เพื่อนร่วมทาง

พระธาตุจอมเจดีย์ ๘ องค์ เสริมสิริมงคล

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงคัดเลือกพระบรมธาตุเจดีย์เพื่อเป็นปูชนียสถานที่สำคัญในแต่ละภาค และเฉลิมนามว่า “จอมเจดีย์” ทรงกล่าวถึงความสำคัญของจอมเจดีย์แต่ละแห่ง ซึ่งเสมือนบอกเล่าเรื่องราวความเชื่อมโยงสัมพันธ์ของพุทธศาสนา โบราณสถาน และประวัติศาสตร์ มีหลักฐานที่กล่าวถึงพระธาตุจอมเจดีย์ คือภาพเขียนจอมเจดีย์ ๘ องค์ ในซุ้มคูหาผนัง ๘ ห้อง ณ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร การกำหนดพระธาตุจอมเจดีย์ให้กระจายในหลายพื้นที่ทำให้เกิดการเดินทางไปสู่หลากหลายภูมิภาคยิ่งขึ้น รวมทั้งแต่ละสถานที่มีตำนานและประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ๑. พระปฐมเจดีย์ วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม พระปฐมเจดีย์ ได้รับการคัดเลือกเป็นจอมเจดีย์ เนื่องจาก “สร้างขึ้นเมื่อแรกที่พุทธศาสนามาสู่สยามประเทศ” ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ทรงส่งสมณทูตเดินทางมาเผยแผ่พุทธศาสนา ณ ดินแดนสุวรรณภูมิ และประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุพระพุทธเจ้าไว้ภายในองค์เจดีย์ องค์พระปฐมเจดีย์มีรูปทรงเป็นรูประฆังคว่ำ มีการจัด “งานเทศกาลนมัสการพระปฐมเจดีย์” ในวันขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๒ ถึงวันแรม ๕ ค่ำ เดือน ๑๒ (ประมาณช่วงเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายน) รวม ๙ วัน ๙ คืน การเดินทาง รถยนต์: จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข ๔ (ถนนเพชรเกษม) ผ่านอ้อมน้อย อ้อมใหญ่ สามพราน สู่จังหวัดนครปฐม หรือใช้ถนนบรมราชชนนี ผ่านพุทธมณฑล นครชัยศรี ถึงจังหวัดนครปฐม รถไฟ: จากกรุงเทพฯ มีบริการรถไฟไปนครปฐมวันละหลายเที่ยว ลงสถานีนครปฐม สอบถามข้อมูล โทร. ๑๖๙๐ www.railway.co.th รถโดยสารประจำทาง: มีทั้งรถบัสและรถตู้ จากสถานีขนส่งกรุงเทพฯ (สายใต้ใหม่) ถนนบรมราชชนนี สอบถามข้อมูลได้ที่ บริษัท ขนส่ง จำกัด โทร. ๑๔๙๐ www.transport.co.th  ๒. พระปรางค์พระศรีมหาธาตุละโว้ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ตำบลท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี พระปรางค์พระศรีมหาธาตุละโว้ ได้รับการคัดเลือกเป็นจอมเจดีย์ด้วยเป็น “สถูปเจดีย์องค์แรกที่ประดิษฐานพุทธศาสนาฝ่ายมหายานในสยามประเทศ” องค์ปรางค์เป็นศิลปะเขมรแบบบายน สร้างด้วยศิลาแลงประดับลวดลายปูนปั้น และเป็นแบบอย่างเจดีย์ทรงปรางค์ในสมัยอยุธยาตอนต้น ได้มีการขุดค้นพบว่าภายในองค์พระปรางค์เป็นที่ประดิษฐานพระพิมพ์จำนวนมาก ซึ่งต่อมาเป็นพระพิมพ์ที่ขึ้นชื่อของจังหวัดลพบุรี เปิดให้เข้าชมทุกวันพุธ-วันอาทิตย์ เวลา ๐๗.๐๐-๑๗.๐๐ น. การเดินทาง พระปรางค์ตั้งอยู่ในตัวเมืองลพบุรี ตรงข้ามสถานีรถไฟลพบุรี ห่างจากพระปรางค์สามยอดและศาลพระกาฬ ๑ กิโลเมตร และห่างจากพระนารายณ์ราชนิเวศน์ ๕๐๐ เมตร จากสถานีขนส่งผู้โดยสารมีรถสองแถววิ่งผ่าน หรือนั่งจักรยานยนต์รับจ้างระยะทาง ๒.๕ กิโลเมตร  ๓. พระธาตุหริภุญชัย วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน พระธาตุหริภุญชัย ได้รับเลือกเป็นพระธาตุจอมเจดีย์ ด้วยเป็น “เจดีย์ที่สร้างก่อนเจดีย์องค์อื่นในล้านนา” สร้างในสมัยพระเจ้าอาทิตยราช ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๗ สถาปัตยกรรมทรงเจดีย์แบบล้านนา ฐานเจดีย์ประกอบด้วยฐานปัทม์เป็นลูกบัวแก้ว ย่อเก็จ องค์เจดีย์ทรงระฆังกลม และตำนานกล่าวว่าประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุหลายส่วน ได้แก่ พระบรมธาตุส่วนกระหม่อม พระอุรังคธาตุ (กระดูกส่วนอก) พระบรมธาตุส่วนนิ้วพระหัตถ์ และพระบรมสารีริกธาตุส่วนย่อยเต็มหนึ่งบาตร มีการจัด “งานประเพณีแปดเป็ง สรงน้ำพระธาตุหริภุญชัย” ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ (เดือน ๘ เหนือ จึงเรียก “แปดเป็ง”) โดยนำน้ำจากบ่อน้ำทิพย์จากยอดดอยขะม้อ ตำบลมะเขือแจ้ อำเภอเมืองลำพูน มาเป็นน้ำสรงพระธาตุ ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติมาแต่โบราณ การเดินทาง ตัวเมืองลำพูน มาตามถนนเจริญราษฎร์ ๒ กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าถนนรอบเมืองนอก ๒๐๐ เมตร ถึงวงเวียน เข้าซอยสันป่ายาง ๔๕ เมตร เลี้ยวซ้ายเข้าถนนรอบเมืองใน ๔๕๐ เมตร ผ่านประตูเมืองท่านาง เลี้ยวขวา ๒๐ เมตร ห่างจากศาลากลางจังหวัดประมาณ ๑๕๐ เมตร  ๔. พระธาตุพนม วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ถนนชยางกูร ตำบลธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม พระธาตุพนม ได้รับเลือกให้เป็นจอมเจดีย์ เนื่องจากเป็น “เจดีย์ที่สร้างก่อนเจดีย์องค์อื่นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” สร้างสมัยอาณาจักรศรีโคตรบูรณ์ ในราวปี พ.ศ. ๘ โดยกษัตริย์ ๕ พระองค์ เป็นพระบรมธาตุเจดีย์ซึ่งเป็นที่เคารพศรัทธาอย่างยิ่งของชาวอีสานและชาวลาว เป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนสองฝั่งแม่น้ำโขง ตามตำนานกล่าวว่าเป็นที่ประดิษฐาน พระอุรังคธาตุ หรือกระดูกส่วนหน้าอกของพระพุทธเจ้า มีการจัด “งานนมัสการพระธาตุพนม” ในวันขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๓ ถึงวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๓ (ประมาณเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคม) กล่าวกันว่าผู้ที่ได้มาสักการะพระธาตุพนมครบ ๗ ครั้ง ถือเป็น “ลูกพระธาตุ” การเดินทาง รถยนต์: จากตัวเมืองนครพนม ใช้ทางหลวงหมายเลข ๒๑๒ (นครพนม-มุกดาหาร) ประมาณ ๕๐ กิโลเมตร จะพบวัดตั้งอยู่ทางขวามือในตัวอำเภอธาตุพนม รถโดยสารประจำทาง: มีรถตู้โดยสารสายนครพนม-มุกดาหาร วิ่งผ่านหน้าวัด ต้นทางสามารถขึ้นได้จากสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดนครพนมและมุกดาหาร  ๕. วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เชลียง อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย พระธาตุศรีรัตนมหาธาตุ เชลียง หรือ “วัดพระบรมธาตุเมืองเชลียง” เป็นโบราณสถานในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย สร้างประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๗-๑๘ มีโบราณสถานที่สำคัญของวัด คือ “ปรางค์ประธาน” ก่อด้วยศิลาแลงฉาบปูน เรือนธาตุด้านหน้าเป็นซุ้มโถง มีสถูปรูปดอกบัวตูมขนาดเล็ก ชาวบ้านเรียกว่า

