เพื่อนร่วมทาง

5 สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ไหว้แล้วมีสิทธิสละโสด

ศาลท้าวมหาพรหม กรุงเทพมหานคร.เชื่อกันว่า ท่านท้าวมหาพรหมเป็นเทพเจ้าที่มีเมตตา สามารถดลบันดาลให้ผู้ที่มาขอพรนั้นสมปรารถนาในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความรัก ชีวิต หน้าที่การงาน โดยผู้ที่มาขอพรพระพรหมนั้นมักจะบนบานด้วยการถวายพวงมาลัยดอกไม้เจ็ดสีเจ็ดศอก ช้างไม้ หรือละครรำ.ยังมีกิตติศัพท์เลื่องลือกันในหมู่ของผู้ที่ต้องการมีบุตรด้วยว่า หากได้มาอธิษฐานขอพรจากท่านแล้ว มักจะสมหวัง แม้แต่ชาวต่างชาติก็ถึงกับข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ.ในวันที่ 9 พฤศจิกายนของทุกปี จะมีการจัดงานบวงสรวงพระพรหม เนื่องในโอกาสครบรอบการตั้งศาลด้วย  พระตรีมูรติ กรุงเทพมหานคร.ผู้ใดที่ยังไร้คู่หรือไม่มีโชคในด้านความรัก หากได้มาบูชาพระตรีมูรติและตั้งจิตอธิษฐานขอพรให้พบกับเนื้อคู่แล้ว ก็มักจะได้สมดังปรารถนา รวมทั้งเรื่องของชีวิตและหน้าที่การงานอีกด้วย เวลาที่ดีที่สุดในการสักการะ คือ คืนวันพฤหัสบดี เวลา 21.30 น. เพราะเชื่อว่าเป็นเวลาที่เทพจะลงมายังโลกมนุษย์ เพื่อรับฟังและประทานพรให้แก่ผู้ขอ.วิธีบูชาพระตรีมูรติ ใช้ธูปแดง 9 ดอก เทียนแดง ดอกกุหลาบแดง และผลไม้ พร้อมกล่าวชื่อ นามสกุล รวมทั้งที่อยู่ของตนเองด้วย.วันบวงสรวงพระตรีมูรติ ตรงกับวันที่ 2 ธันวาคม ของทุกปี วัดโสธรราชวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา.ผู้ที่นับถือหลวงพ่อโสธรเชื่อว่าเมื่อได้มาสักการะแล้ว จะมีแต่ความสุข เป็นสวัสดิมงคลแก่ชีวิต และในหมู่ผู้ที่มีบุตรยากยังเดินทางมาพร้อมกับความหวัง.เพราะเชื่อกันว่า หากได้มาขอหลวงพ่อแล้วจะได้ลูกชาย และเมื่อสมดังหวัง ก็นิยมมาถวายละครชาตรี ไข่ต้ม ผลไม้ และพวงมาลัย.งานนมัสการประจำปีหลวงพ่อโสธร จัดขึ้นปีละ 3 ครั้ง คือ– กลางเดือน 5 (เมษายน)– กลางเดือน 12 (พฤศจิกายน)– เทศกาลตรุษจีน ศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก วัดพนัญเชิงวรวิหาร จ.พระนครศรีอยุธยา.เชื่อกันว่า เจ้าแม่สร้อยดอกหมากจะดลบันดาลให้ผู้ที่มากราบไหว้ขอพร มีแต่ความสุข ความสำเร็จ โดยเฉพาะเรื่องของความรักและคู่ครอง ถ้ามีใจที่แน่วแน่มั่นคง ก็มักสมหวังดังใจปรารถนา.หรือผู้ที่อยากมีบุตรก็มักจะมาขอพรจากเจ้าแม่เช่นกัน เมื่อได้สมดังที่ขอแล้วมักจะนำผ้าแพร ไข่มุก เรือสำเภาจำลอง หรือนำสิงโตมาเชิดเพื่อถวายเจ้าแม่ พระธาตุศรีสองรัก อ.ด่านซ้าย จ.เลย.เชื่อกันว่า หากผู้ใดได้มาบนบานศาลกล่าว แล้วแก้บนด้วยต้นผึ้ง จะได้สมตามความปรารถนาทุกประการ และถ้าขอพรในด้านที่เกี่ยวกับความรักและมิตรภาพ สัมพันธภาพนั้นก็จะยั่งยืนสืบไป.ข้อปฏิบัติที่ควรทราบคือ ไม่ควรแต่งกายในชุดสีแดง รวมทั้งงดนำสิ่งของหรือดอกไม้สีแดงขึ้นไปบูชา เพราะสีแดงเป็นสัญลักษณ์ของเลือดและความรุนแรง นอกจากนี้ยังไม่ควรกางร่ม สวมหมวก และสวมรองเท้าขึ้นไปบริเวณพระธาตุอีกด้วย.พระธาตุศรีสองรัก สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ เพื่อเป็นสักขีพยานในความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างกรุงศรีอยุธยากับกรุงศรีสัตนาคนหุต (เวียงจันทน์).ประเพณีสมโภชพระธาตุศรีสองรัก จัดขึ้นในวันวิสาขบูชา (วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6) ของทุกปี เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2562

5 สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ไหว้แล้วมีสิทธิสละโสด อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวปาย 2 วัน 1 คืน

