เพื่อนร่วมทาง

จุดชมวิวเนินนางพญา จ.จันทบุรี

“จุดชมวิวเนินนางพญา” ตั้งอยู่ริมถนนเฉลิมบูรพาชลทิต บริเวณหาดคุ้งวิมาน จ.จันทบุรี.ที่นี่เป็นจุดชมวิวยอดฮิต ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย ทั้งที่จอดรถ ร้านอาหาร และยังมีเลนสำหรับจักรยานตลอดแนวถนนอีกด้วย.ที่จุดชมวิวเนินนางพญาแห่งนี้ สามารถมองเห็นวิวทะเลกับถนนที่คดเคี้ยวสวยงาม รวมทั้งยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งเลยล่ะ อีกฝั่งของจุดชมวิว เราจะเห็นท้องทะเลสีฟ้า เห็นแหลมของหาดคุ้งวิมานที่ยื่นออกไปในทะเล และเกาะเล็กเกาะน้อยต่างๆ สวยงามมากๆ นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพกับวิวสวยๆ ที่นี่กันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคู่รักนิยมนำกุญแจมาคล้องที่รั้ว ตามความเชื่อที่ว่าจะทำให้ความรักยืนยาว โรแมนติกไปอีก ซึ่งหากไปตอนเย็นๆ เราจะได้ชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงาม ทั้งยังได้เห็นแนวถนนเฉลิมบูรพาชลทิตที่คดโค้งเป็นรูปตัวเอส (s) ลัดเลาะตามแนวชายทะเลได้อย่างชัดเจน สวยไม่แพ้ตอนกลางวันเลยล่ะ.จุดชมวิวเนินนางพญาการเดินทางจากตัวเมืองชลบุรี ใช้ทางหลวงหมายเลข 344 และทางหลวงหมายเลข 3 มุ่งหน้าไปยังจันทบุรี ถึงสามแยกประแสร์ เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 3162 เมื่อถึงแยกคลองปูน ให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต ขับไปตามทางเรื่อยๆ เลยอ่าวคุ้งวิมานไปประมาณ 1.5 กิโลเมตร ก็จะถึงเนินนางพญา เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 16 เมษายน 2562

จุดชมวิวเนินนางพญา จ.จันทบุรี อ่านเพิ่มเติม

Long time no SEA : หาดวนกร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

พูดถึงทะเลประจวบฯ เพื่อนๆ ก็คงจะนึกถึงชายหาดหัวหินกันใช่มั้ย แต่ถ้าไม่ใช่หัวหินล่ะ จะไปที่ไหนกันดี?.แอดแนะนำที่นี่เลย หาดวนกร ภายในอุทยานแห่งชาติหาดวนกร ตำบลห้วยยาง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไปแล้วไม่มีผิดหวังแน่นอน เพราะสวยไม่แพ้หัวหิน แถมยังเงียบสงบเหมาะสำหรับการมาพักกายพักใจสุดๆ ภายในอุทยานมีพื้นที่สำหรับกางเต็นท์อยู่ริมทะเลเลยล่ะ ท่ามกลางสวนสนที่เรียงรายเป็นแถวสวยงาม นอกจากเต็นท์แล้วก็ยังมีบ้านพักไว้รองรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย.พอมาถึง ใจแอดก็วิ่งลงทะเลไปซะเเล้ว แต่ต้องอดใจไว้ก่อน เพราะเราต้องไปจัดแจงกางเต็นท์ และเคลียร์สัมภาระให้เสร็จ จากนั้นก็ลุยเลยจ้า.แต่!! มาถึงที่นี่แล้ว ยังมีอีกหนึ่งกิจกรรมที่แอดไม่อยากให้พลาด นั่นก็คือ การดำน้ำดูปะการังที่เกาะจาน-เกาะท้ายทรีย์นั่นเอง แนะนำว่าต้องติดต่อจองคิวล่วงหน้ากับทางอุทยานฯ นะคะ เพราะว่าเต็มเร็วมากๆ นักท่องเที่ยวสามารถนำเต็นท์มาเอง หรือจะเช่าของอุทยานฯ ก็ได้ ได้เต็นท์แล้วก็เลือกทำเลกันได้เลย ส่วนบ้านพักอุทยานฯ ก็อยู่ไม่ไกลกัน บริเวณด้านหลังจุดกางเต็นท์นี่เอง.ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวมักจะนำอุปกรณ์มาทำอาหารทานกันเองด้วย ซึ่งมาแบบนี้ก็ต้องล้อมวงทานบาร์บีคิวหอมๆ และอาหารทะเลสดๆ พร้อมน้ำจิ้มรสเด็ดน่ะสิ แต่สำหรับใครที่่ไม่อยากทำเอง ที่นี่เค้าก็มีร้านค้าสวัสดิการด้วย เปิดทุกวันเวลา 08.00 – 17.00 น. ถ้าใครอยากมาเที่ยวพักผ่อนในบรรยากาศที่เงียบสงบ ผู้คนไม่พลุกพล่าน มานอนรับลมชิลๆ ดูต้นสนพลิ้วไหวไปมา ได้เล่นน้ำ ดำน้ำดูปะการัง ที่นี่ก็น่าสนใจไม่น้อยเลยล่ะ———————————————————–หาดวนกรที่ตั้ง : อุทยานแห่งชาติหาดวนกร หมู่ 7 ตำบลห้วยยาง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 15 เมษายน 2562