พระธาตุจอมเจดีย์ ๘ องค์ เสริมสิริมงคล อ่านเพิ่มเติม

“บางรัก” ชื่อนี้มีที่มา…

“บางรัก” ชื่อนี้มีที่มา….หากจะกล่าวถึงย่านบางรัก แอดเชื่อว่าคงจะไม่มีใครที่ไม่รู้จัก เพราะบางรักมักจะกลับมาป็อบเสมอช่วงวาเลนไทน์ มีคู่รักรอมาจดทะเบียนสมรสที่เขตนี้เป็นจำนวนมาก แต่โดยปกติแล้ว บางรักถือเป็นย่านสำคัญในแง่เศรษฐกิจ และมีความเก่าแก่ในแง่ชุมชน มีอาคารเก่าที่สวยงาม ร้านอาหารหลากหลาย มุมถ่ายรูปเก๋ ๆ ที่ชวนให้เราไปเที่ยวไปเช็คอิน แต่เพื่อน ๆ รู้ไหมว่าเหตุไฉน บางรักจึงได้ชื่อว่า “บางรัก” ชักจะสงสัยกันแล้วใช่ไหม.มีข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับชื่อ “บางรัก” อยู่หลายแบบ แต่แบบที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดเล่ากันว่า เดิมเคยมีคลองแห่งหนึ่งในบางรัก อยู่มาวันหนึ่งชาวบ้านพบซุงไม้ต้นรักขนาดใหญ่มากจมอยู่ในคลองแห่งนี้ แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าซุงไม้รักต้นนี้มาจากไหน ต่อมาเมื่อมีการเอ่ยถึงสถานที่แถวนั้น ก็จะใช้ชื่อไม้รักกำกับด้วยจนเป็นที่เข้าใจตรงกัน เมื่อผ่านนานไปชื่อเรียกไม้รักหายไป และกลายเป็นบางรักในที่สุด.ส่วนคลองที่พบซุงไม้รักต้นนั้นก็เป็นที่เรียกกันติดปากว่า “คลองต้นซุง”ภายหลังเมื่อถมคลองกลายเป็นตรอก จึงเรียกว่า “ตรอกซุง” ซึ่งในปัจจุบัน ตรอกซุงนั้นอยู่ฝั่งตรงข้ามตลาดบางรักนั่นเอง

“บางรัก” ชื่อนี้มีที่มา… อ่านเพิ่มเติม

Flowers Café คาเฟ่ดอกไม้

วันนี้แอดขอเอาใจสายหวานฟรุ้งฟริ้งด้วย 3 คาเฟ่ดอกไม้ต้อนรับวาเลนไทน์ ที่สวยกันไปคนละแบบ รวมถึงเมนูที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ 3 ร้านนี้ด้วย รับรองว่าเพื่อน ๆ จะได้สัมผัสบรรยากาศราวกับอยู่ในสวนดอกไม้ และอิ่มท้องจนลืมอ้วนเลยทีเดียว คอระฆัง Kor Ra Kang.คอระฆัง มี 4 สาขาสาขาบางลำพู (ปากซอยไกรสีห์ จุดสังเกตไปรษณีย์บางลำพู)สาขาห้วยขวาง (สามแยกตลาดห้วยขวาง)สาขาอารีย์ (พหลโยธิน 7)สาขาประตูผี (ใกล้ผัดไทยทิพย์สมัยตรงข้ามวัดเทพธิดาราม).สาขาที่แอดมาคือ สาขาอารีย์ที่ตั้ง : 29 ซอยพหลโยธิน 7 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น.โทร. 09 2571 5555  เริ่มต้นร้านแรกที่ร้านคอระฆังค่ะ คอระฆังเป็นคาเฟ่ดอกไม้ชมพู้วว…ชมพู สวยหวานน้ำตาลขึ้นเลยทีเดียว ไฮไลท์ของร้านนี้คือมวลหมู่ดอกไม้ตกแต่งร้านที่จะเป็นโทนชมพูทั้งร้าน ไล่สีตั้งแต่ชมพู ม่วง ขาว และแดง ไม่ว่าจะหันไปมุมไหนก็จะเจอดอกไม้เหมือนยกมาทั้งสวนเลยค่ะ ในส่วนของเมนู ขอบอกว่าอร่อยลืมอ้วนกันเลย ที่นี่มีทั้งอาหารคาว ขนมหวาน และเครื่องดื่ม เสิร์ฟมาแบบไทย ๆ สไตล์ชาววังด้วยเครื่องทองเหลือง ไม่ว่าจะเป็นจาน ชาม ช้อนส้อม และยังตกแต่งด้วยดอกไม้ช่อเล็ก ๆ อีกด้วย น่ารักมาก โอดิบ : นมสดเย็นโปะด้วยโอวัลติน คล้าย ๆ กับโอวัลตินภูเขาไฟ ไม่หวานเกินไป หอม มันกำลังดี โรตีรวม : เป็นโรตีรวมมิตร มีทั้งฝอยทอง แป้งกรอบ วิปครีมไมโล โรตีชีส และตรงกลางเป็นต้นตำรับ โรตีชีส : ใครเป็นสายชีส ต้องลองโรตีชีสยืด ๆ เลยล่ะ Floral Café at at Napasorn.“นภสร” เป็นร้านดอกไม้ชื่อดังย่านปากคลองตลาดที่เปิดมานานกว่า 20 ปี ด้วยความชอบส่วนตัวของเจ้าของร้าน จึงเปิดส่วนที่เป็นร้านกาแฟขึ้นมา โดยใช้ความถนัดของตัวเอง หยิบเอาบรรยากาศของร้านดอกไม้นภสรด้านล่างมาตกแต่งใน Floral Café โซนคาเฟ่จะอยู่บริเวณชั้น 2 และชั้น 3 ประดับประดาด้วยต้นไม้ ดอกไม้สด และดอกไม้แห้ง คุมโทนด้วยสีเอิร์ธโทนของผนังอิฐมอญ เฟอร์นิเจอร์ไม้ มีทั้งตู้กระจก เซรามิก ของสะสมย้อนยุคมีดีเทล กิ๊บเก๋ไม่เหมือนใคร รวมถึงแชนเดอเลียร์สุดอลังการกลางห้อง พร็อพแน่นและสวยจริง ๆ ค่ะ เมนูของทางร้าน เป็นการครีเอทจากวัตถุดิบต่าง ๆ ตามฤดูกาล ทำให้ลูกค้าได้เมนูที่หลากหลายและมีเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นขนมเค้ก หรือไอศกรีมโฮมเมด ชาและกาแฟคัดสรรโดยผู้เชี่ยวชาญ เช่น ชาดอกไม้ที่เบลนด์เป็นพิเศษเพื่อให้กลิ่นหอมเฉพาะของร้าน Brownie Raspberry : บราวนีราสเบอร์รีกินคู่กับกาแฟ เข้ากันได้ดีเลยค่ะ เนื้อช็อกโกแลตเข้มข้น หนุบหนับตัดกับรสเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ ใครเป็นบราวนี่เลิฟเวอร์ต้องลอง Sparkling Honey : อเมริกาโน่ผสมน้ำผึ้งมะนาว กินกับบราวนี่เข้ากันได้ดีเลยค่ะ Green Apple Mint Smoothie : ใครที่ชอบดื่มสมูทตี้ แอดแนะนำ Green Apple Mint Smoothie แอปเปิ้ลเขียวปั่นเย็น ๆ ได้รสชาติอมเปรี้ยวอมหวานของแอปเปิ้ลและกลิ่นของมิ้นท์เพิ่มความสดชื่น ที่ตั้ง : 67 ถนนจักรเพชร แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น.โทร. 0 2222 6895, 0 2221 2039, 06 1852 8866 ทองย้อยคาเฟ่.เดิมทองย้อยเป็นแบรนด์เสื้อผ้ามานานกว่า 10 ปี แต่ด้วยความอยากทำสิ่งที่ตัวเองคุ้นเคยมาแต่เด็กในเรื่องของขนมไทย เจ้าของร้านทองย้อยจึงทำคาเฟ่ขนมไทยขึ้นมาด้วย ในคอนเซ็ปต์ Sunset กับ Sky ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ประกอบกับกลิ่นอายฮาวายหน่อย ๆ ของเม็กซิโกและเกาะมาดากัสการ์ เกิดเป็นกำแพงดอกไม้หลากสีโดดเด่น กลายเป็นจุดที่ลูกค้าชอบมาถ่ายรูปกันเยอะเลยทีเดียว ทองย้อยคาเฟ่เน้นความเป็นกันเอง เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย โดยใช้สโลแกนว่า “ทองย้อย for all” หรือคาเฟ่สำหรับทุกคนนั่นเอง.ขอบคุณรูปภาพจากเพจ Thongyoy Cafe ขนมไทยที่นี่รสชาติหวานมัน กลมกล่อม ตกแต่งอย่างมีเอกลักษณ์ด้วยทองคำเปลวขนาดเล็กติดที่ตัวขนม ไม่ว่าจะเป็นตะโก้ ขนมชั้น ลูกชุบ ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีเบเกอรี่ที่ผสมผสานระหว่างขนมฝรั่งกับขนมไทย หาทานไม่ได้ที่ไหน เช่น เค้กรวมมิตร เค้กลอดช่องแตงไทย เค้กลูกตาลมันเชื่อม เค้กทับทิมกรอบ เค้กทุเรียน เค้กเงาะ ชีสเค้กส้มโอ ชีสเค้กเลมอน เป็นต้น เสริร์ฟมาในภาชนะทองเหลืองทั้งหมด เรียกได้ว่าคงความเป็นไทยได้อย่างชัดเจน.ขอบคุณรูปภาพจากเพจ Thongyoy Cafe อัญชันทองคราม : เมนูสุดซ่าของร้าน ใครชอบเครื่องดื่มสดชื่น ๆ ต้องลอง.ทองย้อยคาเฟ่มี 3 สาขา– สาขาซอยอารีย์สัมพันธ์ 7โทร. 08 3298 7288– สาขาสยามพารากอน ชั้น G หน้ากูเมร์ฝั่งเหนือโทร. 08 9262 4661, 08 4110 9865– สาขาเซนทรัลลาดพร้าว ชั้น 4

