ที่เที่ยว:ภูเก็ต…เมืองเก่าเล่าเรื่อง…
“เกาะภูเก็ต” เอ่ยชื่อนี้ออกมาใครๆก็คงรู้จัก ผมเองมีโอกาสมาภูเก็ตหลายๆครั้ง ทุกๆครั้งต้องพักหาดใดหาดนึงเสมอ หนนี้เป็นอีกครั้งที่ขอเดินเที่ยวในเส้นทางที่แปลกออกไปบ้าง เราอยากเที่ยวชมสถาปัตยกรรมเก่าแก่สไตล ์ชิโน-โปรตุกีส แสนเท่และหาดูหาชมได้ยากมากที่จะมีให้ได้เพลิดเพลินเท่าที่นี้ มาครับมา มาเดินเที่ยวชมยลเมืองเก่าแสนงามแห่งนี้กันดีกว่า ชมภาพตึกเก่าและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเมืองทั้งหมดใส่ gallery ไว้แล้วชมได้ตามอัธยาศัยครับ http://blog.one22.com/pics/longtrips/andaman_sea/gallery_phuket_town (ภาพจากเว็บไซต์http://www.phukhao.com/) การเดินทางมาภูเก็ตมีหลายทางทั้งรถทัวร์ เครื่องบิน ถ้าคุณเลือกมาลงเครื่องที่สนามบินภูเก็ตและมาถึงหลัง 3 ทุ่มไปแล้ว ถ้าไม่จองรถเช่าไ้ว้ ก็จะมีการเดินทางอีก 2 ทางที่จะพาคุณไปยังตัวจังหวัดหรือโรงแรมตามหาดที่คุณจองไว้ได้ คือ รถตู้ปรับอากาศที่จอดเป็นคิวไว้ด้านทางออก หรือไม่ก็ taxi สำหรับแบบแรกจะต้องรอจนรถเต็มแล้วจึงจะออกได้ เฉลี่ยก็คือ 10 คนขึ้น นั้นเอง สำหรับ taxi นั้นถ้าคุณใช้บริการtaxi meter ก็สามารถเดินออกประตูมามองไปทางขวาจะเห็นมีป้ายบอกจุดรอรถ taxi meter บอกไว้ราคาก็ว่ากันตามระยะทางแต่จะมีการ ชารต์จากมิเตอร์เพิ่มนับจากรถออกผมจำไม่ได้ว่าเท่าไหร่นะครับแต่คุ้นๆว่า เกิน 70บาทแล้วละครับ สำหรับ taxi อีกแบบจะมายืนออดักนักท่องเที่ยวคอยทักเราว่าจะไปกับเค้าไหม ส่วนใหญ่แบบนี้จะเป็นการเหมาครับไม่เกี่ยวใดๆกับ taxi meter สนนราคาว่ากันไปตามหาด เช่นเข้าเมืองก็ 500บาท ไปหาดป่าตองก็ 6-700 ขึ้นเรียกว่าแพงกันสุดๆไปเลย เนื่องจากสนามบินเองอยู่ห่างจากเขตเมืองก็ร่วมๆ 30กว่ากิโลฯแล้ว แต่ผมก็ว่ามันแพงมากๆอยู่ดี เป็นไปได้ถ้ารอไหวก็รอรถตู้ดีกว่าครับ ช้าแต่ประหยัดกว่าเพราะจะตกคนล่ะ 80 บาทเท่านั้นครับ(ราคาไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับราคาน้ำมันในเวลานั้นนะครับ) หลังรับรถเช่าที่สนามบินและขับเข้ามาพักกันในเมืองภูเก็ตเช้าวันรุ่งขึ้น