เพื่อนร่วมทาง

นั่งเรือโต้ลม ชมถ้ำ ณ เขาขนาบน้ำ

เวลานึกถึงจังหวัดกระบี่ เชื่อว่าทุกคนเป็นต้องนึกถึงภาพทะเลสวย ๆ อย่างเกาะพีพี อ่าวมาหยา อ่าวไร่เลย์ขึ้นมาแน่ ๆ แต่คราวนี้แอดไม่ได้ชวนเที่ยวทะเลหรอกนะ เพราะแอดจะขอเปลี่ยนบรรยากาศด้วยการพาไปเที่ยวถ้ำ แถมยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองกระบี่อีกด้วย นั่นคือ “เขาขนาบน้ำ” . ใครที่ยังไม่ทราบว่า เขาขนาบน้ำคืออะไร มีอะไรน่าสนใจ มาค่ะ ตามแอดมา . ไปเที่ยวที่ไหนอย่าลืมสวมหน้ากากอนามัย และพกเจลล้างมือติดตัวไปด้วยนะ . สอบถามข้อมูลท่องเที่ยวเพิ่มเติม Call Center 1672 IG : 1672travelbuddy Twitter : tat1672 Line : @tatcontactcenter WeChat : VisitThailand ……………………………………………………………………………………………………………… เขาขนาบน้ำ คือ เขาสองลูกที่อยู่ใกล้กันมาก บริเวณระหว่างช่องเขาถูกคั่นด้วยแม่น้ำ ทำให้ดูราวกับว่าเขาทั้งสองกำลังขนาบแม่น้ำแห่งนี้อยู่ นี่จึงเป็นที่มาของชื่อ “เขาขนาบน้ำ” ………………………………………………………………………………………… การเดินทางไปชมธรรมชาติโดยรอบของเขาขนาบน้ำนั้น เราจะต้องนั่งเรือหัวโทงไป ค่าเรือลำละประมาณ 500 บาท (ราคาต่อรองกันได้) นั่งได้ 6-8 คน สามารถขึ้นได้ที่บริเวณลานปูดำ แอดแนะนำว่าให้ไปช่วงเย็นๆ นะคะ อากาศจะได้ไม่ร้อนมาก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15-20 นาทีเท่านั้น ระหว่างทาง นอกจากจะได้ชมธรรมชาติของป่าโกงกางที่สมบูรณ์แล้ว เรายังได้อมยิ้มกับเจ้าลิงตัวเล็กตัวน้อยที่พากันมาห้อยโหนโชว์ตัวอยู่ที่บริเวณริมตลิ่งอีกด้วย เมื่อนั่งเรือมาถึงบริเวณเขาขนาบน้ำ เรายังต้องเดินเท้าต่ออีกประมาณ 5-10 นาที เพื่อไปชมความงามภายในถ้ำ โดยปกติแล้วเราจะต้องเสียค่าเข้าชมคนละ 30 บาท แต่เนื่องจากช่วงนี้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทางเขาขนาบน้ำจึงให้เข้าชมฟรีค่ะ (ชั่วคราว) เมื่อเดินเข้าไปชมภายในถ้ำ แอดเชื่อว่าทุกคนคงต้องสะดุดตากับโครงกระดูกมนุษย์ที่มีขนาดใหญ่นี้แน่นอน และคงสงสัยว่านี่ใช่ของจริงหรือไม่.