Flowers Café คาเฟ่ดอกไม้ อ่านเพิ่มเติม

ขนมไทยในงานมงคลสมรส 9 ชนิด

เดือนแห่งความรักแบบนี้ มองไปทางไหนก็อบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งความรักชวนให้รู้สึกถึงความหวาน คู่ไหนที่ความรักสุกงอมพร้อมแต่งงานแล้ว แอดมินก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ และเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ แอดมินมีเรื่องขนมไทยในงานแต่งงานมาฝากค่ะ . ไปดูกันว่าขนมไทยในงานมงคลสมรสปัจจุบันมีอะไรบ้าง และมีความหมายเป็นมงคลยังไง แถมท้ายด้วยพิกัดคาเฟ่ขนมไทยให้เพื่อน ๆ ชวนหวานใจไปลองชิมกันอีกด้วย ขนมทองหยิบ.ทองหยิบเป็นขนมไทยโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา วัตถุดิบหลักคือแป้งและไข่แดงที่นำมาตีจนขึ้นฟู จากนั้นนำไปหยอดลงในน้ำเชื่อมเดือด เมื่อสุกแล้วจึงนำมาใส่ถ้วย จับจีบเป็นรูปดอกไม้ จัดใส่ถ้วยเล็ก ๆ.สื่อถึงความร่ำรวย มีเงินมีทองใช้ไม่ขาดมือ หยิบจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปหมด ขนมทองหยอด.รสชาติเหมือนทองหยิบ ต่างกันที่หน้าตา โดยการหยอดตัวขนมเป็นหยดน้ำกลม ๆ ลงน้ำเชื่อมเดือดแทน.ทองหยอดเปรียบเสมือนทองคำ อวยพรให้คู่บ่าวสาวมั่งคั่งร่ำรวย มีเงินมีทองใช้จ่ายไม่รู้หมด ขนมฝอยทอง.เป็นขนมอีกหนึ่งชนิดที่มีวัตถุดิบหลักคือไข่แดงและแป้ง แต่จะใช้กรวยสำหรับโรยฝอยทองให้เป็นเส้นลงในน้ำเชื่อมเดือด แล้วจับเป็นแพเรียงสวยงาม.สื่อความหมายถึงการครองรักครองเรือนที่ยาวนานเหมือนเส้นฝอยทองนั่นเอง ขนมเม็ดขนุน.ขนมไทยอีกหนึ่งในขนมตระกูลทอง รูปร่างลักษณะคล้ายกับเม็ดขนุน ด้านในสอดไส้ถั่วเขียวบดละเอียด รสหวานมัน เคลือบด้วยไข่แดงด้านนอกให้เป็นสีเหลืองทอง ก่อนนำลงไปต้มในน้ำเชื่อมเดือด.ชื่อของขนมเม็ดขนุนช่วยเสริมความเป็นสิริมงคลให้มีคนคอยเกื้อหนุน ทั้งเรื่องของการดำเนินชีวิต หน้าที่การงาน รวมถึงกิจการต่าง ๆ ขนมทองเอก.เป็นหนึ่งในขนมตระกูลทองที่มีรูปลักษณ์โดดเด่น หลังจากกวนขนมจนแป้งจับตัวปั้นได้ นำไปกดในพิมพ์ ก่อนจะเพิ่มความพิเศษด้วยการติดทองคำเปลวบนขนม.คำว่า “เอก” หมายถึง การเป็นที่หนึ่ง ทองเอกจึงมีความหมายว่าเป็นที่หนึ่ง มีความมงคลทั้งในเรื่องการงาน และชีวิตครอบครัว ขนมดาราทอง.หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า “จ่ามงกุฎ” เป็นขนมที่มีขั้นตอนการทำซับซ้อน หลายขั้นตอน เริ่มจากอบแป้งส่วนฐาน ก่อนจะทำส่วนตัวขนมซึ่งวิธีทำเหมือนขนมทองเอก ติดเมล็ดแตงโมรอบชิ้น แล้วติดแผ่นทองคำเปลวด้านบน หน้าตาสง่างามมาก.ขนมชนิดนี้คล้ายเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่เป็นรูปดาว จึงสื่อถึงความสง่างาม ได้อยู่ตำแหน่งสูงสุด มีชื่อเสียงเกียรติยศ เป็นการอวยพรให้คู่แต่งงานมีความก้าวหน้า และชื่อเสียงเกียรติยศ ขนมชั้น.ขนมที่เราซื้อหารับประทานได้ทั่วไปชนิดนี้ ก็เป็นขนมมงคลอีกหนึ่งชนิดที่นำมาใช้ในงานมงคลสมรส มีลักษณะเป็นชั้นๆ ปกติทำเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม แต่ปัจจุบันมีรูปร่างหน้าตาหลากหลายตามความคิดสร้างสรรค์.ขนมชั้นเปรียบเสมือนตำแหน่งชั้นยศ จึงนำมาใช้อวยพรให้คู่แต่งงานมีความก้าวหน้า ได้รับการเลื่อนขั้นในหน้าที่การงาน ขนมเสน่ห์จันทน์.เป็นขนมไทย ทำจากแป้ง น้ำตาล ไข่แดง กะทิ และเพิ่มความหอมด้วยจันทน์เทศป่น กวนจนเหนียวพอปั้นได้ ปั้นเป็นทรงกลมแบนเลียนแบบหน้าตาของผลลูกจัน.สื่อถึงเสน่ห์ ที่ทำให้คนรักและเอ็นดูนั่นเอง ขนมลูกชุบ.ขนมลูกชุบก็เป็นขนมมงคลอีกหนึ่งชนิดที่หาซื้อได้ทั่วไป ซึ่งเดิมก็จะทำเป็นรูปผลไม้ แต่ในปัจจุบันก็มีหน้าตาแปลกใหม่หลากหลายมากขึ้น เป็นขนมที่คล้ายขนมเม็ดขนุน แต่ด้านนอกชุบด้วยวุ้นหลาย ๆ ชั้น.สื่อถึงให้คู่บ่าวสาวมีชีวิตคู่ที่เจริญรุ่งเรืองงอกงามเหมือนผลไม้ต่าง ๆ ที่นำมาปั้นเป็นขนมลูกชุบนั่นเอง หมายเหตุ : เดิมพานขันหมากมักมีขนมถ้วยฟูเป็นหนึ่งในขนมมงคล แต่ปัจจุบัน ร้านรับทำพานขันหมากหลายแห่งเริ่มเปลี่ยนมาใช้ลูกชุบแทน เนื่องจากขนมถ้วยฟูนั้นหาซื้อได้ยาก และเสียง่าย รู้จักกับขนมไทยในงานแต่งงานกันแล้ว มาเก็บพิกัดคาเฟ่ขนมไทยกันค่ะ ถ้ามีจังหวะเหมาะๆ ค่อยไปลองกันนะคะ.เวฬาฌา.คาเฟ่เล็ก ๆ แต่น่ารักมาก ตกแต่งสไตล์ไทย-จีน โทนสีน้ำเงิน เรียบหรูดูดี ให้บริการขนมไทยและเครื่องดื่มหลากหลายชนิด โดยเฉพาะขนมไทยมงคล ใครยังไม่เคยไป ต้องไปลอง แอดไปมาแล้ว อร่อยทั้งขนมและเครื่องดื่มเลยค่ะ.เปิดทุกวัน เวลา 11.00-20.30 น.โทร. 063 087 8888ที่ตั้ง ซอย อารีย์ 1 แขวง สามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร บ้านขนมปังขิง เสาชิงช้า .ย่านพระนครก็มีคาเฟ่ขนมไทยเหมือนกัน บ้านขนมปังขิงเป็นบ้านไม้หลังเก่าสไตล์ Ginger Bread House ที่มีเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ไปร้านนี้ไม่เพียงจะได้รับประทานขนมไทยอร่อย ๆ เท่านั้น แต่ยังได้ชื่นชมกับความสวยงามของตัวบ้านและบรรยากาศอดีตอีกด้วย.เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 11.00-20.00 น. (ปิดวันจันทร์)โทร. 097 229 7021ที่ตั้ง 47 ซอยหลังโบสถ์พราหมณ์ ถนนดินสอ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เสน่ห์จันทร์.ไปรอบนอกกรุงเทพฯ กันบ้าง คาเฟ่สุดคลาสสิกริมแม่น้ำ ผสมผสานความเป็นไทยเข้ากับสวนสไตล์อังกฤษ ที่นี่ให้บริการทั้งทั้งอาหารไทยแบบดั้งเดิม และอาหารฟิวชั่น ส่วนเมนูขนมนั้นเป็นขนมไทยชาววัง ดูน่ารับประทานมาก ๆ.เปิดทุกวัน เวลา 08.30-21.00 น.โทร. 062 464 6415ที่ตั้ง ถ.สวนตะไคร้ ต.นครปฐม อ.เมือง จ.นครปฐม.ขอบคุณรูปขนมไทยสวยๆ จาก House of Chandra – เสน่ห์จันทน์  ร้านคนทีริมน้ำ&ขนมไทยบ้านดารา.ร้านสุดท้าย เอาใจคนรักขนมไทยแบบจัดเต็ม ที่นี่เป็นร้านอาหารพื้นบ้านริมแม่น้ำแม่กลอง แต่ความพิเศษไม่ได้อยู่ที่อาหารอย่างเดียว เพราะที่นี่มีบุฟเฟ่ต์ขนมไทยด้วยจ้า.ขนมไทยของทางร้านเป็นสูตรของคุณย่า มีขนมไทยให้เลือกหลายอย่าง บางอย่างก็หาทานได้ยาก ใครมีโอกาสได้ไปสมุทรสงคราม ต้องไม่พลาดร้านนี้ค่ะ.บุฟเฟ่ต์ขนมไทย ราคาคนละ 79 บาทมี 2 รอบ ได้แก่ 10.30-13.00 น. และ 13.30-15.30 น.เปิดทุกวัน เวลา 10.00-20.30 น.โทร. 091 446 3532ที่ตั้ง ตำบลบางคนที อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม

ขนมไทยในงานมงคลสมรส 9 ชนิด อ่านเพิ่มเติม

ตามรอยหนังรักโรแมนติก…คิดถึงวิทยา

เวลาดูหนังหรือละครสักเรื่อง นอกจากจะอินไปกับพระเอกนางเอกแล้ว วิวสวยๆของเรื่องก็ทำให้เราประทับใจและจดจำเรื่องราวได้มากขึ้นไปอีก ขอสารภาพว่ามีหลายเรื่องเลยที่เป็นแรงบันดาลใจให้แอดเก็บกระเป๋าออกไปเที่ยว เพราะอยากไปเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง .ในเดือนแห่งความรักนี้แอดเลยนำเรื่องราวของ “คิดถึงวิทยา” หนังรักโรแมนติกที่ฉายไปหลายปีแล้ว แต่ก็ยังเป็นภาพยนตร์ที่สร้างความประทับใจให้กับผู้คน จนอยากจะไปตามรอยกันถึงที่เลยล่ะ อีกทั้งยังได้รับรางวัลอีกมามาย .สำหรับวันนี้แอดจะพาไปตามภาพยนตร์เรื่องนี้กันค่ะ เพราะมีฉากถ่ายทำที่โรงเรียนเรือนแพ อุทยานแห่งชาติแม่ปิง จังหวัดลำพูนซึ่งสถานที่เป็นไฮไลท์ของเรื่อง นอกจากนี้ แอดยังมีสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงภายในอุทยานฯ มาฝากเพื่อน ๆ ด้วย คงไม่มีใครไม่รู้จักภาพยนตร์ที่สร้างความประทับใจให้กับผู้คนมากมายอย่าง “คิดถึงวิทยา” .แต่นอกจากฉากในภาพยนตร์ที่เราจะไปชมกันแล้ว ยังมีจุดท่องเที่ยวอีกมากมายภายในอุทยานฯ ไปดูกันเลย เรื่องราวของครูสองและครูแอนที่เชื่อมโยงกันด้วยไดอะรี่และโรงเรียนเรือนแพ จากภาพยนตร์โรแมนติกเรื่อง “คิดถึงวิทยา” น่าจะทำให้หลายคนยังประทับใจไม่รู้ลืม มีแฟน ๆ ตามรอยไปเยือนโรงเรียนเรือนแพที่เป็นโลเคชั่นถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้กันคึกคักทีเดียว โรงเรียนบ้านก้อจัดสรร สาขาห้องเรียนเรือนแพ อยู่ในเขตบ้านก้อจัดสรร แก่งก้อ ซึ่งเป็นทะเลสาบที่เกิดจากลำห้วยแม่ก้อไหลมาบรรจบกับแม่น้ำปิงในอุทยานแห่งชาติแม่ปิง อำเภอลี้ เป็นโรงเรียนแห่งเดียวในไทยที่ลอยอยู่กลางน้ำที่โอบล้อมด้วยภูเขา จัดทำขึ้นเพื่อให้เด็ก ๆ ได้เข้าศึกษาในระดับชั้นประถม นอกจากจะได้เยี่ยมชมห้องเรียนจริง ๆ ที่เป็นฉากในหนังแล้ว เรายังสามารถไปเที่ยวชมแพเกษตรพอเพียง ซึมซับบรรยากาศธรรมชาติและทิวทัศน์ที่สวยงาม ถึงแม้ที่นี่จะไม่ได้สะดวกสบายที่สุด แต่เห็นบรรยากาศแล้ว ต้องลองไปสักครั้ง หากใครไปเที่ยวชม อยากมีของติดไม้ติดมือเป็นของอุปโภคบริโภคไปให้กับทางโรงเรียนได้ด้วยนะคะ ที่โรงเรียนมีนักเรียนทั้งหมด 6 คนรอทุกคนไปเที่ยวหาอยู่น้าา☺.สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 09 5802 2202​ (ครูน้อย โรงเรียนเรือนแพ) นอกจากจะได้ไปชมโรงเรียนบ้านก้อจัดสรร ตามเรื่องราวของครูแอนและครูสองแล้ว แอดก็มีสถานที่ท่องเที่ยวภายในอุทยานฯ อีกหลายแห่งมาฝากด้วยค่ะ.การเดินทาง จากที่ทำการอุทยานฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1087 เข้าสู่หมู่บ้านก้อ ไปจนสุดเส้นทางจะเจอทางแยกเลี้ยวขวา ไปอีก 7 กิโลเมตรก็จะถึงแก่งก้อ และเดินทางโดยเรือจากแก่งก้อ ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีก็จะถึงโรงเรียนเรือนแพ ภายในอุทยานแห่งชาติแม่ปิงยังมี “น้ำตกก้อหลวง” เป็นน้ำตกหินปูน มีน้ำไหลตลอดทั้งปี ไหลลดหลั่นลงมาตามชั้นต่างๆ 7 ชั้น ก่อนจะไหลผ่านหน้าผาหินปูนและหินงอกหินย้อยลงสู่แอ่งน้ำด้านล่าง ซึ่งเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ที่มีสีฟ้าอมเขียวเป็นไฮไลท์ของที่นี่ มีความลึกถึงประมาณ 8 เมตร ฉะนั้นหากอยากลงเล่นน้ำต้องใส่เสื้อชูชีพเพื่อความปลอดภัยด้วยนะคะ.ภายในมีห้องน้ำและห้องอาบน้ำบริการ หรือหากต้องการพักค้างแรม ที่นี่ก็มีทั้งบ้านพักและเต็นท์ แนะนำให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ล่วงหน้านะคะ.การเดินทาง จากที่ทำการอุทยานฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1087 ไปประมาณ 14 กิโลเมตร ผ่านบ้านก้อ เลี้ยวซ้ายไปทางหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ 1 (น้ำตกก้อหลวง) อีก 8 กิโลเมตร จากนั้นเดินเท้าผ่านป่าไผ่ไปอีก 500 เมตร ก็จะถึงน้ำตก ถัดมาคือ “จุดชมวิวผาเเดงหลวง” สายผจญภัยต้องมา ที่นี่เป็นจุดชมวิวที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย สามารถมองเห็นแม่น้ำกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา และภูเขาที่ทอดยาวสลับซับซ้อนได้แบบ 360 องศาเลยทีเดียว เมื่อมองจากมุมสูงจะเห็นหน้าผามีสีส้มอมแดง จึงเป็นที่มาของชื่อ “ผาแดงหลวง” นั่นเอง ทางอุทยานฯ เปิดให้ขึ้นไปยังจุดชมวิวผาแดงหลวงได้ในช่วงฤดูหนาวเพียงปีละครั้งเท่านั้น สำหรับการเดินทางมายังจุดชมวิวผาแดงหลวง จะต้องติดต่ออุทยานฯ ล่วงหน้า ไฮไลท์ที่ห้ามพลาดก็คือ การชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ที่แสงอาทิตย์สีทองส่องแสงสะท้อนกับพื้นน้ำ สวยงามมาก แบบนี้ต้องไปเห็นกับตาแล้วล่ะ หากใครอยากจะพักค้างแรม ทางอุทยานฯ อนุญาตให้พักค้างแรมเเค่บริเวณจุดกางเต็นท์ทุ่งกิ๊กเท่านั้น ไม่อนุญาตให้ไปพักข้างในหน่วยอื่น.การเดินทาง จะต้องติดต่อกับทางอุทยานฯ ก่อนเพื่อจองคิวรถโฟร์วีลที่จะขึ้นไป โดยรถจะจอดส่งที่จุดจอดรถ จากนั้นเราต้องเดินต่อไปยังจุดชมวิวระยะทาง 1 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 45 นาที “น้ำตกก้อน้อย” น้ำตกก้อน้อยเกิดจากลำห้วยแม่ก้อน้อยที่ไหลผ่านป่าและหุบเขาสูงชัน ทำให้เกิดเป็นชั้นน้ำตกรวม 7 ชั้น บริเวณด้านบนของน้ำตกมีลานกางเต็นท์และเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเทือกเขาได้อีกด้วย ใครเป็นสายผจญภัยต้องลองไปดูนะ หากใครได้ไปในช่วงฤดูหนาวอาจจะได้ชมทะเลหมอกด้านบนได้ด้วยน้า.การเดินทาง น้ำตกก้อน้อยอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 23 กิโลเมตร ผ่านทุ่งกิ๊กไปอีก 9 กิโลเมตร ก็จะถึงน้ำตก

