวรฤทธิเดช เจ้าผู้ครองนครน่านได้สถาปนาวัดขึ้นมาใหม่ และตั้งชื่อว่า “วัดมิ่งเมือง” ตามชื่อที่เรียกเสาหลักเมืองว่า “เสามิ่งเมือง” ต่อมาในปี พ.ศ. 2527 มีการรื้อถอนและสร้างพระอุโบสถหลังใหม่เป็นแบบล้านนาร่วมสมัยดังที่ปรากฎในปัจจุบัน ลักษณะเด่นคือลายปูนปั้นที่ผนังด้านนอกของพระอุโบสถ เป็นฝีมือตระกูลช่างเชียงแสน มีความวิจิตรงดงามมาก ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนังแสดงให้เห็นวิถีชีวิตของชาวเมืองน่าน ฝีมือช่างท้องถิ่นยุคปัจจุบัน 📌 ริมถนนสุริยพงษ์ ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่านhttps://maps.app.goo.gl/1Jr4cF8uxvv3FMMu9 📌 วัดหัวข่วง วัดนี้ไม่ปรากฏว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยใด มีเพียงหลักฐานว่าได้รับการบูรณะราวปี พ.ศ. 2425 โดยเจ้าอนันตวรฤทธิเดช เจ้าผู้ครองนครน่าน และมีการบูรณะอีกครั้งราวปี พ.ศ. 2472 ในสมัยเจ้ามหาพรหมสุรธาดา เจ้าผู้ครองน่านองค์สุดท้าย จากนั้นในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2533 กรมศิลปากรได้ส่งเจ้าหน้าที่มาบูรณะเจดีย์วัดหัวข่วง และประกาศเป็นโบราณสถานของชาติ สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด ได้แก่ หอธรรมหรือหอไตร เป็นอาคารที่มีลักษณะทรงสี่เหลี่ยมจตุรมุขใต้ถุนก่อทึบทรงสี่เหลี่ยมยอดเป็นรูปเต้าสลักลายลงรักปิดทองประดับกระจก ใช้เป็นสถานที่เก็บคัมภีร์โบราณและพระไตรปิฏก พระเจดีย์วัดหัวข่วง ลักษณะของเจดีย์เป็นทรงเรือนธาตุแบบศิลปะล้านนา มีการดัดแปลงของช่างฝีมือของชาวน่าน จากลักษณะสถาปัตยกรรมพออนุมานได้ว่าน่าจะสร้างขึ้นในประมาณปี พ.ศ. 2200 พระวิหารของวัด เป็นอาคารทรงจั่วมีหน้าบันประดับลวดลายไม้จำหลักรูปพรรณพฤกษา ประตูหน้าต่างประดับลายปูนปั้นคล้ายกับใบผักกาด มีการเรียนแบบศิลปะตะวันตก แสดงให้เห็นว่าอดีตนครน่านก็มีการติดกับกลุ่มชาวตะวันตกทำให้วิหารที่นี่ค่อนข้างแตกต่างกับที่อื่น ๆ นอกจากนี้ภายในวิหารยังประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย ลักษณะพุทธศิลป์แบบล้านนา และยังเป็นพระประธานเบี่ยงซ้ายแห่งเดียวในประเทศไทยด้วย 📌 ริมถนนมหาพรหม ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่านhttps://maps.app.goo.gl/om6Ezqn7qUosXDrR9 📌 วัดสวนตาล วัดนี้สร้างขึ้นโดยพระนางปทุมวดี เมื่อปี พ.ศ. 1770 ภายในพระวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปที่สำคัญคือ พระเจ้าทองทิพย์ ซึ่งพระเจ้าติโลกราชแห่งนครเชียงใหม่ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใน พ.ศ. 1992 เป็นพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์องค์ใหญ่ปางมารวิชัย มีงานนมัสการและสรงน้ำองค์พระเป็นประจำทุกปีในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ด้านหลังพระวิหารมีองค์พระเจดีย์ มีสัณฐานงดงาม ชั้นล่างมีซุ้มประตูทั้งสี่ทิศ จากภาพถ่ายในหอจดหมายเหตุแห่งชาติ