เที่ยวปาย 2 วัน 1 คืน.ทริปนี้เราจะไปปายกัน แต่ไหนๆ ก็มาถึงแม่ฮ่องสอนแล้ว แวะชมสถานที่ท่องเที่ยวระหว่างทางไปปายกันสักนิดก็คงไม่เสียหายอะไร ว่าแล้วก็ตามแอดมาเลยจ้า แอดขอเริ่มต้นทริปนี้ด้วยการนั่งทานก๋วยเตี๋ยวห้อยขากันที่ “บ้านจ่าโบ่” ค่ะ เค้าว่ากันว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง ดังนั้นจะช้าอยู่ไย สั่งก๋วยเตี๋ยวกันเลย ก๋วยเตี๋ยวของที่นี่มีให้เลือกหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นน้ำใสหรือต้มยำ จะใส่ไข่ต้มหรือไม่ใส่ แล้วแต่ชอบเลยค่ะ.ระหว่างที่รอก๋วยเตี๋ยว เราก็สามารถนั่งถ่ายรูปเล่น จิบลม ชมวิวกันได้ตามสบาย ขอบอกเลยว่าวิวที่นี่สวยมาก สมกับที่เค้าว่า “ก๋วยเตี๋ยวหลักสิบวิวหลักล้าน” เลย.ที่ตั้ง : 1226 ตำบลปางมะผ้า อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอนเปิดทุกวัน เวลา 07.00 – 16.00 น. หลังจากทานก๋วยเตี๋ยวกันจนอิ่มหนำสำราญแล้ว เราก็ไปต่อกันที่ “ถ้ำน้ำลอด” ค่ะ ภายในแบ่งออกเป็น 3 ถ้ำด้วยกัน ซึ่งการเข้าไปยัง 2 ถ้ำแรกเราจะต้องเดินและปีนบันไดที่ค่อนข้างชัน ส่วนการเดินทางไปยังถ้ำที่ 3 จะมีแพให้เราได้นั่งลอดถ้ำเข้าไป.ในถ้ำค่อนข้างมึด แต่ไม่ต้องกลัวนะคะ เพราะเรามีตะเกียงเจ้าพายุเป็นแสงสว่างนำทาง บวกกับมีไกด์ที่น่ารักคอยอำนวยความสะดวกให้ด้วย ระหว่างล่องแพเราสามารถให้อาหารปลาได้ด้วยนะคะ ซึ่งอาหารปลาสามารถซื้อได้บริเวณจุดขายตั๋วค่ะ.แพ 1 ลำนั่งได้ประมาณ 3 คน ค่าบริการล่องแพ พร้อมไกด์ท้องถิ่น ราคา 450 บาท ใช้เวลาชมความสวยงามภายในถ้ำประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง แอดชมเพลินจนลืมเวลาไปเลย นึกว่าเพิ่งเดินได้แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเอง  ที่ตั้ง : ตำบลถ้ำลอด อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอนเปิดทุกวัน เวลา 08.30 – 17.00 น. ชมความมหัศจรรย์อันสวยงามของถ้ำเสร็จแล้ว เราก็ไปรับลมเย็นๆ ชมวิวสวยๆ กันที่ “ดอยกิ่วลม” ค่ะ ซึ่งที่นี่เราสามารถลองเล่นชิงช้ากะเหรี่ยงได้ด้วยนะคะ แอดไปลองมาแล้ว ตอนแรกก็แอบกลัวนิดหน่อย แต่ต้องบอกเลยว่าวิวดีมาก…..หมายถึงวิวจริงๆ นะ .ที่ตั้ง : ตำบลถ้ำลอด อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน หลังจากเพลิดเพลินกับการชมวิวและบรรยากาศที่สวยงามกันแล้ว เราก็ไปสักการะพระพุทธโลกุตระมหามุนี พระพุทธรูปสีขาวองค์ใหญ่ที่ “วัดพระธาตุแม่เย็น” ค่ะ ที่วัดแห่งนี้เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งของแม่ฮ่องสอน เมื่อมาเที่ยวแล้วต้องห้ามพลาดเด็ดขาดเลยนะคะ.ที่ตั้ง : ตำบลแม่ฮี้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ถึงเวลาเติมพลังกันแล้วค่ะ บอกเลยว่าราตรีนี้ยังอีกยาวไกล เพราะเราจะไม่ยอมหลับถ้าท้องเรายิ่งไม่อิ่ม สำหรับเพื่อนๆ ที่เดินทางมาเที่ยว อ.ปาย สิ่งหนึ่งที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ การชอปของดี ชิมของอร่อย ที่ “ถนนคนเดินปาย” ซึ่งมีสินค้าให้เลือกซื้อเลือกหากันมากมาย.ที่ตั้ง : ถนนชัยสงคราม ตำบลเวียงใต้ อำเภอปาย จัวหวัดแม่ฮ่องสอนเปิดทุกวัน เวลา 18.00 – 23.00 น. สำหรับเช้าวันใหม่นี้ เราก็พร้อมออกเดินทางไปยัง “จุดชมวิวหยุนไหล” กันแล้ว ที่นี่เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นยอดฮิตสำหรับคนที่เดินทางมาปาย เพราะนอกจากพระอาทิตย์ที่สวยงามแล้ว เรายังจะได้สัมผัสกับไอหมอกและลมเย็นๆ ในยามเช้าตรู่อีกด้วยค่ะ.หากกลัวว่าจะต้องมาถึงที่นี่แต่เช้าเพื่อรอชมพระอาทิตย์ขึ้นแล้วจะหิว ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะที่นี่เค้ามีร้านอาหารไว้บริการด้วยค่ะ  การเดินทางมายังจุดชมวิวหยุนไหลนั้น ถ้าขึ้นมาก่อน 09.00 น. เราจะต้องจอดรถไว้ที่หมู่บ้านสันติชล และนั่งรถกระบะของชาวบ้านต่อมายังจุดชมวิว ราคาเหมาไป-กลับคันละ 300 บาท นั่งได้ไม่เกิน 10 คน (แต่ถ้าหลัง 09.00 น. สามารถนำรถขึ้นไปเองได้ค่ะ).ที่ตั้ง : ตำบลเวียงใต้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อนๆ คนไหนที่หลงใหลในบรรยากาศแบบจีนๆ ต้องแวะที่ “บ้านสันติชล” เลยค่ะ ที่นี่มีอาหารจีนให้เลือกทาน มีมุมสวยๆ ในบรรยากาศจีนๆ ให้เลือกถ่ายรูปมากมาย นอกจากนี้ยังมีชุดแบบในหนังจีนให้เช่าใส่เป็นพร็อปถ่ายรูปอีกด้วยนะคะ โดยราคาเริ่มต้นที่ชุดละ 100 บาทค่ะ .ที่ตั้ง : ตำบลเวียงใต้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน หลังจากนั้นเราก็ออกเดินทางไปต่อกันที่ “สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย” สะพานแห่งนี้มีดีอะไร? คำตอบคือ เป็นสะพานที่ดูเก๋และถ่ายรูปสวยสุดๆ ค่ะ.นอกจากนี้สะพานแห่งนี้ยังมีความสำคัญอย่างมากต่อ อ.ปาย เพราะเมื่อครั้งอดีตในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทหารญี่ปุ่นได้ใช้สะพานแห่งนี้ในการลำเลียงเสบียงและอาวุธยุทโธปกรณ์ไปยังประเทศเมียนมา เดิมสะพานแห่งนี้สร้างด้วยไม้ แต่หลังจากสงครามครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ทหารญี่ปุ่นได้เผาสะพานทิ้ง ภายหลังจึงได้มีการสร้างสะพานขึ้นใหม่โดยใช้เหล็กจากสะพานนวรัฐ จ.เชียงใหม่ ซึ่งไม่ได้ใช้งานแล้ว มาสร้างเป็นสะพานแบบที่เราเห็นทุกวันนี้นั่นเองค่ะ.ที่ตั้ง : ตำบลแม่ฮี้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2562

