เพื่อนร่วมทาง

ไปเที่ยวกัน เที่ยวกันตัง(ตรัง) 2 วัน 1 คืน

พูดถึงจังหวัดตรัง เพื่อน ๆ ร้อยทั้งร้อยคงต้องคิดถึงทะเล ทะเล แล้วก็ทะเล แต่รู้ไหมว่า จังหวัดตรังยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจไม่แพ้ทะเลอยู่ด้วย วันนี้แอดจะมาแนะนำให้รู้จัก นั่นก็คือ “กันตัง” . กันตัง เป็นอำเภอที่มีอาคารเก่าแก่กระจายอยู่ทั่วอำเภอ มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง นอกจากทะเลสวย ๆ ที่นักท่องเที่ยวปักหมุดตั้งใจมาเที่ยวแล้ว กันตังยังมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทั้งธรรมชาติและวัฒนธรรมให้ได้เข้าไปสัมผัสอีกด้วย . ในช่วงสถานการณ์โควิดที่ผ่านมาทำให้เพื่อน ๆ ยังไม่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างปกติ และเป็นโอกาสที่ธรรมชาติและแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ได้พักและฟื้นฟู รอให้เราออกเดินทางอีกครั้ง และเมื่อการเดินทางครั้งใหม่ของเราได้เริ่มขึ้น คุณจะพบว่าเที่ยวเมืองไทย Amazing ยิ่งกว่าเดิม วันที่ 1– สถานีรถไฟกันตัง– ต้นยางคาเฟ่– ล่องแพ กินปู ดูวิว โดย “วิสาหกิจชุมชนบ้านน้ำราบ”.วันที่ 2– Matou Hostel & Cafe– เยี่ยมชม และทำกิจกรรมที่ “ชุมชนบ้านย่านซื่อ” สถานีรถไฟกันตัง.จุดนี้เป็นจุดที่ต้องมาเช็คอิน พลาดไม่ได้เลย “สถานีรถไฟกันตัง” เป็นสถานีรถไฟสถานีสุดท้ายบนเส้นทางรถไฟฝั่งอันดามัน เริ่มเปิดใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2456 นับอายุก็กว่าร้อยปีแล้ว มีความสำคัญมากในสมัยนั้น เพราะเป็นศูนย์กลางการรับ-ส่งสินค้าระหว่างไทยกับสิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย โดยผ่านท่าเรือกันตัง ซึ่งอยู่เลยจากสถานีรถไฟไปประมาณ 500 เมตร ตัวอาคารเป็นอาคารไม้ชั้นเดียวทรงปั้นหยาสีเหลืองมัสตาร์ดสลับน้ำตาล คงเอกลักษณ์เดิมตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ที่สำคัญได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานโดยกรมศิลปากรแล้ว ปัจจุบันสถานีรถไฟกันตังยังให้บริการเดินรถทุกวัน วันละ 1 เที่ยว โดยขบวนรถเร็วเที่ยวไป ออกจากสถานีกรุงเทพเวลา 18.30 น. และขบวนรถเที่ยวกลับ ออกจากสถานีกันตังเวลา 12.40 น. ใช้เวลาประมาณ 16-17 ชั่วโมง.สำหรับเพื่อน ๆ สายชิลล์ที่ไม่อยากนั่งเครื่องบิน ก็สามารถนั่งรถไฟมาลงที่นี่ได้เลย แต่อย่าลืมตรวจสอบเวลาเดินรถอีกครั้งก่อนเดินทางนะคะ.โทร. 075 251 015, 1690ที่ตั้ง ตำบลกันตัง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ใกล้กับสถานีรถไฟ มีร้านกาแฟน่ารักน่าแวะชื่อ สถานีรัก Love Station ตัวร้านเป็นไม้ทาสีเหลือง ตกแต่งย้อนยุคคล้ายกับสถานีรถไฟกันตัง บรรยากาศชิลล์มาก สถานีรัก Love Stationเปิดทุกวัน เวลา 08.30-19.00 น.โทร. 081 979 6806ที่ตั้ง ตำบลกันตัง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ต้นยาง คาเฟ่ .แอดจะพาไปรับประทานอาหารเที่ยงที่ ต้นยางคาเฟ่ ร้านนี้อยู่ใกล้กับต้นยางพาราต้นแรกของเมืองไทย จุดท่องเที่ยวอีกจุดของกันตัง มีเมนูให้เลือกมากมายทั้งอาหารไทย-อีสาน สเต็ก ของหวาน และเครื่องดื่ม ร้านตกแต่งสไตล์โมเดิร์นลอฟต์ ผนังร้านโดดเด่นมากเพราะเป็นภาพวาดที่เล่าเรื่องราวของเมืองกันตัง.เปิดทุกวัน เวลา 09.00-20.00 น. (ครัวปิด 19.00 น.)โทร. 089 723 1733ที่ตั้ง 253/1 ถ.