Long time no SEA : หาดวนกร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อ่านเพิ่มเติม

Long time no SEA : หาดวนกร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

พูดถึงทะเลประจวบฯ เพื่อนๆ ก็คงจะนึกถึงชายหาดหัวหินกันใช่มั้ย แต่ถ้าไม่ใช่หัวหินล่ะ จะไปที่ไหนกันดี?.แอดแนะนำที่นี่เลย หาดวนกร ภายในอุทยานแห่งชาติหาดวนกร ตำบลห้วยยาง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไปแล้วไม่มีผิดหวังแน่นอน เพราะสวยไม่แพ้หัวหิน แถมยังเงียบสงบเหมาะสำหรับการมาพักกายพักใจสุดๆ ภายในอุทยานมีพื้นที่สำหรับกางเต็นท์อยู่ริมทะเลเลยล่ะ ท่ามกลางสวนสนที่เรียงรายเป็นแถวสวยงาม นอกจากเต็นท์แล้วก็ยังมีบ้านพักไว้รองรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย.พอมาถึง ใจแอดก็วิ่งลงทะเลไปซะเเล้ว แต่ต้องอดใจไว้ก่อน เพราะเราต้องไปจัดแจงกางเต็นท์ และเคลียร์สัมภาระให้เสร็จ จากนั้นก็ลุยเลยจ้า.แต่!! มาถึงที่นี่แล้ว ยังมีอีกหนึ่งกิจกรรมที่แอดไม่อยากให้พลาด นั่นก็คือ การดำน้ำดูปะการังที่เกาะจาน-เกาะท้ายทรีย์นั่นเอง แนะนำว่าต้องติดต่อจองคิวล่วงหน้ากับทางอุทยานฯ นะคะ เพราะว่าเต็มเร็วมากๆ นักท่องเที่ยวสามารถนำเต็นท์มาเอง หรือจะเช่าของอุทยานฯ ก็ได้ ได้เต็นท์แล้วก็เลือกทำเลกันได้เลย ส่วนบ้านพักอุทยานฯ ก็อยู่ไม่ไกลกัน บริเวณด้านหลังจุดกางเต็นท์นี่เอง.ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวมักจะนำอุปกรณ์มาทำอาหารทานกันเองด้วย ซึ่งมาแบบนี้ก็ต้องล้อมวงทานบาร์บีคิวหอมๆ และอาหารทะเลสดๆ พร้อมน้ำจิ้มรสเด็ดน่ะสิ แต่สำหรับใครที่่ไม่อยากทำเอง ที่นี่เค้าก็มีร้านค้าสวัสดิการด้วย เปิดทุกวันเวลา 08.00 – 17.00 น. ถ้าใครอยากมาเที่ยวพักผ่อนในบรรยากาศที่เงียบสงบ ผู้คนไม่พลุกพล่าน มานอนรับลมชิลๆ ดูต้นสนพลิ้วไหวไปมา ได้เล่นน้ำ ดำน้ำดูปะการัง ที่นี่ก็น่าสนใจไม่น้อยเลยล่ะ———————————————————–หาดวนกรที่ตั้ง : อุทยานแห่งชาติหาดวนกร หมู่ 7 ตำบลห้วยยาง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 15 เมษายน 2562

Long time no SEA : หาดวนกร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อ่านเพิ่มเติม