ชวนไปไหว้พระ 9 วัด เมืองน่าน อ่านเพิ่มเติม

ประจวบคีรีขันธ์ 3 วัน 2 คืน

บัดดี้มีตัวอย่างโปรแกรมท่องเที่ยวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แบบ 3 วัน 2 คืน มาฝาก ในโปรแกรมนี้จะพาไปเที่ยวทั้งภูเขา น้ำตก หาดทราย ชายทะเล ถนนคนเดิน และเข้าวัดไหว้พระทำบุญเลย อย่าลืม Save โปรแกรมเที่ยวนี้ไว้ หรือ Share ส่งต่อให้เพื่อน ๆ และคนรู้จัก เพื่อวางแผนไปเที่ยวกันนะคะ ✨ Day 1📌 อุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยาง📌 ชุมชนท่องเที่ยวบ้านทุ่งประดู่📌 อุทยานแห่งชาติหาดวนกร Day 2📌 อ่าวมะนาว📌 วัดอ่าวน้อยและอ่าวน้อย📌 เขาช่องกระจก📌 ถนนคนเดินประจวบคีรีขันธ์ Day 3📌 ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี📌 หาดปราณบุรี📌 วัดห้วยมงคล

ประจวบคีรีขันธ์ 3 วัน 2 คืน อ่านเพิ่มเติม

แจก Art Toy Journey ฟรี 300 ตัว!! กับกิจกรรม “เที่ยวปั๊บ รับปุ๊บ @เมืองน่าเที่ยว” Art Toy Journey ภาคเหนือ