เที่ยวปาย 2 วัน 1 คืน อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวกันตัง ชมหมากตักน้ำ

ราจะไปกันที่ “ชุมชนบ้านย่านซื่อ”ที่ตั้ง : ตำบลกันตัง อำเภอกันตัง จังหวัดตรังพิกัด : https://goo.gl/maps/5xBxVs4x2Zv “ชุมชนบ้านย่านซื่อ” เป็นชุมชนริมฝั่งแม่น้ำตรัง และยังเป็นชุมชนป่าจากที่ใหญ่ที่สุดของภาคใต้อีกด้วยนะคะ เอาล่ะค่ะ เรามาทำความรู้จักกับ “ติหมา” กันดีกว่า.“ติหมา” หรือที่หลายๆ คนรู้จักกันในชื่อ “หมาตักน้ำ” หรือ “หมาจาก” นั้น ก็คือภาชนะตักน้ำที่ทำมาจากใบจากนั่นเองค่ะ.หนึ่งในภูมิปัญญาของชาวใต้ ที่นำวัสดุที่หาได้ง่ายในท้องถิ่นมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันมาตั้งแต่อดีต.ซึ่งในปัจจุบัน ด้วยกระแสของการลดการใช้พลาสติก และหันกลับมาใช้วัสดุธรรมชาติมากขึ้น ทำให้เราพบเห็นการนำติหมามาใช้ประโยชน์กันมากมายเลย ไม่ว่าจะใส่น้ำ ใส่ขนม หรือแม้แต่ใช้เป็นของตกแต่งบ้านด้วย และประโยชน์ของใบจากยังไม่หมดเพียงเท่านี้นะคะ เพราะใบจากยังสามารถนำมาสานเป็นภาชนะต่างๆ เช่น ตะกร้า กระเช้า ถาด ฯลฯ สำหรับใส่ของได้อีกด้วยค่ะ หากเพื่อนๆ คนไหนสนใจอยากจะศึกษาหรือเรียนรู้งานฝีมือจากต้นจากให้มากกว่านี้ ก็สามารถเดินทางมาที่ชุมชนบ้านย่านซื่อได้เลย คุณลุงคุณป้ายินดีต้อนรับ และพร้อมที่จะถ่ายทอดภูมิปัญญาอันล้ำค่าเหล่านี้ให้กับพวกเราค่ะ  เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562

เที่ยวกันตัง ชมหมากตักน้ำ อ่านเพิ่มเติม

ดอกไม้งามที่บ้านห้วยสำราญ จังหวัดอุดรธานี

เป็นที่ทราบกันดีว่าอุดรธานีขึ้นชื่อในเรื่องความสวยงามของทะเลบัวแดง แต่นอกจากทะเลบัวแดงแล้ว ที่นี่ยังมีทุ่งดอกไม้สีสันสดใสที่คนรักดอกไม้ต้องไปเช็คอิน . ทุ่งดอกไม้ที่แอดพูดถึง คือทุ่งดอกไม้บ้านห้วยสำราญ ตั้งอยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัด #อุดรธานี เป็นแหล่งปลูกและจำหน่ายไม้ดอกไม้ประดับที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน ดอกไม้ที่ปลูกส่วนใหญ่เป็นดอกคัทเตอร์และดอกเบญจมาศ ฤดูกาลท่องเที่ยวคือ ช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ พิกัด : https://goo.gl/maps/ERF6imGqdVmjpSKF7 . เราไปชมความสวยงามของดอกคัทเตอร์และดอกเบญจมาศกันเลยค่ะ . ไปเที่ยวที่ไหนอย่าลืมสวมหน้ากากอนามัย และพกเจลล้างมือติดตัวไปด้วยนะ ในหมู่บ้านมีแปลงดอกไม้และร้านดอกไม้หลายร้านที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปถ่ายรูปและซื้อดอกไม้กลับบ้านได้ – แปลงสาธิตตัวอย่างของหมู่บ้าน ตั้งอยู่ติดกับโรงเรียนบ้านห้วยสำราญโทร. 09 3414 0975พิกัด : https://goo.gl/maps/Z6fqbDW6riZ3Yvgv9 – สวนสิทธิกรโทร. 09 4529 9556, 09 2459 8525พิกัด : https://goo.gl/maps/RHL3oqJaA1sAnBNq7 – สวนดอกไม้พิจิตราโทร. 09 7051 0963พิกัด : https://goo.gl/maps/wH9RjkL76zo5NXoZ8 – สวนแบงค์เบญจมาศโทร. 08 8508 4070พิกัด : https://goo.gl/maps/C7JjXBddWoNVzgEZ9 – สวนตุ๊กตาดอกไม้สดโทร. 09 7051 0963พิกัด : https://goo.gl/maps/W1drVTiV4HN5ECM47  ไปเที่ยวสวนดอกไม้ทั้งที ต้องได้รูปดอกไม้สวย ๆ กลับบ้าน แอดมีเทคนิคภ่ายภาพดอกไม้มาฝากค่ะ ใครไม่มีกล้องถ่ายรูป ไม่ต้องห่วง แค่มีมือถือก็รอด รับรองว่าไปเที่ยวบ้านห้วยสำราญคราวนี้ มีรูปดอกไม้กลับไปอวดเพื่อนในโชเชียลแน่นอน เทคนิคการถ่ายภาพดอกไม้ด้วยมือถือ – ถ่ายภาพในระยะ close up ให้เห็นรายละเอียดของกลีบและเกสร แทนที่จะเห็นดอกไม้ทั้งดอก ภาพแบบนี้จะทำให้เห็นดอกไม้ในมุมที่แปลกออกไป – หลีกเลี่ยงการใช้แฟลช หลายคนชอบลืมปิดแฟลชในกล้องมือถือ การใช้แฟลชในแสงกลางวันจะยิ่งทำให้ภาพสว่างเกินไป และดูแข็งไม่เป็นธรรมชาติ – ถ่ายภาพระยะกลาง ให้เห็นทั้งดอกไม้และใบไม้ สีเขียวของใบไม้จะตัดกับสีสันสดใสของดอกไม้ ช่วยให้ดอกไม้ดูเด่นขึ้น – เลือก Background ที่ไม่ยุ่งเหยิง จะได้ไม่แย่งความโดดเด่นของดอกไม้ – ลองถ่ายภาพจากมุมแปลก ๆ แบบอื่นที่ไม่ใช่มุมระดับสายตาดูบ้าง เช่น มุมเสย หรือมุมกดจากด้านบน – หามุมที่แสงแดดสาดลงไปที่ดอกไม้ เพราะแสงที่ตกกระทบจะช่วยทำให้ดอกไม้ดูสีสดขึ้น – ถ่ายภาพระยะไกล เลือกมุมเเบบ PATTERN เช่น ลองถ่ายภาพแปลงดอกไม้ที่เว้นแถวเท่า ๆ กัน หรือภาพกระถางต้นไม้ที่วางเรียงเป็นแถว ก็สวยไปอีกแบบ – ถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ ซึ่งในโทรศัพท์มือถือจะมีโหมดที่ทำให้พื้นหลังเบลออยู่แล้ว การถ่ายภาพแบบนี้จะทำให้ภาพเกิดมิติ และดอกไม้ก็จะดูเด่นขึ้นมาทันที