10 จุดชมความงาม ยามอาทิตย์อัสดง

1. วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ วัดอรุณราชวราราม เป็นวัดเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 2 และรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ จุดเด่นของวัดแห่งนี้คือ “พระปรางค์” ซึ่งมีลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่สวยงามโดดเด่นที่สุดวัดหนึ่งของไทย หากมองจากฝั่งพระนครไปยังวัดอรุณฯ ในช่วงพลบค่ำ ก็จะเห็นภาพดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่ด้านหลังของพระปรางค์พอดิบพอดี องค์ประกอบต่างๆ ล้วนทำให้เกิดเป็นภาพที่สวยงามลงตัวอย่างน่าอัศจรรย์ วัดอรุณราชวรารามวรมหาวิหารที่ตั้ง : ถ.วังเดิม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน เวลา 8.30-17.30 น. 2. วัดไชยวัฒนาราม จ.พระนครศรีอยุธยา ในช่วงปีที่ผ่านมา วัดไชยวัฒนารามเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิต เนื่องจากเป็นฉากหนึ่งในละครเรื่องบุพเพสันนิวาสทีโด่งดังไปทั่ว ทำให้มีผู้คนเดินทางมาตามรอยละครกันมากมาย วัดไชยวัฒนาราม เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง โดยจำลองรูปแบบการก่อสร้างมาจากปราสาทนครวัด มีพระปรางค์องค์ใหญ่เป็นประธานของวัด และมีปรางค์บริวารอยู่ที่มุมทั้ง 4 รอบพระปรางค์ล้อมรอบด้วยระเบียงคด ซึ่งมีเมรุทิศ เมรุราย อยู่ที่มุมและด้านของระเบียงคด นับเป็นโบราณสถานที่สวยงามตระการตาอีกแห่งหนึ่ง ในยามเย็นช่วงพระอาทิตย์ตกดิน แสงที่สาดส่องมายังโบราณสถาน ทำให้เกิดมุมมองที่แปลกตา สวยงามไม่แพ้กลางวันเลย วัดไชยวัฒนารามที่ตั้ง : อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยาเปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น. 3. ปราสาทหินพนมรุ้ง จ.บุรีรัมย์ หลายๆ คนอาจจะตั้งตารอชมปรากฏการณ์ที่ดวงอาทิตย์ขึ้นตรง 15 ช่องประตู ซึ่งใน 1 ปีจะเกิดขึ้นเพียง 4 ครั้งเท่านั้น แต่วันนี้แอดอยากจะบอกว่า ไม่ต้องรอให้ถึงช่วงเวลานั้น เราก็มีรูปสวยๆ ไปอวดเพื่อนๆ ได้เหมือนกัน ยามดวงอาทิตย์คล้อยลงต่ำ เตรียมจะลาลับขอบฟ้า เงาของปราสาทจะบดบังดวงอาทิตย์ ทำให้ปราสาทดูลึกลับและเต็มไปด้วยมนต์ขลังมากยิ่งขึ้น ปราสาทหินพนมรุ้งที่ตั้ง : ต.ตาเป๊ก อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์เปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น. 4. สะพานแขวนสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี จ.ตาก สะพานแห่งนี้ถือเป็นจุดชมวิวแม่น้ำปิงที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของ จ.ตาก เลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะช่วงที่ดวงอาทิตย์ขึ้นและตก เราจะเห็นดวงอาทิตย์อยู่ตรงกับแนวสะพานพอดี เป็นภาพที่สวยงามมากๆ นอกจากนี้ ในช่วงเทศกาลลอยกระทงของทุกปี บริเวณสะพานแห่งนี้ยังใช้เป็นสถานที่จัดงานประเพณีลอยกระทงสายไหลประทีปพันดวง ซึ่งเป็นประเพณีท้องถิ่นของจังหวัดที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครอีกด้วย สะพานแขวนสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปีที่ตั้ง : อ.เมือง จ.ตาก 5. อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จ.สุโขทัย อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย มรดกโลกที่สำคัญของไทย ร่องรอยความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรสุโขทัยเมื่อกว่า 700 ปีก่อน ภายในอุทยานฯ เต็มไปด้วยโบราณสถานมากมายที่แม้จะปรักหักพังแต่ก็เต็มไปด้วยคุณค่าทั้งทางประวัติศาสตร์และทางจิตใจ ในช่วงเวลาโพล้เพล้ บริเวณสระน้ำหน้าวัดมหาธาตุนี่แหละคือสถานที่ยอดนิยมสำหรับนักถ่ายภาพ ภาพความยิ่งใหญ่ของโบราณสถานยามอาทิตย์อัสดงที่สะท้อนลงบนผิวน้ำนั้น งดงามเกินบรรยายจริงๆ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยที่ตั้ง : ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.สุโขทัยเปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น. 6. กว๊านพะเยา จ.พะเยา กว๊านพะเยาเป็นบึงน้ำที่เกิดจากการรวมตัวของลำห้วยต่างๆ ถึง 18 สาย เป็นบึงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ และใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศไทย นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลากว่า 50 ชนิดด้วย คำว่า “กว๊าน” หมายถึง หนองน้ำ หรือบึงน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นคำที่ใช้เฉพาะที่จังหวัดพะเยาแห่งเดียวเท่านั้น ทัศนียภาพรอบกว๊านร่มรื่น มองเห็นแนวทิวเขาสลับซับซ้อนสวยงาม บริเวณริมกว๊านมีร้านอาหารและสวนสาธารณะ ซึ่งสามารถมาเดินเล่น หรือชมพระอาทิตย์ตกดินได้ มีบริการนั่งเรือพายชมทัศนียภาพกว๊านพะเยาด้วย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท กว๊านพะเยาที่ตั้ง : ต.เวียง อ.เมือง จ.พะเยา 7. ประภาคาร จ.ระนอง ประภาคารแห่งนี้ ตั้งอยู่บริเวณท่าเทียบเรือด่านศุลกากรระนอง เป็นอาคารแปดเหลี่ยม สูง 50 เมตร ถือว่าเป็นประภาคารที่สูงที่สุดในประเทศไทย ประภาคารมีทั้งหมด 9 ชั้น โดยชั้นที่ 9 เป็นจุดชมวิวที่สามารถชมสวยงามของปากน้ำระนอง ก่อนไหลออกสู่ทะเลอันดามัน โดยอีกฟากฝั่งของแม่น้ำก็คือประเทศเมียนมานั่นเอง ใกล้มากๆ ในช่วงเย็น สถานที่แห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่เราสามารถมาเดินเล่น พักผ่อนหย่อนใจ รับลมเย็นๆ และถ่ายรูปเล่นได้อีกด้วย บอกเลยว่าภาพประภาคารที่มีภูเขาและดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าเป็นฉากหลังนั้น สวยงามไม่แพ้ที่ไหนๆ เลย ประภาคาร จ.ระนองที่ตั้ง : บ้านเขานางหงส์ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระนองเปิดทุกวัน เวลา 8.00-20.00 น. 8. สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จ.พัทลุง รู้หรือไม่..สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จ.พัทลุง เป็นสะพานที่ยาวที่สุดของประเทศไทยในขณะนี้ สะพานแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเชื่อมเส้นทางระหว่าง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง และ อ.ระโนด จ.สงขลา เข้าด้วยกัน โดยทอดยาวผ่านทะเลน้อยอันกว้างใหญ่ ทัศนียภาพโดยรอบสะพานเป็นเวิ้งน้ำกว้างไกล สามารถมองเห็นทะเลบัวแดงในช่วงเช้า ส่วนช่วงสายก็จะพบกับนกน้ำที่ออกหากิน และถ้าโชคดีก็อาจได้พบควายน้ำด้วย ไฮไลท์อีกอย่างของที่นี่คือ ในช่วงเย็นเส้นทางนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นจุดถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งอีกด้วย สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาที่ตั้ง : ต.พนางตุง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง 9. เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เกาะเต่า จุดดำน้ำที่มีชื่อเสียงระดับโลก เนื่องจากมีแนวปะการังทั้งน้ำตื้นและน้ำลึกที่มีความสวยงามและสมบูรณ์ อีกทั้งยังเป็นที่อยู่อาศัยของปลาหลากหลายชนิด เกาะเต่ามีหาดทรายขาวละเอียดและสะอาดสวยงาม นอกจากนี้ยังเป็นเกาะที่เงียบสงบ ผู้คนไม่พลุกพล่าน เกาะเต่าจึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่ต้องการการพักผ่อนอย่างแท้จริง ถึงแม้เกาะเต่าจะตั้งอยู่ในเขต จ.สุราษฎร์ธานี แต่เนื่องจากอยู่ใกล้ฝั่งของ จ.ชุมพรมากกว่า นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเกาะเต่าจึงนิยมขึ้นเรือจากชุมพรเป็นส่วนใหญ่ เกาะเต่าที่ตั้ง : อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี 10.