เราจึงเริ่มต้นท่องเที่ยวกันตามแผนที่วางไว้ เราเริ่มต้นการสำรวจเมืองเก๋ๆกันที่หน้าโรงแรมเก่าแก่ที่สุดของเมืองภูเก็ต โรงแรม ออน ออน โรงแรมสไตล์ชิโน-โปรตุกีสตั้งอยู่ที่ถนนพังงาเปิดกันมาตั้งแต่ ปี 2472 นับรุ่นก็น่าจะรุ่นปู่ย่าตายายกันเลย ที่นี้ถือเป็นขวัญใจของเหล่าแบ็กแพ็คเกอร์ทั้งหลายที่แวะเวียนมาพักกันตลอดเวลา คนไทยเห็นที่ counter บอกว่าก็มีแต่ไม่มากเท่านักท่องเที่ยวต่างชาติ นอกจากโรงแรมสไตล์เท่ๆแห่งนี้แล้ว ยังมีร้านที่นักท่องเที่ยวและคนภูเก็ตรู้จักกันดี ร้าน kopi de phuket ร้านกาแฟเก๋สุดๆอยู่หน้าโรงแรมออนออนพอดี ผมแวะลองชิมชาดูก็อร่อยเข้มข้นไม่เลวทีเดียว ได้เครื่องดื่มเย็นๆชื่นใจก็เริ่มต้นได้แล้ว ทริบเที่ยวรอบเมืองนี้เราใช้ทั้งรถขับเที่ยวและเดิน ถนนที่นี่เหมาะกับการเดินมากครับ ยิ่งในย่านถนนหลักๆแล้วเดินเอา มันกว่าเยอะเลยได้สัมผัสบรรยากาศตึกสวยๆหามุมถ่ายรูปได้เรื่อยๆ เดินออกมาปั้บเรามุ่งหน้าเลยผ่านไปยังหนึ่งใน Landmark สำคัญของ City Tour หนนี้ อาคารพรหมเทพ หรือจะเรียก ศูนย์ข่าวพรหมเทพ ก็ได้ ฝั่งตรงข้ามก็เป็น อาคารชาร์เตอร์แบงค์ ธนาคารต่างชาติแห่งแรกที่เข้ามาเปิดทำการในภูเก็ต และภูมิภาคนี้ทั้งสองอาคาร ล้วนแล้วแต่เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวต้องแวะมาถ่ายภาพกันทั้งนั้น จุดเด่นก็อยู่ตรงหอนาฬิกาด้านบนที่มีหลังคาทรงหมวกตำรวจในสมัยก่อน ที่นี้เคยเป็นสถานีตำรวจมาก่อนจึงยังหลงเหลือเค้าลางกลิ่นอายที่มาของมันอยู่ ทั้งสองตึุกอยู่ตรงหัวมุมถนนพังงาตัดกับถนนภูเก็ตหรือตามป้ายกำกับที่ปักไว้ว่า สี่แยกธนาคารชาร์เตอร์ เวลามาไม่ยากถ้าเดินเลยมาจากร้าน kopi ก็ใกล้นิดเดียวครับ ตึกต่อมาที่เราได้เจอกัน อาคารเอกวานิช อยู่หัวมุมถนนดีบุกตัดกันกับถนนเยาวราช ตึกสวยๆที่อยู่มานาน และยังคงอนุรักษ์ของงดงามของสถาปัตยกรรมสไตล์จีน-ยุโรบไว้ได้อย่างดี ผมเริ่มต้นเข้าโดยมุ่งหน้าไปย่านถนนดีบุกก่อน ตลอดสองข้างทางเต็มไปด้วยตึกสไตล์ชิโน-โปรตุกีส สีสันตามตึกล้วนดึงสายตาให้เราเหลียวกลับไปมองได้ทั้งนั้น อั่งม้อหลาว