ตามรอยหนังรักโรแมนติก…คิดถึงวิทยา อ่านเพิ่มเติม

ตำนานพญานาคแห่งลุ่มน้ำโขง

ตำนานพญานาคแห่งลุ่มน้ำโขง.ความเชื่อเรื่องพญานาคอยู่คู่กับคนไทยมายาวนาน เห็นได้จากสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งที่กล่าวถึงพญานาค หรือตามวัดวาอารามที่มีรูปปั้นพญานาคปรากฎให้เราเห็น โดยเฉพาะภาคอีสานที่ผูกพันกับพญานาคเป็นอย่างมาก พบเห็นได้ในวิถีชีวิตหลายเรื่อง.ต้นกำเนิดความเชื่อเรื่องพญานาคนั้นมีหลายแง่มุม หนึ่งในแง่มุมที่ปรากฎหลักฐานชัดเจนคือ ความเชื่อเรื่องพญานาคที่มีต้นกำเนิดจากประเทศอินเดียทางตอนใต้ โดยในสมัยที่ยังไม่นับถือศาสนา และภูมิประเทศแถบนั้นเป็นป่ารกทึบ มีสัตว์มีพิษอาศัยอยู่เยอะ ผู้คนเกรงกลัว จึงเกิดลัทธิบูชางูเป็นเทพเจ้าขึ้น. ต่อมา ความเชื่อเรื่องพญานาคแผ่ขยายไปในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย โดยเฉพาะภาคอีสานที่อยู่ติดแม่น้ำโขง เชื่อว่าพญานาคเป็นสัตว์กึ่งเทพ มีอิทฤทธิ์มาก เป็นสัญลักษณ์แห่งสายน้ำและความอุดมสมบูรณ์ นอกจากนี้ยังเชื่อว่าแม่น้ำโขงเกิดจากการแถตัวของพญานาค และเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างเมืองมนุษย์และเมืองบาดาลของพญานาค เราจะเห็นได้ว่ามีการสร้างรูปปั้นพญานาคอยู่ริมน้ำโขงหลายแห่ง เช่น รูปปั้นพญาศรีสัตตนาคราช 7 เศียร จังหวัดนครพนม ศาลพ่อปู่พญาอนันตนาคราช ใต้สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2 จังหวัดมุกดาหาร รูปปั้นพญาศรีภุชงค์มุกดานาคราช ที่แก่งกะเบา จังหวัดมุกดาหาร รูปปั้นนาคชัยยัญ ที่วัดไทย จังหวัดหนองคาย เป็นต้น. นอกจากนี้ พญานาคยังเกี่ยวข้องกับการทำนาอีกด้วย ตามตำราโบราณจะกล่าวถึง “นาคให้น้ำ” เพราะเชื่อว่าพญานาคมีอิทฤทธิ์ดลบันดาลให้เกิดฝนตกตามฤดูกาล จึงนำมาเป็นหน่วยวัดว่าแต่ละปีฝนจะตกมากน้อยแค่ไหน โดยมีนาคให้น้ำ 1 – 7 ตัว บางตำราจะระบุจำนวนนาคให้น้ำตามปีนักษัตรอย่างชัดเจน เช่น ปีฉลู นาคให้น้ำ 5 ตัว ฝนต้น กลาง ปลาย เสมอกัน เป็นต้น นอกจากดูจำนวนนาคให้น้ำแล้ว ก็ยังดูด้วยว่านาคให้น้ำหันหัวไปทางทิศไหน เพราะ เวลาทำพิธีแรกนา จะได้เริ่มไถจากหัวนาคไปถึงหางนาค ไม่ไถทวนเกล็ดพญานาค เพราะเชื่อว่าจะเป็นอัปมงคลนั่นเอง

ตำนานพญานาคแห่งลุ่มน้ำโขง อ่านเพิ่มเติม

สะพานทาชมภู จังหวัดลำพูน : สะพานรถไฟสวยต้องห้ามพลาด

สะพานทาชมภู หรือที่ชาวลำพูนเรียกว่า สะพานขาว ตั้งอยู่ตรงข้ามวัดทาชมภู ตำบลทาปลาดุก อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน อยู่ระหว่างสถานีรถไฟขุนตานกับสถานีรถไฟทาชมภู.เริ่มก่อสร้างสะพานแห่งนี้เมื่อปี พ.ศ. 2462 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2463 เพื่อใช้เป็นเส้นทางเดินรถไฟจากลำปางมายังเชียงใหม่ โดยมีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน หรือพระนามเดิม พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร ทรงเป็นวิศวกรควบคุมงาน สะพานแห่งนี้มีความโดดเด่นกว่าสะพานรถไฟแห่งอื่น คือ เป็นสะพานโครงคอนกรีตเสริมเหล็ก มีลักษณะรูปทรงโค้ง ทาด้วยสีขาว รูปแบบสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก ยาว 87.3 เมตร.ซึ่งนับเป็นเรื่องแปลกและท้าทายทางวิศวกรรมของคนไทยในสมัยนั้น เนื่องจากโดยปกติแล้วสะพานรถไฟจะสร้างด้วยเหล็กเพราะสามารถทนต่อแรงสะเทือนและอ่อนตัวได้ดีกว่า.แต่ช่วงเวลาที่สร้างสะพานแห่งนี้เป็นช่วงภาวะสงคราม ขาดแคลนเหล็ก ทำให้ไม่สามารถนำมาสร้างสะพานได้ แต่ด้วยการคำนวณและควบคุมงานที่ยอดเยี่ยมทำให้สะพานทาชมภูยังคงใช้งานได้อยู่จนถึงทุกวันนี้  หลาย ๆ คนคงแปลกใจว่า สะพานนี้มีชื่อว่า ทาชมภู คงจะคิดว่า สะพานแห่งนี้ทาด้วยสีชมพูแน่ ๆ.สาเหตุเพราะว่าสะพานแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อข้ามแม่น้ำแม่ทา ที่ไหลผ่านหมู่บ้านทาชมภู อำเภอแม่ทา จึงถูกเรียกว่า สะพานทาชมภู นั่นเอง  คำว่า “ทา” ในที่นี้ไม่ใช่คำกริยา แต่เป็นคำนามอันหมายถึง “แม่น้ำแม่ทา” ซึ่งเป็นแม่น้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านอำเภอแห่งนี้ หลายตำบลหลายหมู่บ้านที่นี่จึงมีคำว่าทาอยู่ในชื่อ เช่น ตำบลทาสบเส้า ตำบลทาสบชัย วัดทาทุ่งหลวง เป็นต้น  ปัจจุบันสะพานทาชมภู กลายเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวต้องห้ามพลาดในจังหวัดลำพูน ที่ไม่ว่าใครเดินทางไปท่องเที่ยวก็จะต้องแวะไปถ่ายรูปคู่กับสะพานรถไฟสีขาวแห่งนี้อยู่เสมอ.ที่ตั้ง ตำบลทาปลาดุก อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน

สะพานทาชมภู จังหวัดลำพูน : สะพานรถไฟสวยต้องห้ามพลาด อ่านเพิ่มเติม

วัดป่าภูก้อน จ.อุดรธานี

วัดป่าภูก้อน เกิดขึ้นจากพุทธบริษัท ที่ตระหนักถึงคุณประโยชน์ของธรรมชาติและป่าต้นน้ำซึ่งกำลังถูกทำลาย จึงมีการทำเรื่องขออนุญาตกรมป่าไม้ในการใช้ที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาตินายูง-น้ำโสมขึ้นเพื่อสร้างวัด และฟื้นฟูสภาพป่าเสื่อมโทรมให้กลับมามีความสมบูรณ์ ทางวัดไม่ได้ดูแลเพียงในบริเวณวัด แต่ยังช่วยฟื้นฟูพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมที่อยู่รอบๆ วัดด้วย ต่อมา กรมป่าไม้ก็อนุญาตให้จัดตั้งพุทธอุทยานในนาม พุทธอุทยานมหารุกขปาริชาติภูก้อน ด้วยเหตุนี้ วัดป่าภูก้อนจึงมีความสงบเย็น มีความวิเวก เหมาะกับการบำเพ็ญภาวนากรรมฐานที่สุด.ปัจจุบันวัดป่าภูก้อนถือเป็นวัดและสถานที่ปฏิบัติธรรมอย่างถูกต้องตามระเบียบของกรมป่าไม้ โดยทางวัดได้ช่วยกรมป่าไม้ดูแลงานด้านป่าไม้ ในการป้องกันไฟป่า การบุกรุกป่า ตลอดจนการล่าสัตว์ผิดกฎหมายในพื้นที่กว่า 3,000 ไร่ วัดป่าภูก้อน มีพระวิหารสวยงามโดดเด่นสะดุดตา เป็นสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์สมัยรัตนโกสินทร์ มีประตูทางเข้าออก 3 ด้าน ผนังด้านในพระวิหาร มีภาพพุทธประวัติ และภาพทศชาติ มีการตกแต่งแบบภาพปั้นนูนต่ำ หล่อด้วยทองแดง ด้านบนของทุกภาพ จะมีการแกะสลักบทสวดอิติปิโสด้วยสีเขียวเข้มบนหินอ่อนสีขาว ภายในพระวิหาร เป็นที่ประดิษฐานของ “พระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี” สร้างด้วยหินอ่อนสีขาวจากประเทศอิตาลี มีความยาว 20 เมตร ใช้หินอ่อนถึง 43 ก้อน นำมาแกะสลักแล้วยกขึ้นเรียงบนฐาน มีพุทธลักษณะงดงาม สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 7 รอบในปี พ.ศ. 2554 พระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี จุดสำคัญอีกหนึ่งจุดคือ “พระปฐมรัตนบูรพาจารย์มหาเจดีย์” หนึ่งในโครงการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เนื่องในวโรกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2542 มีการอัญเชิญตราสัญลักษณ์ และพระรูปหล่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มาประดิษฐานภายในองค์พระมหาเจดีย์ด้วย.ภายในองค์พระเจดีย์ ชั้นบนยอดจะบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนชั้นอื่นมีรูปหล่อเหมือนบูรพาจารย์ รวมถึงเครื่องอัฐบริขารและรูปภาพครูบาอาจารย์สายกรรมฐานจัดวาง นับเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนชาวอีสานอีกหนึ่งแห่งเลยทีเดียว  วัดป่าภูก้อน จ.อุดรธานี.ที่ตั้ง 99 หมู่ที่ 6 ตำบล บ้านก้อง อำเภอ นายูง อุดรธานี 41380สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักบริหารโครงการฯ 08 9111 9119, 08 6243 7864คุณจันทิมา 08 2835 0668คุณยูร 09 0747 2228.เวลาทำการ : ประตูวัด เปิด-ปิด เวลา 05.30 – 18.30 น.ประตูพระวิหาร เปิด-ปิด เวลา 08.30 – 17.00 น.เว็บไซต์ : https://www.facebook.com/watpaphukon/.รถทุกชนิดสามารถขึ้นไปบนวัดได้ แต่ถ้าเป็นรถบัสคันใหญ่ต้องจอดตรงทางขึ้น แล้วต่อรถสองแถวไปยังวัด ค่าโดยสารคนละ 20 บาท นั่งได้ไม่เกินคันละ 12 คน 

วัดป่าภูก้อน จ.อุดรธานี อ่านเพิ่มเติม

โบสถ์คริสต์อีสานบ้านเฮา

วัดนักบุญอันนา หนองแสง จังหวัดนครพนม ตั้งอยู่บนถนนเลียบริมฝั่งแม่น้ำโขง มองเห็นวิวภูเขาของฝั่งประเทศลาว ให้ความรู้สึกสงบและร่มรื่น โบสถ์คริสต์นิกายคาทอลิกแห่งนี้อยู่คู่กับชาวนครพนมมายาวนานกว่าร้อยปี เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเมืองนานาชาติที่มีคนหลายเชื้อชาติอาศัยอยู่ร่วมกัน เช่น คนไทย คนญวน คนจีน คนลาว เป็นต้น อาสนวิหารแห่งนี้มีสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียล ด้านหน้าเป็นหอคอยคู่ ยอดแหลมสูง ตัวอาคารภายนอกทาสีเหลือง งามเด่นเป็นสง่าเห็นได้แต่ไกล.