ดอกไม้งามที่บ้านห้วยสำราญ จังหวัดอุดรธานี อ่านเพิ่มเติม

วิถีคนทำกาแฟ @ Villa Varich จังหวัดชุมพร

วิถีคนทำกาแฟ @ Villa Varich จังหวัดชุมพร.หากเดินทางมาเที่ยวที่จังหวัดชุมพร สิ่งที่พลาดไม่ได้คือเรื่องของกาแฟเพราะกาแฟเป็นอีกหนึ่งผลผลิตที่สำคัญของจังหวัดชุมพร โดยเฉพาะกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้า ที่ไม่ว่าจะเดินทางไปแหล่งท่องเที่ยวที่ไหนในจังหวัดชุมพร ก็จะได้เห็นต้นกาแฟเป็นไร่ ๆ จนชินตา หากใครกำลังมองหากิจกรรมดี ๆ เช่น การทำ workshop กาแฟ พร้อมที่พักสไตล์บ้านสวนริมน้ำที่มีบรรยากาศสุดชิลและเงียบสงบ Villa Varich เป็นอีกสถานที่ที่แอดอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ไปเที่ยวกันค่ะ Villa Varich เป็นโรงแรมที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติและติดริมแม่น้ำ ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาได้สะดวก.นอกจากจะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศท่ามกลางธรรมชาติแล้ว ที่นี่ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจคือ การปั่นจักรยาน พายเรือคายัค และ Coffee Workshop.56/1 ต.บางหมาก อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพรโทร. 08 6964 7123พิกัด : https://g.page/villavarich?share วันนี้แอดจะพาเพื่อน ๆ มาทำ Coffee Workshop กันค่ะ เริ่มตั้งแต่การคั่วกาแฟ ไปจนถึงชิมกาแฟที่เราลงมือทำเอง ซึ่งคุณคม ศรีราช เจ้าของ Villa Varich จะเป็นคนพาเราทำ workshop ครั้งนี้ มาดูกันว่า กาแฟที่แอดคั่วเองกับมือ รสชาติจะเป็นอย่างไรกันบ้าง.คุณคมเล่าว่า การทำ Coffee Workshop มีจุดประสงค์คือ ให้เรารู้ถึงความแตกต่างของรสชาติและจุดเด่นของกาแฟแต่ละสายพันธุ์ เพื่อเอาไว้สังเกตเวลาไปซื้อกาแฟ และเป็นการเพิ่มความสนุกในการดื่มกาแฟอีกด้วย ก่อนเริ่ม workshop คุณคมพาแอดไปดูว่าต้นกาแฟมีหน้าตาเป็นยังไง ต้นกาแฟมีลักษณะเป็นข้อและปล้อง ใบมีผิวเรียบ นุ่มเป็นมัน ออกผลดิบสีเขียว ฤดูเก็บเกี่ยวของกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้าที่จังหวัดชุมพรจะเป็นช่วงต้นเดือนมกราคม คุณคมได้นำสารกาแฟหรือเมล็ดกาแฟสีเขียวที่ยังไม่ผ่านการคั่วมาให้ชม เมล็ดกาแฟที่ดีต้องมีความชื้นไม่เกิน 10-12 เปอร์เซนต์ โดยใช้เครื่องวัดความชื้นเป็นตัววัด ถ้าไม่ใช้เครื่อง ให้สังเกตจากรูปร่าง สีและกลิ่น โดยกาแฟต้องมีเมล็ดสวยและแข็ง ไม่มีกลิ่นเหม็นหืน กลิ่นเน่าหรือกลิ่นรา มาค่ะ กะทะพร้อม ไฟพร้อม นาฬิกาจับเวลาพร้อม เรามาเริ่มคั่วกาแฟกันเลยดีกว่า เริ่มจากการนำเมล็ดกาแฟดิบมาคั่ว โดยเริ่มจับเวลาตั้งแต่ตอนที่เอาเมล็ดกาแฟลงกระทะ 3 นาทีแรกจะเรียกว่า Dry phase เป็นการไล่ความชื้นในเมล็ดกาแฟออกไป จากนั้นจะเริ่มเข้าสู่ระยะที่เรียกว่า High pressure โดยเมล็ดจะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ พอคั่วต่อไปจนถึงนาทีที่ 9 จะมีเสียงเป๊าะแป๊ะเบา ๆ เรียกว่าระยะ Frist crack เมล็ดกาแฟจะแตกออก คั่วต่ออีกไปสัก 1-2 นาที ก็จะได้กาแฟคั่วอ่อนที่พร้อมนำไปบดและชงดื่มค่ะ แต่ถ้าเพื่อน ๆ ยังคั่วต่อไป จะเป็นการคั่วเพื่อสร้างกลิ่นของกาแฟให้ชัดเจนขึ้น เช่น กลิ่นช็อกโกแลต กลิ่นคาราเมล หากต้องการกาแฟคั่วกลางจะใช้เวลาประมาณ 12 นาที กาแฟคั่วเข้ม จะใช้เวลาประมาณ 14-15 นาที ไม่ควรใช้เวลามากกว่านี้ เพราะจะเข้าสู่ระยะ Second crack ซึ่งเป็นระยะที่ไม่แนะนำ เป็นการเผาอโรม่า กรด และไขมันที่ดีในเมล็ดกาแฟไปจนหมด จากนั้นนำเมล็ดกาแฟมาฝัดเพื่อให้เปลือกหรือเยื่อบาง ๆ หลุดออกไป เกร็ดน่ารู้ : 3 วันหลังจากการคั่ว กาแฟจะมีรสชาติอร่อยที่สุด นำมาบด อาจจะกะปริมาณหรือชั่งก่อนใส่ลงไปในเครื่องบด มาถึงขั้นตอนการชง ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายแล้วค่ะ อุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสำหรับการชงกาแฟคือ 90 องศาเซลเซียส เพราะจะทำให้สัมผัสถึงรสชาติและกลิ่นของกาแฟได้ชัดเจน แต่ถ้าใช้น้ำอุณหภูมิต่ำกว่านั้น รสชาติของกาแฟก็จะเบาลง… อื้มมม กาแฟที่แอดคั่วเอง รสชาติก็ใช้ได้อยู่นะ อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว หลายคนคงอยากลุกไปชงกาแฟดื่มเลย ใช่มั้ยล่ะ ถ้าใครวางแผนจะไปเที่ยวจังหวัดชุมพรและสนใจอยากทำ workshop สนุก ๆ แบบนี้ สามารถจองล่วงหน้าได้ที่ลิงก์นี้เลย Facebook : https://www.facebook.com/villavarich/ เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 6 พฤศจิกายน 2563