สิ่งที่เพื่อน ๆ กำลังเห็นอยู่นี้คือ ผลงานศิลปะของศิลปินชาวไต้หวัน Tu Wei-Cheng ชื่อ Giant Ruins ที่สร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อแสดงในงาน Thailand Biennale กระบี่ 2018 ที่ผ่านมา โดยมีแรงบันดาลใจมาจากตำนานเมืองที่เล่าสืบกันมาว่า มีพญายักษ์กับพญานาคเปิดศึกชิงเจ้าหญิงโฉมงามจนตัวตาย และศพทั้งคู่ได้กลายเป็นเขาหิน 2 ลูกที่ตั้งหันหลังชนกัน.ศิลปินจับตำนานนี้มาสร้างงานศิลปะ จำลองโครงกระดูกมนุษย์มีเขี้ยว ขนาดใหญ่กว่า 6.5 เมตร ถูกรัดด้วยโครงกระดูกงูยักษ์ บริเวณโดยรอบก็ยังจำลองเหมือนไซต์งานโบราณคดี จัดวางในถ้ำเขาขนาบน้ำ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยขุดพบโครงกระดูกมนุษย์โบราณที่อาศัยอยู่ในถ้ำนี้จริง ๆ นับเป็นการเชื่อมโยงความเชื่อจากตำนานและเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ไว้ด้วยกัน ทำให้งานศิลปะนี้ทั้งน่าเชื่อและน่าเหลือเชื่อไปพร้อมกัน นอกจากจุดนี้ ยังมีการจัดแสดงอื่นๆ ที่น่าสนใจภายในถ้ำอีกมากมายที่รอเพื่อนๆ เข้าไปเยี่ยมชม หลังจากชมงานศิลปะ และความงามของหินงอกหินย้อยในถ้ำแล้ว เพื่อนๆ จะเห็นปล่องถ้ำขนาดใหญ่ ที่มีเชือกจัดเตรียมไว้ สำหรับคนที่ต้องการจะปีนขึ้นไปถ่ายรูปวิวพานอรามาที่บริเวณด้านบน แต่ขอบอกว่าทางค่อนข้างชันมาก ถ้ากำลังไม่ถึงไม่แนะนำให้ปีนเลย เพราะอาจเกิดอันตรายได้ค่ะ ถัดจากชมถ้ำ คุณลุงคนขับเรือก็พาเราไปแวะกระชังปลา เพื่อให้อาหารปลากันต่อค่ะ.แต่แอดแอบกลัวตอนให้อาหารปลานิดหน่อย เพราะว่าเจ้าปลาพวกนี้ตัวใหญ่มาก และจู่โจมงับเหยื่ออย่างรวดเร็ว ก็เลยทำให้เกิดอาการผวานิดหน่อย  ถึงตรงนี้ เพื่อนๆ คงรู้จักเขาขนาบน้ำกันขึ้นมาบ้างแล้ว ใครที่กำลังวางแพลนมาเที่ยวกระบี่ แอดขอชวนให้เติมเขาขนาบน้ำเข้าไปในลิสต์ด้วยอีกสักแห่งนะคะ