🚗 สำหรับใครที่กำลังวางแผนไปเที่ยวในจังหวัดเมืองน่าเที่ยวของ “ภาคเหนือ“ ได้แก่ จังหวัดเชียงราย แม่ฮ่องสอน ตาก ลำปาง ลำพูน พะเยา น่าน สุโขทัย นครสวรรค์ อุทัยธานี พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม – 15 กันยายน 2568 ⭐ บัดดี้ขอชวนมาร่วมสนุกกับกิจกรรม “เที่ยวปั๊บ รับปุ๊บ @เมืองน่าเที่ยว” Art Toy Journey เพื่อรับของรางวัลสุดพิเศษจาก ททท. ซึ่งก็คือ Art Toy Journey “เด็กหญิงหูยาว (Huuyaow)” และ “เวิลด์บอย (World Boy)” นั่นเอง ✨ กติกาการร่วมสนุกมีดังนี้ ✨1. เข้าพักกับโรงแรม/ที่พักต่าง ๆ ในจังหวัดเมืองน่าเที่ยวของ “ภาคเหนือ“ ได้แก่ จังหวัดเชียงราย แม่ฮ่องสอน ตาก ลำปาง ลำพูน พะเยา น่าน สุโขทัย นครสวรรค์ อุทัยธานี พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ โดยต้องเป็นโรงแรม/ที่พัก ที่เข้าร่วมโครงการ Sustainable Tourism Acceleration Rating (STAR) กับ ททท. เท่านั้น สามารถตรวจสอบรายชื่อที่พักได้ที่ https://taturl.org/S1cdt2. มีค่าใช้จ่ายการเข้าพักกับโรงแรม/ที่พักต่าง ๆ ในจังหวัดเมืองน่าเที่ยวตามที่ระบุในข้อที่ 1 มูลค่ามากกว่า 3,500 บาท/ใบเสร็จ3. กดไลค์และกดติดตาม Facebook: 1672 Travel buddy และแชร์โพสต์กิจกรรมเป็นสาธารณะ4. สแกน QR Code ที่อยู่ใน Banner กิจกรรม เพื่อลงทะเบียนรับ Art Toy Journey หรือคลิกลิงก์ https://eform.tourismthailand.org/public/arttoyjourney จากนั้นเข้าไปกรอกข้อมูลส่วนตัวของผู้ร่วมกิจกรรม เช่น ชื่อ-สกุล/เบอร์โทรศัพท์/ที่อยู่ปัจจุบัน (สถานที่จัดส่ง Art Toy Journey)/ภูมิภาคที่เข้าร่วมกิจกรรม/จังหวัดที่เข้าพักในภูมิภาคนั้น/ชื่อโรงแรมที่พัก/วันที่และจำนวนวันเข้าพัก และแนบหลักฐานการเข้าพักโรงแรม/ที่พักต่าง ๆ ได้แก่ โฟลิโอโรงแรม (Folio) หรือ ใบเสร็จ ลงในช่องที่กำหนดให้5. นักท่องเที่ยวสามารถลงทะเบียนรับ Art Toy Journey ได้เพียงภูมิภาคละ 1 ตัว/ท่าน/ครั้ง/สิทธิ์/Folio หรือใบเสร็จ เท่านั้น6. หลักฐานการเข้าพักโรงแรม/ที่พักต่าง ๆ ในเมืองน่าเที่ยว 1 ใบ สามารถนำมาลงทะเบียนรับ Art Toy Journey ได้เพียง 1 ท่านเท่านั้น ไม่สามารถให้ผู้อื่นนำมาใช้ซ้ำได้ แม้ว่าจะมีชื่อเข้าพักในห้องเดียวกันก็ตาม7. ในกรณีที่นักท่องเที่ยวเป็นคนไทย จะต้องเข้าพักกับโรงแรม/ที่พักในเมืองน่าเที่ยว ที่ไม่ตรงกับที่อยู่ปัจจุบัน/สถานที่จัดส่ง Art Toy Journey8. ททท. ขอสงวนสิทธิ์ในการสุ่มแจก Art Toy Journey โดยผู้เข้าร่วมกิจกรรมไม่สามารถเลือก Art Toy ได้ และไม่สามารถนำ Art Toy มาแลกหรือนำมาเปลี่ยนแปลงได้9. ททท. ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของกิจกรรมโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ⏰ ระยะเวลาร่วมสนุกกับกิจกรรม “เที่ยวปั๊บ รับปุ๊บ @เมืองน่าเที่ยว” Art Toy Journey ที่ผ่านมาและในอนาคต ททท. จัดกิจกรรมแบ่งเป็นช่วงละ 1 ภูมิภาค รวม 5 ภูมิภาค ได้แก่– ภาคตะวันออก: ระหว่างวันที่ 17 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2568– ภาคกลาง: ระหว่างวันที่ 16 มิถุนายน – 15 กรกฎาคม 2568– ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน): ระหว่างวันที่ 16 กรกฎาคม – 15 สิงหาคม 2568– ภาคเหนือ: ระหว่างวันที่ 16 สิงหาคม – 15 กันยายน 2568 – ภาคใต้: ระหว่างวันที่ 16 กันยายน – 15 ตุลาคม 2568 *โดยขอสงวนสิทธิ์ในการแจก Art Toy Journey ให้แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมภูมิภาคละไม่เกิน 300 ตัว/Folio หรือใบเสร็จ เท่านั้น

แจก Art Toy Journey ฟรี 300 ตัว!! กับกิจกรรม “เที่ยวปั๊บ รับปุ๊บ @เมืองน่าเที่ยว” Art Toy Journey ภาคเหนือ อ่านเพิ่มเติม

กาญ-เวลา ถึงเวลาเที่ยว ‘กาญจนบุรี’