วิถีคนทำกาแฟ @ Villa Varich จังหวัดชุมพร อ่านเพิ่มเติม

เส้นทางท่องเที่ยวน่าน-แพร่ 3 วัน 2 คืน

เส้นทางท่องเที่ยวน่าน-แพร่ 3 วัน 2 คืน วันที่ 1วัดภูมินทร์พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่านซุ้มลีลาวดีวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร วันที่ 2วัดพระธาตุแช่แห้งวัดหนองบัวกาแฟบ้านไทลื้อฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ วันที่ 3พิพิธภัณฑ์เมืองแพร่ คุ้มเจ้าหลวงคุ้มวงศ์บุรีวัดพระธาตุช่อแฮวัดพระธาตุดอยเล็ง วันที่ 1 สำหรับวันแรกเราเริ่มต้นกันที่จังหวัดน่าน ชวนมาอิ่มบุญ ไหว้พระขอพรเสริมสิริมงคลให้แก่ชีวิตกันก่อน.เริ่มที่ “วัดภูมินทร์” วัดที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนี่งของจังหวัดน่าน วัดนี้มีจุดเด่นอยู่ที่เป็นอาคารทรงจตุรมุขหนึ่งเดียวในประเทศไทย โดยรวมเอาโบสถ์ วิหาร และเจดีย์ไว้ในอาคารเดียวกัน เป็นการจำลองแผนภูมิจักรวาลตามความเชื่อทางพุทธศาสนา  ภายในประดิษฐานพระประธานปางมารวิชัยขนาดใหญ่ 4 องค์ หันพระปฤษฎางค์ชนกัน เชื่อกันว่าหากได้มาสักการะพระพุทธรูปทั้งสี่ทิศแล้ว จะเป็นสิริมงคล บุญกุศลจะส่งให้มีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตและแคล้วคลาดปลอดภัย ไฮไลท์ที่ห้ามพลาดก็คือภาพจิตรกรรมฝาผนัง “กระซิบรักบันลือโลก” ซึ่งเป็นภาพของปู่ม่านย่าม่านหรือสามีภรรยาชาวพม่ากำลังกระซิบสนทนากัน นับเป็นจิตรกรรมที่โดดเด่นและมีชื่อเสียงที่สุดของวัดภูมินทร์ ผลงานของหนานบัวผัน จิตรกรชาวไทลื้อ.ที่ตั้ง : ถนนผากอง ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน เปิดทุกวัน เวลา 08.00-19.00 น.  ถัดไปไม่ไกลเราแวะชม “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน” ซึ่งเดิมเป็นหอคำ ที่ประทับและออกว่าราชการของพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช เจ้าผู้ครองนครน่าน สร้างเมื่อ พ.ศ. 2446 ถ้าเพื่อน ๆ ยังจำได้ เมื่อก่อนตัวอาคารจะเป็นสีขาว มุงด้วยกระเบื้องสีเขียว แต่ภายหลังได้รับการบูรณะใหม่ ให้ใกล้เคียงกับในสมัยก่อนมากที่สุด ซึ่งจะสังเกตได้ว่านอกจากจะทาสีใหม่แล้ว ส่วนประดับตกแต่งอาคารหลายส่วนก็ยังเปลี่ยนแปลงไปด้วย ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้จัดแสดงเรื่องราวด้านโบราณคดีและประวัติศาสตร์ศิลปะ รวมทั้งชีวิตความเป็นอยู่ของชนเผ่าต่าง ๆ ในจังหวัดน่าน นอกจากนี้ที่นี่ยังมีมุมยอดฮิตที่ไม่ว่าใครก็ต้องมาแวะถ่ายรูปให้ได้นั่นก็คือ “ซุ้มลีลาวดี” นั่นเอง ซึ่งแอดก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพมาอวดเพื่อน ๆ ด้วย  จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน ข้ามถนนมาก็จะเจอกับ “วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร” เดิมเรียกว่า “วัดหลวง” หรือ “วัดหลวงกลางเวียง” เป็นวัดซึ่งเจ้าผู้ครองนครใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญ  ภายในวัดมีพระวิหารขนาดใหญ่เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย ศิลปะเชียงแสน สกุลช่างน่าน  วัดพระธาตุช้างค้ำ ยังมีสถาปัตยกรรมที่สะท้อนถึงอิทธิพลของศิลปะสุโขทัย นั่นก็คือเจดีย์ช้างล้อม มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงระฆังที่มีช้างปูนปั้นครึ่งตัวประดับอยู่รอบฐาน ซึ่งคำว่า “ช้างค้ำ” ก็หมายถึงการค้ำจุนพุทธศาสนานั่นเอง.ที่ตั้ง : ถนนสุริยพงษ์ ตำบลในเวียง อำเภอเมือง จังหวัดน่านเปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น.  วันที่ 2 วันนี้เราจะไปสักการะพระธาตุแช่แห้ง ออกเดินทางไปชมภาพจิตรกรรมที่วัดหนองบัว และไปชมวิวทุ่งนาสีเขียวที่อำเภอปัวกัน “วัดพระธาตุแช่แห้ง” เป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัด ตั้งอยู่บนเนินเขาเตี้ย ๆ ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำน่าน ซึ่งเป็นบริเวณศูนย์กลางเมืองน่านเดิม ภายในวัดมีพระธาตุแช่แห้งซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และยังเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีเถาะอีกด้วย เชื่อกันว่าผู้ที่ได้บูชาพระธาตุแช่แห้ง จะได้รับการอุดหนุนค้ำชู มีชื่อเสียง ลาภยศ สรรเสริญ.