โบสถ์หลังนี้เป็นโบสถ์ที่สร้างขึ้นใหม่แทนหลังเดิมที่ถูกฝรั่งเศสทิ้งระเบิดพังเสียหายในสมัยที่มีกรณีพิพาทอินโดจีน โดยคงสถาปัตยกรรมให้คล้ายคลึงกับโบสถ์หลังเดิม ก่อนวันคริสต์มาสของทุกปี ชาวคริสต์ในแต่ละชุมชนจะประดิษฐ์ตกแต่งดาวในรูปแบบต่าง ๆ จัดเป็นขบวนแห่ดาวบริเวณรอบวัดแห่งนี้ นับเป็นงานประจำปีที่มีความสำคัญต่อชุมชนมาก หากสนใจเข้าเยี่ยมชมและถ่ายรูปสวย ๆ ในโบสถ์ แอดแนะนำให้โทรสอบถามล่วงหน้าหรือสอบถามผ่านFacebook : https://web.facebook.com/saintannanongsang(เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อาจจำกัดจำนวนการเข้าชม).ตารางมิสซา วันจันทร์ -ศุกร์ เวลา 06.15 น. วันอาทิตย์ มิสซาเช้า 07.00 น. มิสซาเย็น 19.00 น..ที่ตั้ง 184 / 1 ถนนสุนทรวิจิตร ตำบลหนองแสง เมืองนครพนม จังหวัดนครพนมเข้าชมได้ทุกวัน เวลา 08.30 น. – 16.30 น.โทร. 08 1975 6826 วัดสองคอนมรณสักขี หรือสักการสถานพระมารดาแห่งมรณสักขี จังหวัดมุกดาหาร.ตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำโขง เป็นโบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ที่ได้ชื่อว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตัวอาคารมีลักษณะสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ และเคยได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่น สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ปี 2539.พื้นที่ทั้งหมดของโบสถ์คริสต์มีประมาณ 90 ไร่ ส่วนหน้าของโบสถ์เป็นลานกว้าง เพื่อรองรับผู้คนที่มาร่วมงานเฉลิมฉลอง บุญราศรี ที่จัดขึ้น 2 ครั้งของทุกปี คือวันที่ 22 ตุลาคม และวันที่ 16 ธันวาคม โบสถ์คริสต์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงบุญราศรีมรณสักขี ทั้ง ๗ ท่าน ที่ได้สร้างวีรกรรมแห่งวีรชนคริสตชน โดยยอมพลีชีพเพื่อยืนยันความเชื่อในพระเจ้า ณ หมู่บ้านสองคอนแห่งนี้ จนได้รับการยกย่องเป็นบุญราศีทั้งเจ็ดแห่งเมืองสองคอน.คำว่า “บุญราศี” หรือ “นักบุญ” (THE BLESSED) เป็นการใช้นำหน้าชื่อยกย่องคริสตชนที่เสียชีวิตไปแล้ว และภายหลังปรากฎว่าคุณงามความดีของท่านขจรขจายจนมีผู้คนเคารพนับถือมาก ส่วนคำว่า “มรณสักขี” (MARTYR) คือผู้ที่เสียสละชีวิตของตนเพื่อยืนยันความเชื่อต่อพระเจ้า เมื่อเดินไปทางหลังโบสถ์นอกจากจะเป็นพื้นที่โล่งได้ชมวิวแม่น้ำโขงแล้ว ยังมีเรือนอนุรักษ์ หรือบ้านมาร์ตีร์ เป็นบ้านไม้แบบดั้งเดิมและยุ้งข้าวทรงพื้นบ้าน เพื่อรำลึกถึงการดำรงชีวิตที่เรียบง่ายของบุญราศี มีเครื่องใช้ไม้สอยแบบวิถีชาวบ้านอยู่ในบ้าน สำหรับพิธีมิสซา จะมีทุกวันวันอาทิตย์ เวลา 07.00 น..ที่ตั้ง บ้านสองคอน ต.ป่งขาม อ.ว่านใหญ่ จ.มุกดาหารเข้าชมได้ทุกวัน เวลา 07.00 น. – 18.00 น. (ไม่มีค่าใช้จ่าย)โทร. 08 1183 5064 โบสถ์คริสต์บ้านซ่งแย้ หรือวัดอัครมหาเทวดามีคาแอล จังหวัดยโสธร.ประวัติการก่อตั้งโบสถ์คริสต์บ้านซ่งแย้ เริ่มจากปี พ.ศ. 2451 มีชาวบ้านหนองซ่งแย้จำนวน 5 ครอบครัวเดินทางไปพบบาทหลวงเดชาแวลและบาทหลวงอัมโบรซีโอ ที่บ้านเซซ่ง ตำบลเซียงเพ็ง อำเภอป่าติ้ว จังหวัดยโสธร ขอให้ช่วยไล่ผีเนื่องจากถูกกล่าวหาว่าเป็นผีปอบและถูกขับไล่ออกจากหมู่บ้าน บาทหลวงทั้งสองไปช่วยตามคำขอ จนเหตุการณ์ดีขึ้น ชาวบ้านทั้ง 5 ครอบครัวนี้จึงสมัครใจเข้านับถือศาสนาคริสต์ และมีการสร้างโบสถ์หลังแรกในปี พ.ศ. 2452 เป็นกระต๊อบฝาขัดแตะเล็กๆ เพื่อเป็นที่ประกอบพิธีทางศาสนา โดยมีบาทหลวงเดชาแนล เป็นอธิการโบสถ์คนแรก โบสถ์คริสต์บ้านซ่งแย้หลังปัจจุบันนี้ถือเป็น Unseen in Thailand เนื่องจากเป็นโบสถ์คริสต์ที่สร้างด้วยไม้ล้วน ๆ และเป็นโบสถ์ไม้ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ใช้เวลาก่อสร้างไม่น้อยเลย แค่เตรียมการก็ใช้เวลาถึง 3 ปีแล้ว เนื่องจากมีขนาดใหญ่มาก กว้าง 16 เมตร ยาว 57 เมตร ใช้ไม้มุงหลังคาถึง 80,000 แผ่น นับเป็นโบสถ์ที่เกิดจากความร่วมมือและความสามัคคีของชาวบ้านทุกคนที่นี่ เสาบางต้นยาวถึง 20 เมตร ต้องใช้คนช่วยกันลากจูง 30-40 คนทีเดียว ก่อสร้างอย่างงดงาม ในที่สุดโบสถ์ก็สำเร็จลุล่วงใน พ.ศ. 2497 พิธีมิสซา มีทุกวันวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 06.30 น. วันเสาร์ เวลา 17.00 น. และวันอาทิตย์ 07.00 น..ที่ตั้ง หมู่ 2 บ้านซ่งแย้ ต.คำเตย อ.ไทยเจริญ จ.ยโสธรเข้าชมได้ทุกวัน เวลา 07.00 – 17.00 น.โทร. 08 1389 7660 (หลวงพ่อไพฑูรย์)