วันนี้บัดดี้จะมานำเสนอเส้นทางท่องเที่ยว จ.กาญจนบุรี ที่บัดดี้มีโอกาสไปเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมา โดยจะเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่มีกลิ่นอายความขลังของประวัติศาสตร์ที่ผ่านกาลเวลามาเป็นร้อยปีเลยล่ะ ลองตามมาอ่านกันว่าบัดดี้จะพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวที่ไหนกันบ้าง ✨ 📌 พิพิธภัณฑ์ทางรถไฟไทย-พม่า อาคารที่จัดแสดงเรื่องราวของการสร้างทางรถไฟสายไทย-พม่า หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ “ทางรถไฟสายมรณะ” ภายในอาคารจัดแสดงเรื่องราวตั้งแต่การเข้ามาของกองทัพญี่ปุ่น กระบวนการและขั้นตอนการสร้างทางรถไฟ สภาพชีวิตของเชลยศึกในค่าย เหตุการณ์หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง ไปจนถึงข้าวของเครื่องใช้ในอดีตของผู้มีส่วนร่วมในการสร้างเส้นทางรถไฟเส้นนี้ 📌 73 ถนนเจ้าขุนเณร ต.บ้านเหนือ อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรีhttps://maps.app.goo.gl/QPwrgdmbUxmbStrW9⏰ เปิดทุกวันเวลา 09.00-16.30 น.☎️ 0 3451 2721 📌 สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก หรือสุสานทหารสหประชาชาติ หรือที่ชาวจังหวัดกาญจนบุรีทั่วไปเรียกว่า “ป่าช้าอังกฤษ” สถานที่พักผ่อนสุดท้ายของผู้วายชนม์ที่เสียชีวิตระหว่างการสร้างทางรถไฟสายมรณะ เกิดจากความร่วมมือกันระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลฝ่ายสัมพันธมิตร โดยสุสานแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2497 สุสานแห่งนี้ มีรูปแบบงานภูมิสถาปัตยกรรมแบบสุสานสนามหญ้า (lawn cemetery) หลุมฝังศพเป็นแบบหมอนอิง (pillow marker) ทำให้บรรยากาศของสุสานแห่งนี้มีความเรียบง่าย สวยงาม จนกลายเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวของ จ.กาญจนบุรี ในทุกปีจะมีวันที่รำลึกถึงผู้เสียชีวิตเฉพาะของคนชาติต่าง ๆ ได้แก่Anzac Day 25 เมษายน ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์Armistice Day 5 พฤษภาคม ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์Remembrance Day 11 พฤศจิกายน สหราชอาณาจักร 📌 ถนนแสงชูโต ต.บ้านเหนือ อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรีhttps://maps.app.goo.gl/ozg4dPjDHk4YDDYM8⏰ เปิดทุกวันเวลา 08.30-16.00 น.☎️ 0 3451 1500 📌 หอพระประวัติสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ตั้งอยู่ในบริเวณวัดเทวสังฆารามพระอารามหลวง (วัดเหนือ) สร้างขึ้นโดยจังหวัดกาญจนบุรี คณะสงฆ์ และอีกหลายภาคส่วนร่วมกัน เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่มีชาติภูมิเป็นชาวกาญจนบุรี ตัวอาคารจะมีทั้งหมด 4 ชั้น ยอดด้านบนสุดมีลักษณะเป็นรูปฉัตรประจำพระองค์ ภายในอาคารจะมีเจ้าหน้าที่ข้าราชการบำนาญและมีการจัดนิทรรศการดังนี้ 👉 ชั้นที่ 1 ประกอบไปด้วยหลายส่วนจัดแสดงที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการเรียนรู้พระธรรมได้ เช่นการหมุนธรรมจักรที่ต้องหมุนไม่เร็วเกิน การสุ่มเซียมซีอัตโนมัติที่ชี้ให้ทุกคนใช้ชีวิตจากการกระทำ ไม่ใข่การเสี่ยงดวง ไปจนถึงเรื่องราวของพระสงฆ์ สีจีวร ส่วนต่าง ๆ ของวัด พระวินัยไปจนถึงเกมตอบคำถาม โดยแต่ละจุดจะมีการบรรยาย 2 ภาษา👉 ชั้นที่ 2 มีนิทรรศการพระศาสนกิจ พระกรณียกิจทางศาสนาและสมณศักดิ์แห่งอัครสงฆ์ 👉 ชั้นที่ 3 มีนิทรรศการธรรมปฏิปทา วิปัสสนากรรมฐาน พระรูปหล่อพระอุปัชฌาย์ 👉 ขั้นที่ 4 เป็นจุดชมวิวที่มองเห็นแม่น้ำแคว 📌 วัดเทวสังฆาราม พระอารามหลวง(วัดเหนือ) 1/19 ถ.