เป็นชื่อเรียกคฤหาส์นแบบฝรั่งโบราณผมถ่ายรูปนี้ไว้ โดยมาทราบภายหลังว่าเป็นของตระxxxลตัณฑเวทย์ คฤหาส์นหลังนี้สังเกตุให้ดียังคงสถาปัตยกรรมงามๆให้ได้ชมอยู่แม้จะไม่อนุญาติให้เข้าไปได้ก็ตาม ผมเดินต่อมาจนถึงสามแยกถนนดีบุก ที่แยกนี้มีร้านอาหารน่าลิ้มลองอยู่ 2 ร้านเป็นร้านดั่งเดิมทั้ง 2 ร้าน เริ่มกันที่ร้านขึ้นชื่อ อย่าง หมี่แป๊ะเถว ร้านบะหมี่ที่ได้รับการการันตีจากหลายๆสำนักมาแล้วผมเข้ามาตอนสายๆคนจึงน้อยมาก เช้าๆแบบนี้ยังไม่ได้ทานอะไรต้องของลองชิมซักหน่อยแล้ว ได้โอกาสผมเลยสอบถามพี่ๆน้าๆป้าๆในร้านถึงที่มาของร้าน แกหยิบรูปภาพเก่าแก่ให้ผมดูด้วยพร้อมเล่าเรื่องคร่าวๆให้ฟัง และ หยิบเมนูอาหารมาให้ซึ่งมีเรื่องราวของแป๊ะเถวให้ผมได้ทราบทุกๆคนลองอ่านดูเองได้เลยครับตามภาพ ผมจึงสั่งตามคำแนะนำของพี่ๆในร้านเมนูดั่งเดิมมาลองดูครับ น่าทานไหมครับ มีทั้งเย็นตาโฟแห้งแป๊ะเถว ชิมดูรสชาติผสมผสานกันทั้งรสหวานอมเปรี้ยวของซอลจากสูตรของร้านเข้ากันดีกับของทอดแบบต่างๆที่ใส่เข้ามาอร่อยครับ ลูกชิ้นปลาลวกจิ้มและน้ำจิ้มรสแซ่บ สดและสะอาดดีทีเดียว กุ้งทอดปิดท้าย อาหารอร่อยดีทีเดียวครับใครมาในเมืองอยากทานก๋วยเตี๋ยวอร่ิอยๆ ร้านแป๊ะเถว คือหนึ่งในนั้นที่ควรมาแวะทานกันดูครับ อิ่มกันดีแล้วยังเหลืออีกร้านที่น่าแวะเช่นกัน เห็นร้านนี้คนภูเก็ตเข้ามาทานอาหารกันพอควรจนดึงเราเข้าไปชิมดูกับ ขนมจีนป้ามัย ขนมจีนสารพัดน้ำยาที่มีให้ลูกค้าเลือกชิมกันได้เนื่องจากอิ่มกันมาสุดๆขอสั่งทานชิมด้วยกัน อร่อยครับผักสดมากมายมีเติมให้ไม่ขาด วางให้ลูกค้ากินแกล้มกับขนมจีน อิ่มคูณสองขนาดนี้ขอเดินย่อยกันต่อดีกว่าครับ ผมเดินเลี้ยวซ้ายจากแยกดีบุกมาจนถึงสามแยกถนนสตูล มองไปเจอป้ายภัตรคารที่พึ่งเปิดหมาดๆ(ณวันทีเราเดินทางคือ 01/03/10) เราจึงขอเดินเข้าไปชมกันครับ ที่นี้คือ อั่งม้อหลาว อีกแห่งของภูเก็ต เป็นคฤหาสน์พระพิทักษ์ชินประชา ที่ปรับเปลี่ยนมาเป็น ภัตตาคาร Blue Elephant และโรงเรียนสอนทำอาหาร ผมเดินสำรวจรอบๆทางเจ้าหน้าที่อนุญาติให้ถ่ายภาพได้วันที่ไปเพิ่งเปิดและยังปรับปรุงส่วนด้านหน้ากันอยู่ คฤหาสน์หลังงามแห่งนี้ผมเชื่อว่าน่าจะเป็นที่นิยมของคนภูเก็ตและนักท่องเที่ยวได้ไม่ยากเพราะภายนอกดูงดงามดีทีเดียว เดินออกมาจากร้านอาหารผมเดินเลี้ยวกลับไปที่สามแยกและตรงเข้าสู่ถนนสตูล ย่านนี้นับเป็นอีกย่านที่ไม่ควรพลาดเพราะตึกสวยๆแปลกตามีให้ชมตลอดสองฝั่ง ภาพตึกเก่าๆบางทีผมมองว่ามันก็สวยแบบของมันครับ อย่างภาพนี้ถ่ายตอนคุณยายแกเดินระหว่างตรอกของตึกย่านนี้ เดินเลยเข้ามาได้กลางถนนสายนี้ผมก็เจอ พิพิธภันฑ์ภูเก็ตไทยหัว พิพิธภันฑ์หลังงามสง่าแห่งนี้อยู่คู่เมืองภูเก็ตมากว่า 75 กว่าปีแล้ว เดิมเคยเป็นโณงเรียนสอนภาษาปัจจุบันเป็นที่ๆเก็บสิ่งของและเรื่องราวความเป็นมา วิถีชีวิตจากอดีตจนถึงปัจจุบันของเมืองภูเก็ตแห่งนี้ไว้อย่างดี เสียดายวันที่เราไปเป็นวันหยุดจึงอดเข้าไปชมอย่างน่าเสียดายจริงๆ (ปิดทุกๆวันจันทร์ครับ นอกนั้นเปิดทุกวันตั้งแต่ 11.00-19.00) เดินกันต่อครับสองข้างทางทีนี้มีเสน่ห์ให้เก็บภาพได้ตลอดการเดิน ผมยังเก็บภาพไปได้เรื่อยๆก่อนจะเดินยาวไปจนสุดถนนเข้าสู่ถนนเส้นงามอีกเส้นเดินต่อจนมาทะลุที่ถนนเยาวราช และข้ามฝั่งมาเข้าสู่ถนนถลางถนนสายฮิพอีกแห่งที่รวมร้านเก๋ๆไว้เพียบใครอยากเดินชิวๆเส้นนี้ใช่เลยครับ เจอร้านเก๋ๆร้านแรกที่เราจะเริ่มสำรวจกัน ร้าน Larp-yai นี่ผมสะกดตามป้ายหน้าร้านนะครับถ้าผิดพลาดต้องขออภัยด้วย ข้างในตกแต่งเก๋ดีทีเดียวเอาพวกของเล่นโบราณมาตกแต่งไว้เดินดูเพลินดีครับ ด้านหน้าร้านมีเก้า้อี้แนวๆ น่านั่งวางไว้รอบๆ เราเดินกันต่อครับหนทางยังอีกไกลการเดินสำรวจเส้นทางเมือเก่าเรื่องเล่าย่อมมากมาย และที่นี้ยังมีอะไรให้ชมกันอีกมาก อย่างร้านถัดมาไม่ไกล เป็นร้านอาหารสไตล์จีนอย่าง ไชน่า อินน์ ภายในตกแต่งไว้สวยงามดีทีเดียว สีแดงบ่งบอกความเป็นจีนตามชื่อแต่ของตกแต่งผสมผสานกันทั้งจีน-ยุโรบ-ไทยดูน่าสนใจมากๆเลยทีเดียว ด้านหลังจะเป็นร้านอาหารและทางร้านไม่อนุญาติให้ถ่ายภาพเพราะอาจจะเป็นการรบกวนแขก อันนี้ยิ่งดีครับเป็นความพิถีพิถันของทางร้านในการบริการดี ออกมาเดินชมเมืองกันต่อเดินมาเรื่อยๆ ผมเจอโรงแรมแห่งแรกของย่านนี้ที่เดินเจอครับ เดินต่อมาจนเจออีกร้านนึง 43@talang