โบสถ์คริสต์อีสานบ้านเฮา อ่านเพิ่มเติม

Happy Moo, Happy Meal โคขุนโพนยางคำ จังหวัดสกลนคร

Happy Moo, Happy Meal โคขุนโพนยางคำ จังหวัดสกลนคร.เมื่อพูดถึงอาหารอีสาน ก็ต้องนึกถึงอาหารรสแซบอย่างส้มตำ ปลาร้าสุดนัว และข้าวเหนียวไก่ย่างร้อน ๆ แต่จริง ๆ แล้วภาคอีสานก็มีชื่อเสียงเรื่องเนื้อไม่แพ้ส้มตำ เนื้อที่แอดพูดถึงคือ เนื้อโคขุนโพนยางคำ ของขึ้นชื่อจังหวัดสกลนครนั่นเอง คนรักเนื้อคงคุ้นเคยกับชื่อนี้เป็นอย่างดี เพราะโด่งดังทั้งคุณภาพและความอร่อย มาดูกันว่าความอร่อยของเนื้อโพนยางคำมีที่มาอย่างไร.เนื้อโคขุนโพนยางคำมีต้นกำเนิดที่หมู่บ้านโพนยางคำ ตำบลโนนหอม อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร หมู่บ้านแห่งนี้ได้จัดตั้งเป็นสหกรณ์โพนยางคำขึ้นในปี พ.ศ. 2523 วัวที่เกษตกรเลี้ยงเป็นวัวเนื้อลูกผสมไทย-ฝรั่งเศส ที่เกิดจากการผสมเทียมโดยใช้น้ำเชื้อจากพ่อพันธุ์ และแม่พันธุ์วัวเนื้อ 3 สายพันธุ์ ได้แก่ พันธุ์ชาโรเลส์ (Charolais) จากประเทศฝรั่งเศส ซึ่งใช้เป็นสายพันธุ์หลัก พันธุ์ซิมเมนทอล (Simmental) จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และพันธุ์ลิมูซีน (Limousin) จากประเทศฝรั่งเศส ทำให้ได้วัวที่ทนต่อสภาพอากาศของเมืองไทย และมีโครงสร้างกล้ามเนื้อรวมถึงไขมันที่ดี.เกษตกรจะเริ่มทำการขุนวัว เมื่อวัวมีอายุประมาณ 2 ปี โดยให้วัวยืนในคอกและป้อนอาหารสูตรพิเศษ ที่ใช้วัตถุดิบธรรมชาติอย่างหญ้า ฟาง และธัญพืชเป็นหลัก เพื่อทำให้เนื้อนุ่มยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการดูแลอย่างพิถีพิถัน เช่น ทำความสะอาดคอกวัวเป็นประจำ อาบน้ำ แปรงขน และเปิดเพลงให้วัวฟัง การทำเลี้ยงดูแบบนี้ ทำให้วัวไม่เครียด และกินอาหารได้มากขึ้นระยะเวลาในการขุน จะใช้เวลาประมาณ 1 ปี หรือบางตัวก็นานถึง 1 ปีครึ่ง เพื่อให้เนื้อมีไขมันแทรกอย่างทั่วถึง.เมื่อรู้กันแล้วว่า เกษตรกรตั้งอกตั้งใจเลี้ยงวัวเพื่อให้พวกเราได้บริโภคเนื้อแสนอร่อย แอดก็ขอเอาใจคนรักเนื้อด้วยพิกัดร้านโคขุนโพนยางคำรสเด็ด ที่เมื่อไปถึงจังหวัดสกลนครต้องไปทานให้ได้ – ร้านสเต็กสหกรณ์ฯ โพนยางคำ มีสเต็กและอาหารอีสานรสเด็ดให้เลือกหลายเมนู และถ้าใครอยากซื้อเนื้อไปทำกินเอง ที่นี่ก็มีจำหน่ายเช่นเดียวกันที่ตั้ง : หมู่ 10 บ้านโพนยางคำ ต.โนนหอม อ.เมืองสกลนคร จ.สกลนครพิกัด : https://goo.gl/maps/S93XwSG6hzKuJTKq7เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 16.45 น.โทร. 0 4270 4677.– ร้านเตาถ่าน โพนยางคำ ร้านปิ้งย่างโคขุนเจ้าดังของสกลนคร เนื้อที่ร้านใช้จาก 3 แหล่ง คือ สหกรณ์โพนยางคำ สหกรณ์หนองสูง และนครพนมบีฟ ปัจจุบันร้านเตาถ่านมี 3 สาขา ได้แก่ สาขาอำเภอสว่างดินแดน สาขาถนนสุขเกษม และสาขาถนนเสรีไทย อำเภอเมืองสกลนครโทร. 0 4209 2337.– ฟาร์มฮัก เป็นทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ และฟาร์มแกะในที่เดียวกัน ภายในฟาร์มมีร้านปิ้งย่างโคขุนคุณทองที่คนชอบกินเนื้อต้องห้ามพลาดที่ตั้ง : ถ.สกลนคร-นาแก ต.โนนหอม อ.เมืองสกลนคร จ.สกลนครพิกัด : https://g.page/farmhug?shareเปิดทุกวัน จันทร์ – ศุกร์ เวลา 11.00 – 22.00 น. เสาร์ – อาทิตย์ เวลา 10.00 – 22.00 น.โทร. 08 8572 6288 เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 15 ธันวาคม 2563

Happy Moo, Happy Meal โคขุนโพนยางคำ จังหวัดสกลนคร อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top