นั่งเรือโต้ลม ชมถ้ำ ณ เขาขนาบน้ำ อ่านเพิ่มเติม

รื่นรมย์บุรีรัมย์ 2 วัน 1 คืน

วันที่ 1– ศาลหลักเมืองบุรีรัมย์– เขตห้ามล่าสัตว์ป่าภูเขาไฟกระโดง– บุรีรัมย์ คาสเซิล– วัดป่าเขาน้อย.วันที่ 2– เขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก– อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง– ปราสาทหินเมืองต่ำ วันที่ 1ศาลหลักเมืองบุรีรัมย์.เป็นศาลหลักเมืองที่มีความโดดเด่นมาก มองครั้งแรกก็รู้ว่าที่นี่คือบุรีรัมย์ เป็นการออกแบบจากกรมศิลปากรโดยนำปราสาทหินพนมรุ้งมาเป็นต้นแบบ เพื่อเชิดชูเอกลักษณ์ของจังหวัด ศาลหลักเมืองที่เราเห็นปัจจุบันเป็นหลังใหม่ที่สร้างขึ้นมาทดแทนหลังเดิมที่ชำรุดทรุดโทรมไป ภายในประดิษฐานเสาหลักเมืองถึง 2 เสาด้วยกัน สันนิษฐานว่า เสาหลักเมืองต้นด้านหน้า (ต้นที่เอียง) เป็นเสาหลักเมืองต้นแรก ตั้งขึ้นเมื่อครั้งสร้างเมืองแปะ ราวสมัยกรุงธนบุรี ส่วนเสาหลักเมืองต้นด้านหลัง เป็นเสาหลักเมืองที่ตั้งขึ้นเมื่อครั้งถูกยกฐานะให้เป็นจังหวัดบุรีรัมย์ ในช่วงรัชกาลที่ 5 สมัยรัตนโกสินทร์.ทุกวัน จะมีชาวบุรีรัมย์และนักท่องเที่ยวต่างเมืองแวะเวียนมาสักการะบูชาศาลหลักเมืองกันอย่างต่อเนื่อง.ศาลหลักเมืองบุรีรัมย์ ที่ตั้ง : ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 08.00-17.00 น.พิกัด : https://goo.gl/maps/QsDwU59xTqhHyLXh8 เขตห้ามล่าสัตว์ป่าภูเขาไฟกระโดง.จังหวัดบุรีรัมย์ มีภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว 8 ลูก หนึ่งในนั้นคือ “ภูเขาไฟกระโดง” นี่แหละ.ภูเขาไฟกระโดง สูงจากระดับน้ำทะเล 265 เมตร เป็นภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว แต่ยังปรากฏปากปล่องภูเขาไฟที่เห็นได้ชัดเจน เป็นรูปพระจันทร์ครึ่งซีก ปัจจุบันมีสภาพเป็นแอ่งน้ำ.เดิมเขาลูกนี้ชื่อว่า “พนมกระดอง” คำว่า “พนม” เป็นภาษาเขมร แปลว่า ภูเขา ส่วน “กระดอง” ก็คือ กระดองเต่า รวมแล้วก็แปลว่า ภูเขาที่คล้ายกระดองเต่า หรือ ภูเขากระดอง และเพี้ยนเป็น ภูเขากระโดง ในเวลาต่อมา บนปากปล่องภูเขาไฟ มีสะพานชื่อว่า “สะพานแขวนลาวา” สามารถไปยืนถ่ายรูปสวย ๆ ด้านบน และยังสามารถชมปากปล่องภูเขาไฟได้อีกด้วย นอกจากนี้ บนภูเขาไฟกระโดงยังมีความน่าสนใจอื่น ๆอีก อันได้แก่ พระสุภัทรบพิตร ปราสาทเขากระโดง พระพุทธบาทจำลอง ฯลฯ รวมทั้งเป็นจุดชมวิวเมืองบุรีรัมย์ในมุมสูงที่สวยงามมาก ๆ จุดหนึ่งทีเดียว.ภูเขาไฟกระโดง สามารถขึ้นได้ 2 วิธีคือ โดยการเดินขึ้นบันได ที่เรียกว่า “บันไดนาคราช” จำนวน 297 ขั้น หรืออีกหนึ่งวิธีคือนำรถขึ้นไปจอดบริเวณจุดชมวิวด้านบนได้เลย.นอกจากนี้ ในทุกวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 ของทุกปี จะมีงานประเพณีขึ้นเขากระโดงอีกด้วย.เขตห้ามล่าสัตว์ป่าภูเขาไฟกระโดง ที่ตั้ง : ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 06.00-18.00 น. ไม่เสียค่าเข้าชมโทร. 044 637 349: https://goo.gl/maps/WeKzup9CEDeq51eG6 บุรีรัมย์ คาสเซิล.บุรีรัมย์ คาสเซิล เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของจังหวัด ตั้งอยู่ระหว่าง สนามฟุตบอลช้างอารีนา และสนามแข่งรถช้าง อินเตอร์ เนชั่นแนล เซอร์กิต ภายในเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ขนาดใหญ่ ออกแบบโดยอิงรูปแบบจากหมูบ้านที่ตั้งอยู่รายรอบปราสาทหินในอดีต กลางคอมมูนิตี้มอลล์ มีการสร้างปราสาทหินที่จำลองรูปแบบของปราสาทหินพนมรุ้งมาไว้ด้วย โดยในช่วงเย็นถึงค่ำ จะมีการเปิดไฟส่องสว่างรอบปราสาท สวยงามมากเลยล่ะ.