ตรังคภูมิ ตำบลกันตัง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง.ขอบคุณรูปภาพจากเพจ Facebook ต้นยางคาเฟ่ @กันตัง ล่องแพ กินปู ดูวิว โดยวิสาหกิจชุมชนบ้านน้ำราบ.จากอำเภอกันตังไปประมาณ 24 กิโลเมตร เรามุ่งหน้าไปที่ตำบลบางสัก ที่นี่มีกิจกรรมท่องเที่ยวที่น่าสนใจคือการล่องแพไปชมวิวเขาจมป่าและทะเลแหวก พร้อมทานอาหารทะเลกันบนแพ โดยวิสาหกิจชุมชนบ้านน้ำราบ.ที่นี่มีกิจกรรมให้เลือกทั้งแบบครึ่งวัน และแบบเต็มวัน สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ที่สำคัญยังได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย (SHA) จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยอีกด้วย แอดเลือกกิจกรรมแบบครึ่งวัน คือ ล่องแพไปเที่ยวเขาจมป่า และทะเลแหวก โดยเราจะล่องแพผ่านป่าชายเลน ซึ่งมีพื้นที่ทั้งหมด 3,200 ไร่ ระหว่างทางจะพบกับต้นโกงกางและต้นแสมที่ขึ้นอย่างหนาแน่น แสดงให้เห็นความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าแถบนี้.โปรแกรมล่องแพท่องเที่ยว จะรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นคนละ 1,350 บาท หากไปกันหลายคนก็สามารถติดต่อสอบถามก่อนได้ เนื่องจากราคาจะแตกต่างกันไปตามจำนวนคน แต่ถ้าไปน้อยกว่า 5 คน แอดแนะนำให้ท่องเที่ยวด้วยเรือหัวโทงจะประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่า มาถึงจุดแรก พาเพื่อน ๆ เดินขึ้นไปยังจุดชมวิวเขาจมป่า ตรงนี้ใช้เวลาเดินขึ้นไปถึงจุดชมวิวประมาณ 20 นาที ระยะทาง 400 เมตร ถึงแม้จะเป็นระยะทางสั้น ๆ แต่ก็มีหลายจุดที่ค่อนข้างชัน เดินขึ้นอย่างระมัดระวังด้วยนะคะ.ด้านบนสุด สามารถชมวิวป่าชายเลนผืนใหญ่ เขียวชอุ่มสบายตา เห็นคลองที่คดเคี้ยวไปมาแบบ 360 องศา นอกจากนี้ยังเห็นวิวทะเลและเกาะมุกที่อยู่ไกล ๆ ได้อีกด้วย ลงจากยอดเขามาเหนื่อย ๆ เริ่มหิวก็ไม่ต้องห่วงเลย เพราะบนแพได้เตรียมอาหารรอไว้แล้ว มีอาหารทะเลหลายอย่าง โดยเฉพาะปูม้าตัวใหญ่ ๆ มีให้กินแบบจุใจเลยจ้า จุดเด่นของบ้านน้ำราบคือ การทำธนาคารปูม้า อาชีพหลักของชาวบ้านคือการทำประมงปูม้า นานวันเข้าก็พบว่าปริมาณปูม้าลดลงมาก ชาวบ้านจึงหาทางแก้ปัญหา เพื่อฟื้นฟูทรัพยากรปูม้าให้กลับสู่สมดุลย์ จึงเริ่มนำแม่ปูม้าที่มีไข่นอกกระดองมาเลี้ยง รอจนแม่ปูวางไข่ แล้วจึงนำลูกปูไปปล่อยบริเวณแหล่งแนวหญ้าทะเล เพื่อให้ลูกปูเจริญเติบโตในธรรมชาติต่อไป กิจกรรมนี้สามารถช่วยรักษาประชากรปูม้าได้ไม่น้อยเลย เพราะแม่ปูแต่ละตัวนั้นมีไข่ประมาณสามแสนฟอง แต่ถ้าตัวใหญ่จะมีไข่ถึงหนึ่งล้านฟองเลยทีเดียว.นอกจากนี้ชาวบ้านยังเพาะหญ้าทะเล เพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัยของปูม้าและเป็นอาหารของพะยูน มีการอนุบาลม้าน้ำ และลูกปลาหมึกอีกด้วย หลังจากกินจนอิ่มแปล้แล้ว ก็ไปจุดที่สอง เพื่อชมทะเลแหวกที่มีขนาดกว้างเท่าสนามฟุตบอล ซึ่งการจะชมทะเลแหวกได้นั้นต้องรอช่วงน้ำลง ราว ๆ บ่ายโมงไปจนถึงช่วงเย็น ใครไปช่วงเย็น ๆ ก็ยังสามารถรอชมพระอาทิตย์ตกดินจากจุดนี้ได้อีกด้วย.สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บังยูร 080 824 9468, พี่อู๊ด 087 277 8017ที่ตั้ง ท่ากะหยง หมู่ที่ 4 ตำบลบางสัก อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง.ขอบคุณรูปภาพจากเพจ facebook กลุ่มท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ชุมชนบ้านน้ำราบ คาเฟ่แห่งนี้ให้บริการของหวาน และเครื่องดื่ม