10 จุดชมความงาม ยามอาทิตย์อัสดง อ่านเพิ่มเติม

เกาะทะลุ : ระยอง

เกาะทะลุ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ห่างจากเกาะเสม็ดประะมาณ 12 กิโลเมตร สภาพพื้นที่บนเกาะส่วนใหญ่เป็นป่าทึบ ทางทิศตะวันตกเป็นผาหินสูงชัน ส่วนทิศตะวันออกและทิศใต้มีหาดทรายขาวละเอียดเนียนนุ่ม สามารถลงเล่นน้ำได้ บนเกาะมีร้านค้าสวัสดิการของอุทยานฯ และห้องน้ำให้บริการ แต่ไม่สามารถพักค้างแรมได้นะ น้ำทะเลที่นี่ใสราวกับกระจก นักท่องเที่ยวสามารถเล่นน้ำ ดำน้ำ หรือจะนั่งกินลมชมทะเล ก็ฟินไม่แพ้กัน เกาะทะลุมีจุดดำน้ำตื้นและดำน้ำลึกหลายจุด ที่เราสามารถลงไปแหวกว่ายชมโลกใต้ทะเลที่มีปะการังและเหล่าปลาน้อยใหญ่เต็มไปหมด ขอบอกว่าสวยไม่แพ้กับทะเลใต้เลย จุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาดำน้ำกันมาก ก็คือจุดที่อยู่ใกล้กับสะพานหินธรรมชาติ ที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเลจนเกิดเป็นโพรง อันเป็นที่มาของชื่อ “เกาะทะลุ” นั่นเอง จุดนี้ไม่สามารถเดินเท้ามาได้ ต้องนั่งเรือมาชมเท่านั้นนะ  การเดินทางไปยังเกาะทะลุนั้น เนื่องจากไม่มีเรือโดยสารให้บริการ นักท่องเที่ยวจึงต้องเหมาเรือจากเกาะเสม็ด ท่าเรือบ้านเพ หรือชายหาดอำเภอแกลง หรือซื้อแพคเกจดำน้ำจากบริษัททัวร์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด โทร. 038 653 03ททท. สำนักงานระยอง โทร. 038 655 420-1 เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 9 เมษายน 2562