ที่ตั้ง : ตำบลม่วงตื้ด อำเภอภูเพียง จังหวัดน่านเปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น.โทร. 054 601 146  ที่ต่อไปเราไปกันที่วัดหนองบัว อำเภอท่าวังผา อีกหนึ่งวัดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดน่าน เป็นวัดเก่าแก่ประจำหมู่บ้านหนองบัว โดดเด่นด้วยวิหารแบบไทลื้อที่ภายในประดิษฐานพระประธานปางมารวิชัย และมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่งดงาม สำหรับภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วัดหนองบัวนั้น สันนิษฐานว่าศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานก็คือ หนานบัวผัน เจ้าของภาพปู่ม่านย่าม่านอันเลื่องชื่อที่วัดภูมินทร์นั่นเอง นอกจากความสวยงามของวัดและภาพจิตรกรรมฝาผนังแล้ว ที่วัดแห่งนี้ยังมีเรือนไทลื้ออายุกว่า 100 ปี ซึ่งเป็นที่ตั้งของ “ศูนย์บูรณาการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน” บริเวณใต้ถุนบ้านจะมีคุณยายมานั่งปั่นฝ้ายและสาธิตการทอผ้าให้ชม เป็นการสืบสานวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่น เพื่อน ๆ สามารถมาลองรีดเมล็ดฝ้ายและปั่นฝ้ายได้ด้วยนะคะ มีคุณยายคอยช่วยสอนอยู่อย่างใกล้ชิดเลย.ที่ตั้ง : บ้านหนองบัว ตำบลป่าคา อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่านเปิดทุกวัน เวลา 07.00-17.00 น.  จากวัดหนองบัวเราเดินทางไปต่อกันที่ “ร้านกาแฟบ้านไทลื้อ” ซึ่งบริการทั้งอาหารพื้นเมืองและเครื่องดื่มเย็น ๆ ในบรรยากาศที่ใกล้ชิดธรรมชาติสุด ๆ เพราะโดยรอบจะเป็นวิวภูเขาและทุ่งนาสีเขียว ถ่ายรูปมุมไหนก็สวย  มีทางเดินไม้ทอดยาวให้เดินเล่นชมวิวได้รอบเลยแนะนำว่าให้มาตอนเช้าหรือไม่ก็ตอนเย็น ๆ เพราะอากาศจะได้ไม่ร้อนเกินไป.ที่ตั้ง : ตำบลศิลาแลง อำเภอปัว จังหวัดน่าน เปิดทุกวัน เวลา 07.00-17.00 น. หากใครแวะมาอำเภอปัวต้องมาลิ้มลองรสชาติเมนูสารพัดเห็ดที่ “ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ” ที่นี่เป็นทั้งฟาร์มเห็ดและร้านอาหาร มีที่นั่งให้เลือก 2 โซน โซนร้านอาหารมี 2 ชั้น จะนั่งชั้นล่างหรือชั้นบนก็บอกเลยว่าวิวสวยไม่แพ้กัน นอกจากนี้ยังมีโซนที่เป็นห้องส่วนตัวด้วย โดยรอบจะเป็นทุ่งนาสีเขียวมีภูเขาล้อมรอบและยังมีหมอกจาง ๆ เรียกว่าบรรยากาศดี๊ดีเลยละ   นอกจากจะได้ชมวิวสวย ๆ แล้วในเรื่องของอาหารก็ห้ามพลาด เพราะเมนูของที่นี่จะนำเห็ดชนิดต่าง ๆ มาเป็นวัตถุดิบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น พิซซ่าเห็ด ยำเห็ด ไข่ป่ามเห็ด เป็นต้น ได้ทั้งความอร่อยแถมยังดีต่อสุขภาพด้วยนะ   ยำเห็ด.ทานอาหารเสร็จเราก็เดินทางไปยังจังหวัดแพร่และพักค้างคืนกัน เพื่อที่พรุ่งนี้จะได้เริ่มเที่ยวตั้งแต่เช้าเลยค่ะ ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำที่ตั้ง : 129 บ้านหัวน้ำ ตำบลศิลาแลง อำเภอปัว จังหวัดน่านโทร. 081 005 1533เปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.  วันที่ 3 วันสุดท้ายเราเริ่มกันที่ “พิพิธภัณฑ์เมืองแพร่ คุ้มเจ้าหลวง” ที่นี่สร้างเมื่อ พ.ศ. 2435 โดยเจ้าพิริยเทพวงศ์ เจ้าหลวงเมืองแพร่องค์สุดท้าย ลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นแบบไทยผสมยุโรป มีการประดับส่วนต่าง ๆ ของอาคารด้วยไม้ฉลุงดงาม  ตัวอาคารมี 3 ชั้น โดย 2 ชั้นบนจำลองเป็นห้องต่างๆ เช่น ห้องนอน ห้องรับแขก ห้องจัดเลี้ยง ฯลฯ ซึ่งแต่ละห้องจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ในสมัยโบราณ ส่วนชั้นล่างสุดหรือที่เรียกกันว่าชั้นใต้ดินนั้นแบ่งเป็น 3 ห้อง ได้แก่ ห้องขังผู้ที่ถูกจับกุมเพื่อรอการไต่สวนและลงอาญา ห้องบ่าวไพร่ และห้องเก็บของ