เหมือนจะยังไม่เปิดดีสำหรับตอนนี้ เดาว่าน่าจะเปิดในยามค่ำมากกว่า ผมเดินผ่านร้านมาเรื่อยจนเจอร้าน Sin&Lee เมื่อสมัยอดีตหลายๆสิบปีก่อน เป็นห้างสรรพสินค้าแห่งแรกของเมืองก็ว่าได้ ทุกวันนี้ดูไม่ต่างจากร้านขายของชำทั่วไปแต่ถ้าลองหลับตานึกย้อนไปซัก 20-30 ปี ก่อนคุณอาจจะเห็นห้างขึ้นมาได้ครับ เลยได้ไอติมมากินแก้ร้อนซะ2แท่ง เดินดูดไอติมแก้ร้อนมาไม่ทันหมดดีก็เจอร้านฮิพๆอีกร้านที่ไม่แวะก็กระไรอยู่ ร้านหนังสือ ร้านน่านั่งที่นักท่องเที่ยวมักจะแวะมาถ่ายภาพแวะชมไม่ขาด เราเลยแวะตามประสานักท่องเที่ยวที่ดี บรรยากาศภายในตกแต่ง retro สุดๆทั้งเกา้อี้มานั่งหนังสือรวมถึงขอตกแต่งกระจุกกระจิกรวมๆดูแล้วได้บรรยากาศดีจริงๆ ผมนั่งพักแก้ร้อนเห็นเค้กน่าทานเลยสั่งมาชิมกันหน่อยครับ ช็อคเค้กน่าทานชิมแล้วโอเคมากๆเลยทีเดียว ไม่หวานเกินจนเลี่ยน อร่อยมากครับ ชิมจนพุงแทบปริกันดีทั้งคู่ ก็พากันเดินให้มันย่อยกันต่อ มาจนถึงถนนสายสำคัญอีกสายเป็นซอยรมณีย์ ถนนสายฮิตและฮิพสุดๆแล้วในเมืองนี้ ด้านหน้าซอยฝั่งทางเข้าถนนถลางจะมีหลัก กม.โตๆ ใหญ่สุดๆวางอยู่หน้าซอย เดี๋ยวนี้จะให้รู้ว่าแถวไหนฮิตไม่ฮิตเค้าดูกันตรงหลัก กม.แบบนี้ล่ะครับแม้ว่าจริงๆแล้วมันไม่น่าจะมีอยู่ก็ตาม เข้าซอยมานิดนึงก็เข้าใจว่าทำไหมซอยนี้เค้าฮิตกันจัง ในนี้มีทั้งร้านอาหาร และโรงแรมแนวๆอยู่ทั้ง 2ฝั่งถนนสีสันของบ้านทุกหลังก็ไม่ธรรมดา จี๊ดจ๊าดเรียกคนให้เข้ามาชมได้อย่างดี ผมเดินต่อเข้าไปจนเจอร้านแรกที่หยุดแวะถ่ายภาพ ร้าน Glastnost ในเวลากลางวันแบบนี้ ที่นี้อาจจะดูหงอยๆบ้างแม้จะมีนักท่องเที่ยวอย่างเราๆแวะมาขอถ่ายรูป หรือสั่งเครื่องดื่มแก้ร้อนเพื่อขอถ่ายภาพบ้างก็ตาม แต่เมื่อยามเย็นย่ำค่ำมืดในวัีนอาทิตย์มาถึง ที่นี้คือแหล่งรวมนักดนตรีแจ๊สและบูลที่นิยมมาร่ายมนต์ให้คนรักชอบในเสียงดนตรียามค่ำได้มานั่งฟังกันอุ่นหนาฝาคั่งเลยทีเดียว เสียดายที่ผมมีเวลาเพียงชั่วอาทิตย์ตกและัวันนั้นไม่ใช่วันอาทิตย์ซะด้วยจึงพลาดที่จะขอเสนาะรับฟังกันดูบ้าง *มุมนี้ขอร้านผมชอบเป็นพิเศษครับ […]
ที่เที่ยว:ภูเก็ต…เมืองเก่าเล่าเรื่อง… อ่านเพิ่มเติม