เกาะทะลุ : ระยอง อ่านเพิ่มเติม

เกาะทะลุ : ระยอง อีกหนึ่งความงดงามของทะเลไทย ที่ไม่ไกลกรุงเทพฯ

เกาะทะลุ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ห่างจากเกาะเสม็ดประะมาณ 12 กิโลเมตร สภาพพื้นที่บนเกาะส่วนใหญ่เป็นป่าทึบ ทางทิศตะวันตกเป็นผาหินสูงชัน ส่วนทิศตะวันออกและทิศใต้มีหาดทรายขาวละเอียดเนียนนุ่ม สามารถลงเล่นน้ำได้ บนเกาะมีร้านค้าสวัสดิการของอุทยานฯ และห้องน้ำให้บริการ แต่ไม่สามารถพักค้างแรมได้นะ น้ำทะเลที่นี่ใสราวกับกระจก นักท่องเที่ยวสามารถเล่นน้ำ ดำน้ำ หรือจะนั่งกินลมชมทะเล ก็ฟินไม่แพ้กัน เกาะทะลุมีจุดดำน้ำตื้นและดำน้ำลึกหลายจุด ที่เราสามารถลงไปแหวกว่ายชมโลกใต้ทะเลที่มีปะการังและเหล่าปลาน้อยใหญ่เต็มไปหมด ขอบอกว่าสวยไม่แพ้กับทะเลใต้เลย จุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาดำน้ำกันมาก ก็คือจุดที่อยู่ใกล้กับสะพานหินธรรมชาติ ที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเลจนเกิดเป็นโพรง อันเป็นที่มาของชื่อ “เกาะทะลุ” นั่นเอง จุดนี้ไม่สามารถเดินเท้ามาได้ ต้องนั่งเรือมาชมเท่านั้นนะ  การเดินทางไปยังเกาะทะลุนั้น เนื่องจากไม่มีเรือโดยสารให้บริการ นักท่องเที่ยวจึงต้องเหมาเรือจากเกาะเสม็ด ท่าเรือบ้านเพ หรือชายหาดอำเภอแกลง หรือซื้อแพคเกจดำน้ำจากบริษัททัวร์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด โทร. 038 653 03ททท. สำนักงานระยอง โทร. 038 655 420-1 เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 9 เมษายน 2562

เกาะทะลุ : ระยอง อีกหนึ่งความงดงามของทะเลไทย ที่ไม่ไกลกรุงเทพฯ อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวตาคลี จ.นครสวรรค์

ตาคลีแม้จะเป็นเพียงอำเภอเล็กๆ แต่บอกเลยว่า “ตาคลี” มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทั้งทางธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และโบราณคดี ว่าแต่จะมีอะไรบ้าง เราไปดูกันเลยค่า แอดขอเริ่มที่แรกกันที่ “วัดหนองโพ” ค่ะ วัดนี้มีนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาทำบุญ และกราบไหว้ขอพรกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นวัดที่พระครูนิวาสธรรมขันธ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองโพเคยจำพรรษาอยู่นั่นเอง.พระครูนิวาสธรรมขันธ์ หรือที่หลายๆ คนรู้จักกันในชื่อ “หลวงพ่อเดิม” คือเกจิอาจารย์ชื่อดังที่มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย เชื่อกันว่าเครื่องรางของขลังที่ท่านปลุกเสก มีพุทธคุณด้านอยู่ยงคงกระพันและมหาอุดค่ะ มาวัดหนองโพทั้งที ก็ต้องไม่พลาดชม “พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อเดิม” ที่สร้างขึ้นเพื่อบอกเล่าถึงเรื่องราวคุณงามความดีของท่านเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู ภายในพิพิธภัณฑ์แบ่งการจัดแสดงออกเป็น 4 ห้องด้วยกัน คือ 1.ห้องมาตุภูมิบ้านหนองโพ 2.ห้องพุทธสโร หลวงพ่อเดิม 3.ห้องเพิ่มพูนศรัทธา และ 4.ห้องกถาคัมภีร์ ค่ะ แต่ละห้องตกแต่งได้อย่างน่าสนใจมากๆ เลย.วัดหนองโพ ต.หนองโพ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์โทร. 085 050 7207เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00 – 17.00 น. **เดือนเมษายนเปิดทุกวัน** ไปต่อกันที่ “พิพิธภัณฑ์จันเสน” ซึ่งตั้งอยู่ในพระมหาธาตุเจดีย์จันเสน ภายในวัดจันเสนค่ะ.พระมหาธาตุเจดีย์จันเสน ก่อตั้งขึ้นจากดำริของพระครูนิสัยจริยคุณ หรือหลวงพ่อโอด เพื่อเป็นศูนย์กลางชุมชน ออกแบบโดยพัฒนาจากรูปแบบสันนิษฐานของเจดีย์สมัยทวารวดี.ภายในประกอบด้วยส่วนต่างๆ ดังนี้ ชั้นล่างสุดเป็น “พิพิธภัณฑ์เมืองจันเสน” เหนือขึ้นไปเป็นส่วนเรือนธาตุ ประดิษฐาน “หลวงพ่อนาค” พระพุทธรูปปางนาคปรก และส่วนยอดของเจดีย์เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุค่ะ จากการศึกษาพบว่าในอดีตบริเวณนี้เป็นที่ตั้งของ “เมืองจันเสน” ซึ่งเป็นเมืองโบราณตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลายจนถึงสมัยทวารวดี หรือประมาณ 1500 ปีมาแล้ว.ทำให้มีการขุดค้นพบโบราณวัตถุมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโครงกระดูก ตราประทับ พระพิมพ์ ขวานหินขัด และเครื่องประดับ เป็นต้น ซึ่งภายในพิพิธภัณฑ์จันเสนได้รวบรวมโบราณวัตถุต่างๆ ที่ขุดพบมาจัดแสดงไว้ พร้อมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของเมืองโบราณจันเสน พัฒนาการของเมืองในสมัยต่างๆ วิถีชีวิตของผู้คน การขุดค้นทางโบราณคดี รวมไปถึงประวัติของหลวงพ่อโอดผู้ริเริ่มก่อตั้งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้อีกด้วยค่ะ.พิพิธภัณฑ์จันเสน ต.จันเสน อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์เปิดวันพุธ-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00 – 16.00 น. ปิดท้ายกับ “วนอุทยานถ้ำเพชร-ถ้ำทอง” ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดนครสวรรค์ที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก เพราะที่นี่เป็นถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยสวยงามมากค่ะ.จากการสำรวจพบว่าที่นี่มีถ้ำทั้งหมดประมาณ 70 ถ้ำ โดยปัจจุบันเปิดให้เข้าชม 9 ถ้ำค่ะ ซึ่งแต่ละถ้ำก็มีความมหัศจรรย์แตกต่างกันไป นอกจากนี้ยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติอีกด้วย.วนอุทยานถ้ำเพชร-ถ้ำทอง ต.ตาคลี อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์โทร. 056 221 140, 056 231 416เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 17.00 น. เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 8 เมษายน 2562