ไปเที่ยวกัน เที่ยวกันตัง(ตรัง) 2 วัน 1 คืน อ่านเพิ่มเติม

มุกดาหาร 2 วัน 1 คืน

จังหวัดมุกดาหารเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่อยู่ติดริมแม่น้ำโขง ครบเครื่องทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ชิลล์เล่นในเมือง อาหารรสอร่อย รวมถึงมีการท่องเที่ยวที่อิงกับความเชื่อท้องถิ่นที่ค่อนข้างน่าสนใจมากสำหรับแอด จะมีที่ไหนบ้าง ตามไปอ่านกัน วันที่ 11.ภูผาเทิบ.วันที่ 22.ห้าแยกมุกดาหาร3.วัดภูมโนรมย์4.ตลาดอินโดจีน5.แก่งกะเบา6.ศาลพ่อปู่อนันตนาคราช7.เรือนจอมเพชร8.สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 วันที่1.อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ.ภูผาเทิบอยู่ห่างจากอำเภอเมืองประมาณ 17 กิโลเมตร ถนนลาดยาง เดินทางสะดวก ช่วงที่แอดไป นักท่องเที่ยวไม่เยอะ แดดค่อนข้างแรงแม้จะเป็นช่วงเช้า ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของที่นี่ ส่วนใหญ่จะเป็นภูเขาหินทรายลูกใหญ่สลับกับต้นไม้สูง.เมื่อถึงอุทยานแล้ว แนะนำให้ไปติดต่อที่ศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยว จะมีเจ้าหน้าที่คอยนำชมอย่างเป็นมิตร ที่สำคัญมีร่มให้บริการด้วยนะ.อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ บ้านคอนสาย ต.นาสีนวน อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร 49000เวลาทำการ 08:30-16:30 น. เปิดทุกวันโทร. 09 4289 2383, 0 4267 6474 ภายในอุทยานมีแหล่งท่องเที่ยวหลายจุด ถ้าจะเดินให้ครบ ต้องใช้เวลาเกือบทั้งวันเลยล่ะ ก่อนมาอย่าลืมเตรียมร่างกายและจิตใจให้พร้อมกันด้วย แต่ถ้ามีเวลาจำกัด ก็สามารถเลือกเดินเองได้เลยว่าจะไปถึงจุดไหน แหล่งท่องเที่ยวที่แอดจะแนะนำมีดังนี้.กลุ่มหินเทิบ (20 เมตร).กลุ่มหินเทิบ เป็นผลงานประติมากรรมจากการกัดเซาะของฝน น้ำ ลม และแสงแดด ทำให้เกิดเป็นหินรูปร่างแปลกตามากมาย หินบางก้อนดูคล้ายเครื่องบิน รองเท้าบู้ท มงกุฎ สิงโต จระเข้ก็มี ดูเพลิน ๆ แล้วแต่จินตนาการของแต่ละคน ลานมุจลินท์ (500 เมตร).เป็นลานหินขนาดใหญ่ หากเพื่อน ๆ มาในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม จะได้เจอกับ ทุ่งดอกหญ้าของพืชขนาดเล็ก เช่น สร้อยสุวรรณา หยาดน้ำค้าง หนาวเดือนห้า ดาวรวมดวง และดุสิตา แต่ถ้ามาช่วงอื่น เพื่อน ๆ ก็จะเจอลานหินโล่ง ๆ มีหญ้าแซมนิด ๆ สวยไปอีกแบบ บริเวณกลางลานสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำโขงได้ด้วยนะ ทุ่งดอกหญ้า (บานช่วงเดือนตุลาคมของทุกปี) ดอกทิพเกสรและดอกสร้อยสุวรรณา มีดอกมณีเทวา บานอยู่ในบริเวณเดียวกันด้วยนะ น้ำตกวังเดือนห้า (1000 เมตร) อยู่ทางด้านขวาของลานมุจลินทร์ เป็นน้ำตกขนาดเล็ก เกิดจากธารน้ำที่ไหลผ่านลานหินมุจลินท์ เป็นบ่อน้ำซับที่หล่อเลี้ยงพืชพันธุ์และสัตว์ป่าภายในอุทยาน ผาอูฐ (1000 เมตร) เป็นหน้าผาที่มีประติมากรรมหินรูปร่างคล้ายอูฐ เป็นจุดชมวิวที่ไม่เพียงมองเห็นผาผักหวาน และผาขี้หมูได้อย่างชัดเจนเท่านั้น แต่ยังสามารถมองเห็นภูถ้ำพระได้ในระยะไกลอีกด้วย น้ำตกภูถ้ำพระ (2000 เมตร) มีลักษณะเป็นหน้าผาสูง ในหน้าแล้งจะไม่มีน้ำ ด้านบนเป็นสถานที่ที่เรียกว่าภูถ้ำพระ มีตำนานเล่าว่าที่นี่เคยเป็นหมู่บ้านขอม ก่อนจะมีย้ายถิ่นหนีภัยธรรมชาติ ได้นำพระพุทธรูปที่นับถือไปเก็บไว้ที่ถ้ำแห่งนี้ ซึ่งมีทั้ง พระเงิน พระนาก พระทองคำ รวมไปถึงพระไม้จำนวนมาก น่าเสียดายที่ปัจจุบันพระพุทธรูปหายไปเยอะแล้ว เหลือแต่พระพุทธรูปที่แกะสลักด้วยไม้เท่านั้น ผาไทร (3,000 เมตร) เป็นหน้าผาสูง เป็นจุดชมวิวและชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยอีกจุดของภูผาเทิบ บริเวณทางลงหน้าผามีเพิงหินที่พิงกันอยู่ดูเป็นช่องแคบ สามารถเดินลอดผ่านได้จึงเรียกกันว่า “ถ้ำลอด” บริเวณนี้เป็นจุดที่ชาวบ้านเคยขุดพบเศษถ้วยชามและของโบราณ อัตราค่าบริการคนไทยผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาทชาวต่างชาติผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท.ค่าบริการพาหนะ/คันจักรยาน ฟรีจักรยานยนต์ 20 บาทรถยนต์ 4 ล้อ 30 บาทรถยนต์ 6 ล้อ 100 บาทรถยนต์ 6 ล้อขึ้นไป 200 บาท.*นักท่องเที่ยวชาวไทยลด 50 เปอร์เซ็นต์ วันจันทร์-วันศุกร์ ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์**บริเวณทางเข้าอุทยานมีบ้านพัก ช่วงนี้ไม่อนุญาติให้พักในอุทยานเนื่องด้วยสถานการณ์โควิด-19 จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น (สอบถามเมื่อ 20/01/64)***อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบได้รับตรามาตรฐานท่องเที่ยวปลอดภัยด้านสุขอนามัย (SHA) จากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และกระทรวงสาธารณสุขโดยกรมควบคุมโรค กรมอนามัย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว วันที่ 2.ห้าแยกมุกดาหาร.ที่นี่เป็นชุมชนชาวเวียดนามขนาดใหญ่ และเป็นตลาดอาหารเช้าที่ขึ้นชื่อของมุกดาหาร มีร้านอาหารที่ผสมผสานวัฒนธรรมอีสานและเวียดนามอยู่หลายร้าน ไม่ว่าจะเป็นข้าวเปียก ก๋วยจั๊บญวน ข้าวต้ม เลือดแปลง หมูยอ ไส้หมูลวกจิ้ม ฯลฯ โอย…หิว และแน่นอนกองทัพต้องเดินด้วยท้อง แอดเลยพาเพื่อน ๆ มาเริ่มต้นวันที่นี่ก่อน ที่ร้านข้าวเปียกห้าแยกนั่นเอง.ที่ตั้ง บริเวณห้าแยกชุมชนเวียดนาม ถ.พิทักษ์สันติราษฎร์ ต.ศรีบุญเรือง อ.เมือง จ.มุกดาหาร เวลาทำการ 6.00-10.30 น. หยุดทุกวันพุธโทร. 0 4261 2249 ข้าวเปียกที่นี่อร่อยสมคำร่ำลือจริง ๆ เส้นเหนียวนุ่ม น้ำซุปกลมกล่อมคล่องคอ หมูยอ ซี่โครงหมู นุ่มอร่อย เข้ากันไปหมด ที่สำคัญ ราคาถ้วยละ 20-30 บาทเท่านั้น (ใส่ไข่เพิ่ม 5 บาท) Simple Delicious มาก ๆ แต่ถ้ามาช้า ระวังปาท่องโก๋หมดนะ วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ จ.มุกดาหาร.เมื่อวานเราเข้าป่าไปแล้ว วันนี้แอดขอเปลี่ยนแนว พาไปท่องเที่ยวที่อิงกับคติความเชื่อของชาวพื้นถิ่นกันบ้าง ซึ่งที่แรกของวันนี้ก็คือ วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ติดปากว่า ภูมโนรมย์ นั่นเอง.เมื่อมาถึงแล้ว เพื่อน ๆ ต้องจอดรถไว้ที่ลานจอดรถด้านล่างของวัด ตรวจอุณหภูมิ ผ่านจุดคัดกรอง แล้วใช้บริการรถสองแถวของทางวัดขึ้นไป มีรถออกตลอด ค่ารถบริจาคตามกำลังศรัทธาที่ตู้บริจาค (ปัจจุบันห้ามนำรถส่วนตัวขึ้นทุกกรณี).เหตุผลที่ต้องใช้บริการรถสองแถวของทางวัด เนื่องจากทางขึ้นเป็นภูเขาชัน มีโค้งหลายจุด รถสวนกันยาก จึงต้องใช้คนพื้นที่ขับ ซึ่งคนขับรถจะมี วอ. คอยติดต่อกัน เพื่อแจ้งว่าขับถึงจุดไหนแล้ว เพราะฉะนั้น ปลอดภัยหายห่วงงง.ที่ตั้ง หมู่ที่ 5 ต.ศรีบุญเรือง อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหารเวลาทำการ 07.00