เส้นทางท่องเที่ยวน่าน-แพร่ 3 วัน 2 คืน อ่านเพิ่มเติม

ดารานาคี เสน่ห์ผ้าทอแห่งลุ่มน้ำโขง

เมื่อพูดถึงจังหวัดบึงกาฬ ภาพแรกที่เรามักจะนึกถึงก็คือ ธรรมชาติที่สวยงาม อย่างหินสามวาฬ ภูทอก น้ำตกถ้ำพระ และถ้ำนาคา แต่นอกจากธรรมชาติที่สวยงามแล้ว จังหวัดบึงกาฬยังขึ้นชื่อเรื่องผ้าทอด้วย วันนี้แอดมินจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับกลุ่มทอผ้าฝ้ายพื้นเมืองบ้านสะง้อ ที่โดดเด่นเรื่องการทอผ้าขาวม้า และเป็นแหล่งกำเนิดของ “ผ้าขาวม้าดารานาคี”.ผ้าขาวม้าดารานาคีคืออะไร จะซ่อนเรื่องราวอะไรไว้บ้าง ถ้าอยากรู้ ตามแอดมาเลยค่ะ.กลุ่มทอผ้าฝ้ายพื้นเมืองบ้านสะง้อที่ตั้ง: 91 หมู่ 2 ต.หอคำ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬเปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.โทร. 095 664 7134, 091 061 2024พิกัด: https://goo.gl/maps/zcx4aiEvwTLkt2rY6 ………………………………………………………………………….. จากผ้าขาวม้าย้อมสีเคมีในวันนั้น สู่ผ้าขาวม้าดารานาคีในวันนี้ กลุ่มทอผ้าฝ้ายพื้นเมืองบ้านสะง้อ ก่อตั้งโดยคุณยายแว่น และคุณตาไล คำพุทธา เป็นกลุ่มทอผ้าดั้งเดิมของชุมชน ผ้าขาวม้าของทางกลุ่มจะเป็นลายสี่เหลี่ยมจัตุรัสทั้งผืน และย้อมด้วยสีเคมีซึ่งทำให้ผ้าแข็งกระด้าง เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ผ้าขาวม้าแบบนี้ได้รับความนิยมน้อยลง สมาชิกหลายคนจึงเลิกทอผ้าและหันไปทำอาชีพอื่นแทน แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีคนรุ่นใหม่อย่าง คุณแยม-สุพัตรา แสงกองมี เข้ามารับช่วงต่อ โดยเปลี่ยนจากการย้อมผ้าด้วยสีเคมี เป็นสีธรรมชาติและหมักโคลนจากแม่น้ำโขง สิ่งที่จุดประกายความคิดนี้ มาจากภูมิปัญญาของคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านที่เล่าให้ฟังถึงวิธีการย้อมผ้าสมัยโบราณ ที่จะนำฝ้ายไปต้มกับน้ำเปลือกไม้แล้วค่อยนำไปหมักโคลนคุณแยมจึงนำภูมิปัญญานี้มาปรับใช้ โดยนำพืชที่หาได้ในท้องถิ่นอย่าง ผลหมากค้อเขียว เปลือกต้นชมพู่ป่า และเปลือกต้นคูนราชพฤกษ์มาย้อมผ้า และใช้โคลนจากแม่น้ำโขงมาหมักให้ผ้านุ่มและสีติดทนยิ่งขึ้น จนกลายเป็นคำขวัญของกลุ่มที่ว่า … – ผลไม้พันปี (หมากค้อเขียว-การมีอายุยืนยาว)– นารีสีสวย (ชมพู่ป่า-มีเสน่ห์ดึงดูดใจ)– รวยได้รวยดี (ต้นคูนราชพฤกษ์-ความร่ำรวย มั่งคั่ง) – นาคีหมักโคลน (โคลนจากสะดือแม่น้ำโขง) ทำไมต้อง ดารานาคี คำว่า ดารานาคี เป็นการนำคำสองคำมารวมกัน ดารา เป็นชื่อคุณพ่อของคุณแยม และเป็นการเปรียบผ้าขาวม้าว่าเหมือนดวงดาว ส่วนคำว่า นาคี สื่อถึงความเชื่อเกี่ยวกับพญานาค เพราะโคลนที่ใช้หมักนำมาจากแม่น้ำโขง กรรมวิธีการย้อมสีธรรมชาตินั้นต้องใช้ความพิถีพิถันมากกว่าการย้อมสีเคมี แต่ผลลัพธ์ที่ได้ถือว่าคุ้มค่า.มาดูวิธีการทำผ้าขาวม้าดารานาคีกันดีกว่าค่ะ เริ่มจากนำเปลือกไม้ทั้ง 3 ชนิด ไปต้มรวมกันเป็นเวลา 12 ชั่วโมง สีที่ได้จะเป็นสีดำ แต่ไม่ดำสนิท จากนั้นนำฝ้ายลงไปย้อมและทิ้งไว้จนหายร้อน จากนั้นนำฝ้ายไปหมักโคลนแม่น้ำโขงเพื่อให้นุ่มและสีติดทน โคลนที่ใช้เป็นโคลนธรรมชาติ อยู่ใกล้ชุมชน โคลนบริเวณนี้อยู่ในจุดที่เกิดบั้งไฟพญานาค ตามความเชื่อของชาวบ้าน และยังเป็นเส้นทางสัญจรของสัตว์ป่า โคลนจากจุดนี้มีความอุดมสมบูรณ์ และให้สีที่แตกต่างจากโคลนในบริเวณอื่น ทำให้กลายเป็นเอกลักษณ์ของผ้าดารานาคี เมื่อย้อมและหมักโคลนเสร็จแล้ว สีของฝ้ายจะออกมาเป็นสีเทา หลังจากนั้นก็นำไปทอเป็นผืนได้ นอกจากหมากค้อเขียว เปลือกต้นชมพู่ป่า และเปลือกต้นคูนราชพฤกษ์แล้ว ทางกลุ่มยังนำเปลือกต้นหมากมาย้อมเป็นสีน้ำตาล เพื่อสร้างสีสันและลายผ้าใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นโดยเวลาทอเป็นลายตารางแบบไม่เท่ากัน ถือเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของผ้าขาวม้าดารานาคี อ่านมาถึงตรงนี้จะรู้เลยว่า กว่าจะได้ผ้าสักผืนไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าเพื่อน ๆ มีโอกาสไปเที่ยวที่กลุ่มทอผ้าฝ้ายพื้นเมืองบ้านสะง้อ อย่าลืมอุดหนุนสินค้าจากชุมชนกันนะคะ มีทั้งผ้าขาวม้าลายที่เป็นเอกลักษณ์กว่า 12 ลาย เช่น ลายผู้ว่า ลายน้ำไหล ลายสองฝั่งโขง และลายปทุมทิพย์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเสื้อ กางเกง หมวก และพวงกุญแจรูปน้องปลาวาฬ (หินสามวาฬ) สุดน่ารักให้เลือกชอปด้วย ใครชอบเสื้อผ้าสีเอิร์ธโทน ต้องมีเสียทรัพย์กันแน่นอน