เที่ยวตาคลี จ.นครสวรรค์ อ่านเพิ่มเติม

“สะพานข้าว ก้าวเพื่อสุข” ณ บ้านผาบ่อง ต.ผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน

บ้านผาบ่อง เป็นชุมชนที่มีชาวไตหรือไทใหญ่ และชาวปกาเกอะญออาศัยอยู่รวมกัน ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนมากนัก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15-20 นาทีค่ะ ไฮไลท์ของที่นี่ก็คือ สะพานไม้กลางทุ่งนาที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขานั่นเอง อากาศก็เย็นเกือบตลอดทั้งปี บรรยากาศดีมากๆ เลย ได้นั่งมองนาข้าวสีเขียวขจี มีสายหมอกจางๆ ลอยอยู่เหนือยอดเขา ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและสดชื่นมากๆ แต่ถ้าหากใครยังชื่นชมธรรมชาติไม่จุใจ และอยากสัมผัสวิถีชีวิตของผู้คนในชุมชนอย่างใกล้ชิด ก็สามารถพักค้างแรมที่โฮมสเตย์ภายในหมู่บ้านได้.คุณลุงคุณป้าเจ้าของโฮมสเตย์แอบกระซิบกับแอดดังๆ ว่า บรรยากาศยามเช้าของที่นี่นั้นฟินสุดๆ นอกจากโฮมสเตย์แล้ว ที่นี่ยังมีร้านอาหารไว้คอยให้บริการด้วย ซึ่งจะเน้นอาหารเหนือและอาหารไทใหญ่เป็นหลัก เช่น ขนมจีนน้ำเงี้ยว ข้าวซอย และน้ำพริก เป็นต้น บอกเลยว่าที่นี่เค้าไม่ได้มีดีแค่ความสวยงามนะ เพราะเมื่อเราเดินตามสะพานไปจนสุดทาง ก็จะได้พบกับวิสาหกิจชุมชนแปรรูปน้ำมันจากถั่วลิสง ซึ่งมีคุณลุงคุณป้าคอยสาธิตวิธีการทำอันเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมของที่นี่ พร้อมทั้งบรรยายให้ความรู้ และยังให้เราทดลองทำด้วยตัวเองได้อีกด้วย ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าหมู่บ้านเล็กๆ อย่างบ้านผาบ่อง จะมีสิ่งที่น่าสนใจมากมายขนาดนี้ ได้พักผ่อนชมธรรมชาติ ทานอาหารพื้นเมือง แล้วยังได้เรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นอีก คุ้มจริงๆ เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 4 เมษายน 2562

“สะพานข้าว ก้าวเพื่อสุข” ณ บ้านผาบ่อง ต.ผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน อ่านเพิ่มเติม