บุรีรัมย์ คาสเซิลแบ่งพื้นที่ใช้สอยออกเป็นส่วนต่าง ๆ เช่น สวนสาธารณะ ร้านอาหาร ร้านจำหน่ายของที่ระลึก ฯลฯ รวมทั้งตลาดนัด “อินดี้ มาร์เก็ต” ที่เปิดให้ชิมและช้อปเฉพาะในวันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 15.00-21.00 น..บุรีรัมย์ คาสเซิล ที่ตั้ง : ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 10.00-21.00 น. ไม่เสียค่าเข้าชมโทร. 093 559 5588พิกัด : https://goo.gl/maps/WeKzup9CEDeq51eG6 วัดป่าเขาน้อย.วัดป่าเขาน้อย เป็นวัดป่ากรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พัฒนาขึ้นตามปณิธานของพระโพธิธรรมาจารย์เถร หรือหลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ อดีตเจ้าอาวาสและวิปัสสนาจารย์ผู้เป็นที่เลื่อมใสของพุทธศาสนิกชน.เมื่อเข้ามาในบริเวณวัด สิ่งที่สะดุดตาที่สุดก็คือ พระบรมธาตุเจดีย์ศรีสุวจนคุณานุสรณ์ เป็นเจดีย์ที่มีศิลปกรรมโดดเด่น งดงาม ใหญ่โต มีรูปทรงคล้ายปราสาทหิน ที่แสดงออกถึงศิลปวัฒนธรรมของอีสานใต้.ภายในพระบรมธาตุเจดีย์ศรีสุวจนคุณานุสรณ์ ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและอัฐิธาตุของหลวงปู่สุวัจน์.ในวันสำคัญทางศาสนา และในโอกาสสำคัญต่าง ๆ ประชาชน และผู้ที่มีจิตศรัทธานิยมเข้ามาบำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐาน บำเพ็ญจิตตภาวนา ภายในวัดแห่งนี้อยู่เสมอ.วัดป่าเขาน้อย ที่ตั้ง : ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 06.00-18.00 น.พิกัด : https://goo.gl/maps/5N8MmZzicDB8sm4o6 วันที่ 2เขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก.เขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก เดิมเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติ ต่อมาในปี พ.ศ. 2518 มีการทำคันกั้น จึงทำให้กลายเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ จากสภาพพื้นที่ที่เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ มีความร่มรื่นสมบูรณ์ ทำให้มีนกหลากหลายสายพันธุ์มาอาศัยอยู่ เช่น นกกระสา นกกระยาง เป็ดน้ำ ฯลฯ และที่สำคัญคือ ที่นี่ยังเป็นศูนย์อนุรักษ์นกกระเรียนพันธุ์ไทยอีกด้วย.ในอดีตนกกระเรียนพันธุ์ไทยเคยสูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติในประเทศไทย ต่อมาทางองค์การสวนสัตว์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันนำพ่อแม่นกกระเรียนพันธุ์ไทยที่หายาก มาเพาะในกรงเลี้ยง จากนั้นนำปล่อยสู่ธรรมชาติ โดยปล่อยครั้งแรกในปี พ.ศ. 2554 จนปัจจุบัน ได้ปล่อยนกคืนสู่ธรรมชาติแล้วนับร้อยตัว จากการเฝ้าติดตาม พบว่าบางส่วนของนกกระเรียนเหล่านี้สามารถใช้ชีวิตอยู่ในธรรมชาติได้ รวมทั้งพบว่ามีลูกนกกระเรียนเกิดในธรรมชาติมากกว่าสิบตัว อันเป็นสัญญาณดีที่แสดงให้เห็นว่า นกกระเรียนพันธุ์ไทยได้หวนคืนสู่ธรรมชาติอีกครั้งหลังจากที่เคยสูญพันธุ์ไปนานกว่า 50 ปีทีเดียว.ในบริเวณศูนย์อนุรักษ์นกกระเรียนพันธุ์ไทย จะมีจุดดูนก อุปกรณ์ดูนก และเอกสารข้อมูลเกี่ยวกับนกกระเรียนพันธุ์ไทยไว้ให้บริการ ซึ่งเวลาที่เหมาะกับการไปดูนกก็คือ 06.00 – 09.00 น. และ 15.00-18.00 น..นอกจากนี้ ในทุกวันจะมีผู้คนทั้งจากบุรีรัมย์และจังหวัดใกล้เคียง แวะเวียนมาปั่นจักรยาน เดิน วิ่ง ออกกำลังกาย นั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจภายในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มากอยู่เสมอ.เขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก ที่ตั้ง : ต.บ้านบัว อ.เมือง จ.บุรีรัมย์เปิดให้บริการทุกวัน