ดารานาคี เสน่ห์ผ้าทอแห่งลุ่มน้ำโขง อ่านเพิ่มเติม

วัดนาคูหา แพร่

วัดนาคูหา จุดเช็คอินใหม่ของเมืองแพร่.ที่ตั้ง : บ้านนาคูหา ต.สวนเขื่อน อ.เมืองแพร่ จ.แพร่พิกัด : https://goo.gl/maps/nhgQFbMqXxW5yXi66 วัดนาคูหา วัดเล็ก ๆ ประจำหมู่บ้าน ตั้งอยู่กลางทุ่งนาล้อมรอบไปด้วยภูเขาสลับซับซ้อน ด้วยเพราะมีภูมิประเทศที่สวยงาม ท่ามกลางธรรมชาติและอากาศบริสุทธิ์ อีกทั้งระยะทางที่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก ทำให้ทั้งวัดนาคูหาและบ้านนาคูหา เป็นจุดหมายปลายทางที่กำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว สะพานไม้ไผ่ หรือเรียกตามภาษาพื้นเมืองทางเหนือว่า “ขัวแตะ” เป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของวัดนาคูหา ตัวสะพานเริ่มจากลานด้านหน้าองค์พระเจ้าตนหลวงทอดยาวข้ามท้องทุ่งไปยังชายเขาอึกจุดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัด  . การเดินทาง : จากตัวเมืองแพร่ ใช้ทางหลวงหมายเลข 101 (แพร่-น่าน) ผ่านบ้านทุ่งโฮ้ง และเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 1101 ผ่าน ต.ร่องฟอง จนถึงสามแยก ต.สวนเขื่อน ให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1024 ตรงไปประมาณ 16 กิโลเมตร ถึงวัดนาคูหา รวมระยะทางจากตัวเมืองแพร่ 25 กิโลเมตร เอกลักษณ์เด่นของวัดนาคูหา คือ พระเจ้าตนหลวง พระพุทธรูปสีทององค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่กลางทุ่งนา พระหัตถ์ซ้ายถือลูกสมอ มีความเชื่อกันว่าลูกสมอมีสรรพคุณเป็นยารักษาโรคได้สารพัด หากขอพรด้วยลูกสมอ (ซึ่งต้นสมอมีขึ้นทั่วไปในหมู่บ้าน) โดยเฉพาะในเรื่องของสุขภาพ จะได้พรสมดังปรารถนา พระอุโบสถของวัด มีสถาปัตยกรรมที่เรียบง่ายงดงามตามแบบพุทธศิลป์ท้องถิ่น หากมาเที่ยวในช่วงฤดูฝนระหว่างเดือนมิถุนายน-กันยายน จะได้สัมผัสบรรยากาศท้องทุ่งนาสีเขียว สูดไอดินเคล้ากลิ่นไอฝน ถ้ามาในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ก็จะได้เห็นรวงข้าวสีท้องเต็มท้องทุ่ง พร้อมลมหนาวที่เริ่มพัดมาเยือน ได้บรรยากาศที่ดีไปอีกแบบ แนะนำให้มาเที่ยวและถ่ายภาพในช่วงเวลาเช้าหรือเย็น เพราะแสงกำลังสวย และอากาศไม่ร้อนจนเกินไป นอกจากนี้ในหมู่บ้านนาคูหา ยังมีชาวบ้านส่วนหนึ่งประกอบอาชีพเลี้ยงสาหร่ายน้ำจืด หรือที่เรียกว่า “เตา” ซึ่งต้องเลี้ยงในแหล่งน้ำจืดที่สะอาดและบริสุทธิ์เท่านั้น โดยจะนำมาแปรรูปเป็นสินค้าของฝากต่าง ๆ เช่น สบู่เตา ข้าวเกรียบเตา กะละแมเตา ฯลฯ กะละแมเตา หนึ่งในของฝากยอดนิยมจากบ้านนาคูหา มีจำหน่ายบริเวณวัดนาคูหาและร้านขายของฝากตลอดแนวถนนในหมู่บ้าน มีโอกาสไปแอ่วเมืองแพร่ครั้งหน้า อย่าลืมแวะไปเที่ยววัดนาคูหาและบ้านนาคูหานะคะ

วัดนาคูหา แพร่ อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top