ท่องเที่ยวชุมชนบ้านบ่อเจ็ดลูก จังหวัดสตูล

ท่องเที่ยวชุมชนบ้านบ่อเจ็ดลูก จังหวัดสตูล ก่อนอื่นเรามารู้จักประวัติความเป็นมาของที่นี่กันสักหน่อย บรรพบุรุษของชาวบ้านบ่อเจ็ดลูกเป็นชาวเลที่อพยพมาจากเกาะซึ่งอยู่ห่างไกล และได้ขุดบ่อน้ำขึ้นเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งก็ได้ขุดถึง 6 บ่อแล้วแต่ก็ไม่สามารถใช้ได้ เนื่องจากเป็นน้ำกร่อย จนกระทั่งถึงบ่อที่ 7 จึงมีน้ำจืดออกมา ปัจจุบันบ่อทั้ง 7 ยังคงปรากฏให้เห็นจนถึงทุกวันนี้ เรียกว่า “โบราณสถานบ่อเจ็ดลูก” นั่นเอง ที่ตั้ง : หมู่ 1 ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู จังหวัดสตูล ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม081 542 0071 บังยูหนา (ประธานเครือข่ายท่องเที่ยวชุมชนสตูล)098 695 6461 นัส (ประสานงาน)092 634 8509 อัญ (ประสานงาน)FB : https://www.facebook.com/bo7luk/ ปราสาทหินพันยอด หรือ เกาะเขาใหญ่ อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา และเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานธรณีสตูล สิ่งมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้น ถือเป็นแลนด์มาร์กสำคัญที่ต้องมาให้ได้เลยล่ะ ลักษณะเป็นเกาะหินปูนตั้งอยู่กลางทะเล มีโพรงคล้ายถ้ำลอด ซึ่งเมื่อผ่านเข้าไปเราก็จะพบกับชายหาดเล็กๆ และน้ำทะเลสีเขียวมรกต ที่โอบล้อมไปด้วยแท่งหินขนาดใหญ่รูปร่างสวยงามแปลกตา ดูคล้ายกับปราสาทในเทพนิยาย ชาวบ้านจึงเรียกกันว่า “ปราสาทหินพันยอด” ซึ่งการเข้าไปชมปราสาทหินพันยอด ต้องพายเรือคายัคเข้าไปชมในช่วงน้ำลดเท่านั้น สันหลังมังกร อีกหนึ่งจุด unseen ของจังหวัดสตูล เรียกได้ว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติกลางทะเลอันดามัน ที่ใครๆ ก็อยากมาเห็นด้วยตาตัวเอง สันหลังมังกร ก็คือสันทรายที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมาคล้ายกับทะเลแหวก แต่สิ่งที่ทำให้ทะเลแหวกที่นี่แตกต่างจากที่อื่นๆ ก็คือ ตลอดแนวหาดนั้นไม่ใช่ทรายทั้งหมด แต่มีเปลือกหอยจำนวนมากที่ถูกคลื่นซัดมาทับถมกันเป็นเวลานานรวมอยู่ด้วย มีระยะทางยาวกว่า 4 กิโลเมตรเลยทีเดียว น่าทึ่งจริงๆ ในช่วงน้ำลด ยามแสงอาทิตย์สาดส่องลงมากระทบกับสันทรายเกิดเป็นประกายวิบวับ ดูราวกับเกล็ดของมังกรที่กำลังเลื้อยไปตามแนวโค้งของหาดและแหวกว่ายอยู่กลางทะเล ช่วงเวลาที่เราจะได้เห็นสันหลังมังกรนั้นขึ้นอยู่กับน้ำขึ้นน้ำลงในแต่ละวัน แนะนำให้สอบถามกับทางชุมชนก่อนไป จะได้ไม่เสียเที่ยวเนอะ หัวใจที่ปลายแหลม หรือ หัวใจอันดามัน จุดชมวิวที่ต้องมาถ่ายรูปเช็คอินกันก่อน มีลักษณะเป็นช่องหินทะลุคล้ายกับรูปหัวใจ มีสีฟ้าน้ำทะเลสดใสเป็นพื้นหลัง สวยมากเลย บริเวณนี้ยังเป็นพื้นที่ทางธรณีวิทยาที่พบฟอสซิลอายุมากกว่า 480 ล้านปีอีกด้วย ขอบคุณภาพจากเพจ การท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านบ่อเจ็ดลูก ผาใช้หนี้ หรือ หน้าผาหลุดหนี้ เป็นหน้าผาหินปูนสูงชันที่มีรูปร่างแปลกตา มีตำนานเล่าขานกันว่า ชายหนุ่มคนหนึ่งมีหนี้สินจำนวนมากจนไม่มีปัญญาใช้คืน จึงไปปรึกษากับเจ้าหนี้ เจ้าหนี้บอกว่าถ้ากล้ากระโดดจากหน้าผานี้ลงไป ก็จะยกหนี้สินทั้งหมดให้ ชายหนุ่มจึงรับคำท้าและขึ้นไปกระโดดหน้าผา ซึ่งในช่วงนั้นมีลมมรสุม ทำให้เขาโดนลมพัดไปตกยังอีกอ่าวหนึ่งอย่างปลอดภัยในท่านั่งขัดสมาธิ (ชาวบ้านจึงเรียกอ่าวนั้นว่า อ่าวตะโละซีหลา ซึ่งซีหลา หมายถึง ท่าขัดสมาธิ) ชายหนุ่มจึงสามารถปลดหนี้ได้ในที่สุด กลายเป็นที่มาของชื่อ “ผาใช้หนี้” นั่นเอง ขอบคุณภาพจากเพจ การท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านบ่อเจ็ดลูก พายเรือคายัคลอดช่องพบรัก หรือที่เรียกกันว่า ถ้ำลอดพบรัก สถานที่ถ่ายทำฉากที่พระเอกนางเอกพบกันในภาพยนตร์เรื่อง อุกาฟ้าเหลือง ซึ่งเป็นเรื่องราวของชาวประมง ที่สอดแทรกภูมิปัญญาพื้นบ้านและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเอาไว้ ฝีมือการกำกับของ ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล เมื่อ พ.ศ.2523 ถามว่าเกิดทันมั้ย แอดตอบเลยว่า ไม่! ฮ่าๆๆถ้าใครเคยดู มาเล่าให้แอดฟังได้นะ ขอบคุณภาพจากเพจ การท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านบ่อเจ็ดลูก เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 25 มีนาคม 2562