เจ้าขุนเณร ต.บ้านเหนือ อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรีhttps://maps.app.goo.gl/qishuwaxybNU8KCQ8⏰ เปิดทุกวันอังคาร-อาทิตย์เวลา 09.30-16.30 น.☎️ 06 2165 9424 📌 เตี๊ยมไอ้โก๊ โก๊นพ เจี๊ยะนม ร้านของหวานที่ขายขนมปังและไอศกรีมรสอร่อยราคาน่ารัก เป็นอีกหนึ่งร้านที่ให้บรรยากาศสบาย ๆ เพราะทั้งเจ้าของร้านและพนักงานมีความน่ารักและเป็นกันเอง แถมเมนูก็มีให้เลือกกินเลือกสั่งมากมาย มาที่นี่การันตีความถูกใจได้เลย 📌 วงเวียนวัดเหนือ อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรีhttps://maps.app.goo.gl/asmZgEeWyyBTrDcc6⏰ เปิดทุกวันเวลา 16.00-22.00 น.☎️ 08 6798 9680 📌 อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ หรือที่หลายคนเรียกกันสั้น ๆ ว่า “ปราสาทเมืองสิงห์” ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำแควน้อยที่รอบข้างถูกโอบล้อมด้วยทิวเขาเป็นแนวยาวอยู่โดยรอบ เดิมปราสาทแห่งนี้ มีชื่อปรากฏในจารึกปราสาทพระขรรค์ว่า “ศรีชัยสิงห์ปุระ” ที่มีลักษณะผังเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีประตูเข้าออก 4 ด้าน มีคูน้ำคันดินล้อมรอบ ภายในเมืองมีสระน้ำ 6 สระ ปราสาทเมืองสิงห์ ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นศาสนสถาน มีสถาปัตยกรรมและปฏิมากรรมคล้ายกับปราสาทแบบขอมในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ภายในมีโบราณสถานหลายแห่ง เช่น 👉 โบราณสถานหมายเลข 1 ตั้งอยู่ใจกลางกลุ่มโบราณสถาน ประกอบไปด้วย ปรางค์ประธาน ระเบียงคด โคปุระ บรรณศาลาและกำแพงแก้ว👉 โบราณสถานหมายเลข 2 ลักษณะคล้ายคลึงกันกับโบราณสถานหมายเลข 1 ปรางค์ประธาน โคปุระ 4 ด้าน แต่พังลงมามากบูรณะได้น้อย และเป็นสถานที่ขุดพบเทวรูป👉 โบราณสถานหมายเลข 3 ตั้งอยู่นอกกำแพงแก้ว มีลักษณะเป็นสิ่งก่อสร้างขนาดเล็กสร้างด้วยอิฐและศิลาแลง👉 โบราณสถานหมายเลข 4 ตั้งอยู่ใกล้หมายเลข 3 เป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า การก่อสร้างอาคารใช้ศิลาแลงเป็นวัสดุหลักในการสร้างเช่นกัน👉 ริมแม่น้ำ เป็นที่ตั้งของหลุมขุดค้นทางโบราณคดี ซึ่มีการขุดค้นพบทั้งโครงกระดูกอายุกว่า 2000 ปี เครื่องมือเครื่องใช้ ภาชนะดินเผา เครื่องมือเหล็ก สำริด สร้อยคอลูกปัดหินและลูกปัดแก้ว👉 อาคารจัดแสดงวัตถุ จัดแสดงหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ขุดค้นพบในบริเวณปราสาทเมืองสิงห์ ทั้งศีรษะพระศิวะ แม่พิมพ์พระพุทธรูป ภาชนะดินเผา ฯลฯ โดยมีหลายชิ้นที่ทางกรมศิลปากรได้นำไปเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร บริเวณปราสาทเมืองสิงห์จะมีป้าย QR Code หลายภาษาทั้ง ไทย อังกฤษ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่นและจีน เพื่ออำนวยความสะดวกเกี่ยวกับข้อมูลทางประวัติศาสตร์และสถานที่สำคัญต่าง ๆ ของปราสาทเมืองสิงห์ให้กับนักท่องเที่ยว 📌 ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรีhttps://maps.app.goo.gl/jRpnNstnVpwDYrNg6⏰ เปิดทุกวันเวลา 08.00-16.30 น.☎️ 0 3467 0264 📌 ศรีชัยยะปุระ Wellness

กาญ-เวลา ถึงเวลาเที่ยว ‘กาญจนบุรี’ อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top