รื่นรมย์บุรีรัมย์ 2 วัน 1 คืน อ่านเพิ่มเติม

ย้อนรอย…อารยธรรมขอม ปราสาทหินพิมาย

ย้อนรอย…อารยธรรมขอม อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย จ.นครราชสีมา.อารยธรรมขอมเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่สมัยโบราณ และได้ทิ้งร่องรอยไว้หลายรูปแบบ หนึ่งในนั้นคือปราสาทหินในแถบอีสานใต้ ไม่ว่าจะเป็นที่จังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ และศรีสะเกษ .วันนี้แอดจะพาเพื่อน ๆ ไปย้อนรอยอารยธรรมขอมที่อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย จังหวัดนครราชสีมา ที่นี่เพื่อน ๆ จะได้ดื่มด่ำกับประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจและความสวยงามของปราสาทหินอย่างแน่นอนค่ะ.ไปเที่ยวที่ไหนอย่าลืมสวมหน้ากากอนามัย และพกเจลล้างมือติดตัวไปด้วยนะ.สอบถามข้อมูลท่องเที่ยวเพิ่มเติมCall Center 1672IG : 1672travelbuddyTwitter : tat1672Line : @tatcontactcenterWeChat : VisitThailand อุทยานประวัติศาสตร์พิมายที่ตั้ง : ต.ในเมือง อ.พิมาย จ.นครราชสีมาเปิดทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น.พิกัด : https://goo.gl/maps/YFFmQd7uDTA3m7e39โทร. 044 471 568.อุทยานประวัติศาสตร์พิมายมีโบราณสถานที่งดงาม นั่นก็คือ ปราสาทหินพิมาย ซึ่งเป็นปราสาทหินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย คำว่า “พิมาย” น่าจะเป็นคำเดียวกันกับคำว่า “วิมายะ” ที่ปรากฎอยู่ในจารึกภาษาเขมรบนแผ่นหินกรอบประตูโคปุระระเบียงคดด้านหน้าของปราสาทหิน.ปราสาทหินพิมายเป็นพุทธสถานในลัทธิมหายานที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 หรือประมาณพุทธศตวรรษที่ 16 เรียกได้ว่าสร้างก่อนปราสาทนครวัดเสียอีก ตัวปราสาทมีรูปแบบศิลปกรรมขอมแบบบาปวน จึงเชื่อกันว่าหลังคาของปราสาทหินพิมายเป็นต้นแบบในการก่อสร้างปราสาทนครวัดนั้นเอง เมื่อเข้าไปในบริเวณปราสาทหิน จะพบกับพลับพลาเปลื้องเครื่องอยู่ทางด้านซ้ายมือ สันนิษฐานว่าอาคารหลังนี้น่าจะใช้เป็นที่พักเตรียมพระองค์สำหรับกษัตริย์หรือเจ้านายที่เสด็จมาประกอบพิธีกรรมทางศาสนา รวมถึงเป็นที่จัดของถวายต่าง ๆ เดินถัดมา จะพบสะพานนาคราช เป็นสะพานที่ทำด้วยหินทราย ราวสะพานเป็นรูปปั้นพญานาค 7 เศียร นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นสิงห์ 2 ตัว ทำหน้าที่เปรียบเสมือนองครักษ์ที่คอยปกปักรักษาสถานที่แห่งนี้ เมื่อผ่านสะพานนาคราชและกำแพงชั้นนอกเข้ามาแล้ว จะเป็นส่วนของ “ชาลาทางเดิน” ซึ่งเป็นทางเดินที่เชื่อมต่อไปถึงระเบียงคดและกำแพงชั้นใน มีไว้สำหรับพระมหากษัตริย์และเชื้อพระวงศ์เท่านั้น.