ท่องเที่ยวชุมชนบ้านบ่อเจ็ดลูก จังหวัดสตูล อ่านเพิ่มเติม

บ้านท่าดินแดง จ.พังงา . ดินแดนแห่งทะเล และป่าเขา

“บ้านท่าดินแดง” ชุมชนเล็กๆ ในอำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ซึ่งมีกิจกรรมให้ทำมากมาย คราวนี้แหละ เราจะได้สัมผัสทั้งบรรยากาศทะเล ภูเขา ป่าชายเลน และความน่ารักของชาวบ้านในชุมชน รับรองว่าฟินแน่นอน พายเรือคายัคชมป่าชายเลน ป่าชายเลนของบ้านท่าดินแดงมีระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์มาก ระหว่างทางจะได้สัมผัสกับความสวยงามและร่มรื่นของป่าโกงกาง บอกเลยว่าบรรยากาศดีมากๆ ป่าชายเลนแห่งนี้เป็นที่อยู่ของสัตว์น้อยใหญ่หลายชนิด รวมทั้งปูทะเล ชาวบ้านจึงสามารถหาปูทะเลได้จากบริเวณนี้  ทุ่งหญ้าสะวันนา ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในแอฟริกา ในช่วงหน้าร้อน ทุ่งหญ้าจะเป็นสีน้ำตาลทอง ส่วนช่วงหน้าฝน ทุ่งหญ้าจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว ได้บรรยากาศสวยงามกันคนละแบบ ทุ่งหญ้าสะวันนาเป็นที่เจริญเติบโตของพืชหลายชนิด โดยเฉพาะต้นเสม็ดขาว ที่ลำต้นจะมีเยื่อบางๆ ลอกออกมาเป็นแผ่นได้ ซึ่งเปลือกของต้นเสม็ดขาวนั้นสามารถนำไปทำเป็นฝาบ้านหรือมุงหลังคาได้ เพราะมีคุณสมบัติช่วยในการเก็บอุณหภูมิให้เย็นอยู่เสมอ ต้นเสม็ดขาวจะขยายพันธุ์โดยอาศัยความร้อน ไม่ว่าจะเป็นไฟป่า หรือการเผา หาดเขาหน้ายักษ์ หาดแห่งนี้มีความยาวประมาณ 13 กิโลเมตร เป็นหาดที่ค่อนข้างสงบ ที่สำคัญทรายขาว และน้ำทะเลใสมากกกกกกกก นอกจากนี้ยังมีโขดหินรูปร่างสวยงามแปลกตาอยู่มากมาย.ทำไมถึงชื่อเขาหน้ายักษ์  ว่ากันว่า แต่ก่อนเขาด้านที่หันหน้าออกไปทางหมู่เกาะสิมิลัน มีหน้าผาที่มีรูปร่างเหมือนใบหน้ายักษ์ที่กำลังโกรธเกรี้ยวอยู่ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เรือรบของทหารญี่ปุ่นที่แล่นผ่านบริเวณนี้ได้จมลงโดยไม่มีสาเหตุหลายลำ ทหารญี่ปุ่นเชื่อว่าน่าจะเกิดจากอาถรรพ์ของหน้าผานี้ จึงใช้ปืนใหญ่ยิงทำลายหน้ายักษ์จนพังทลายลง กลายเป็นที่มาของชื่อเขาหน้ายักษ์ในที่สุด ที่นี่อุดมสมบูรณ์จริงๆ ในป่าชายเลนก็หาปูได้ พอมาที่ทะเล แม้จะเป็นบริเวณน้ำตื้นก็ยังสามารถหาปลาได้อย่างง่ายดาย ผักไฮโดรโปรนิกส์ หลังเกิดเหตุการณ์สึนามิ ทรัพยากรต่างๆ ได้รับความเสียหาย ดินไม่สามารถนำมาเพาะปลูกได้ ชาวบ้านจึงเปลี่ยนมาปลูกผักแบบไร้ดิน หรือไฮโดรโปรนิกส์แทน ปัจจุบันที่นี่ปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์ประมาณ 100 โรงเรือน และได้ก่อตั้งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนปลูกผักบ้านท่าดินแดง ผักที่ปลูกมีทั้งผักกาดขาว คะน้า กวางตุ้ง และผักสลัด ทางกลุ่มฯ จะขายผลผลิตให้แก่ลูกค้าโดยตรง ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ผักของที่นี่เขาส่งให้โรงแรมที่เขาหลักและภูเก็ต รวมไปถึงโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียงในพังงาด้วยนะ สุดยอด นอกจากการปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์แล้ว ชาวบ้านยังเลี้ยงสัตว์หลายชนิดเพื่อบริโภคอีกด้วย เช่น ไก่ แพะ และปลาดุก โดยทั้งหมดเลี้ยงตามธรรมชาติ มิน่าล่ะ ไก่ไข่ถึงฟองใหญ่น่าทานมากๆ เหมืองแร่โบราณ สมัยก่อนชาวบ้านแถวนี้นิยมทำเหมืองแร่ดีบุกกันเยอะ แต่เมื่อหมดยุคเฟื่องฟูของการทำเหมือง ชาวบ้านหันมาทำการเกษตรแทน ทำให้เหมืองแร่ถูกปล่อยทิ้งร้าง เหลือเพียงรางแร่คอนกรีตคู่ ยาว 40 เมตร ไว้ให้เราได้เห็นร่องรอยของความรุ่งเรืองในอดีตเท่านั้น ถึงแม้ปัจจุบันที่นี่จะไม่มีการทำเหมืองแล้ว แต่ก็ยังมีการสาธิตวิธีการร่อนแร่ให้ชมอยู่นะ. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .อ่านมาถึงตรงนี้ เพื่อนๆ เริ่มอยากไปเที่ยวบ้างแล้วละสิ งั้นก็หาวันว่าง แล้วไปเที่ยวบ้านท่าดินแดงกันเถอะ เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 22 มีนาคม 2562

บ้านท่าดินแดง จ.พังงา . ดินแดนแห่งทะเล และป่าเขา อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top