จากการขุดค้น พบเศษกระเบื้องมุงหลังคาดินเผาจำนวนมาก จึงสันนิษฐานว่าในสมัยก่อน ทางเดินนี้มีหลังคา และหลุม 4 หลุมที่อยู่ตรงชาลาทางเดิน มีไว้สำหรับระบายน้ำจากหลังคาของทางเดินนั่นเอง โคปุระที่สลักลวดลายสวยงาม และระเบียงคดที่ล้อมรอบปราสาทประธานและปรางค์สำคัญที่อยู่ใกล้กัน เมื่อเข้ามาบริเวณลานชั้นใน เราจะได้เห็นความสวยงามและความยิ่งใหญ่ของปราสาทประธาน ซึ่งเป็นศูนย์กลางของศาสนาสถานแห่งนี้ โดยมีส่วนสำคัญ 2 ส่วนคือ มณฑปและเรือนธาตุ (องค์ปราสาท) มณฑปมีลักษณะเป็นห้องรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าเชื่อมต่อกับองค์ปราสาท มีหน้าบันเป็นรูปสลักพระศิวนาฎราช องค์ปราสาทมีลักษณะเป็นอาคารสี่เหลี่ยมจัตุรัสย่อมุม สลักลวดลายประดับตามส่วนต่าง ๆ เช่น หน้าบัน ทับหลัง และซุ้มหลังคา เป็นต้น ภายในมีห้องครรภคฤหะ ใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและเป็นที่ประดิษฐานรูปเคารพที่สำคัญที่สุดของศาสนสถาน ซึ่งรูปเคารพดังกล่าวสูญหายไป ถูกแทนที่ด้วยพระพุทธรูปปางนาคปรก นอกจากปราสาทประธานที่สวยงามอลังการแล้ว ปรางค์พรหมทัตก็เป็นอีกหนึ่งโบราณสถานสำคัญที่ไม่ควรพลาดชม ปรางค์พรหมทัตตั้งอยู่ด้านหน้าของปราสาทประธาน สร้างด้วยศิลาแลง ภายในมีประติมากรรมจำลองของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ท้าวพรหมทัต โดยองค์จริงจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย

ย้อนรอย…อารยธรรมขอม ปราสาทหินพิมาย อ่านเพิ่มเติม

#THEOLDPICTURESTORY KHLONG PHO HAK FLOATING MARKET DAMNOEN SADUAK DISTRICT RATCHABURI, 1975

Khlong Pho Hak Floating Market located at the entrance to Khlong Pho Hak, Damnoen Saduak District, Ratchaburi. This is an old floating market that is more than 150 years old…

#THEOLDPICTURESTORY KHLONG PHO HAK FLOATING MARKET DAMNOEN SADUAK DISTRICT RATCHABURI, 1975 อ่านเพิ่มเติม

#theoldpicturestory Sao Ching Cha Tram, Bangkok on 2503 BE

Sao Ching Cha is an old area that we know there are interesting tourist attractions and many restaurants offering delicious food. Tourists tend to follow famous restaurants in reviews on social media, but do you know that in the past there was a tram running in the area.

#theoldpicturestory Sao Ching Cha Tram, Bangkok on 2503 BE อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top