มุกดาหาร 2 วัน 1 คืน อ่านเพิ่มเติม

UP CLOSE AND PERSONAL WITH THE MEKONG AND NAGA IN MUKDAHAN

Mukdahan is the location of the Second Thai-Lao Friendship Bridge and directly opposite the Lao city of Savannakhet. It is a lovely province with unspoiled natural heritage, interesting culture and folk beliefs, especially those concerning the naga or mythical serpent known in Thai as Phaya Nak….

UP CLOSE AND PERSONAL WITH THE MEKONG AND NAGA IN MUKDAHAN อ่านเพิ่มเติม

5 แหล่งดำน้ำดูปะการังน้ำตื้น

คิดถึงทะเลกันไหม… แอดนั้นคิดถึงทะเลที่สุด คิดถึงน้ำทะเลใสๆ คิดถึงความสวยงามของแนวปะการัง คิดถึงฝูงปลาตัวเล็กตัวน้อยที่ว่ายล้อไปกับดอกไม้ทะเล ถ้าเพื่อน ๆ คิดถึงทะเล คิดถึงการดำน้ำตื้นเหมือนกัน แอดมีลิสต์ 5 แหล่งดำน้ำดูปะการังน้ำตื้นมาฝาก 1.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์.หากพูดถึงปะการัง การดำน้ำตื้น และโลกใต้ทะเลที่สวยงามอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย ต้องยกให้ “อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์” เป็นหนึ่งในลิสต์ เราสามารถไปเที่ยวแบบ One day trip เพื่อดำน้ำดูปะการังได้ แต่หากใครอยากใช้เวลาชิลล์ ๆ แบบไม่รีบร้อน ก็ค้างคืนได้ค่ะ บนอุทยานฯ มีศูนย์บริการสำหรับนักท่องเที่ยวและบ้านพัก.นักท่องเที่ยวขึ้นเรือได้ที่ท่าเรือคุระบุรี ใช้ระยะเวลาประมาณ 1.15 ชั่วโมง.เดือนน่าเที่ยว : เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายน.ฤดูการท่องเที่ยวปิดเตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน – 15 พฤษภาคม ของทุกปี.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงาโทร. 0 7647 2145 2.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน.เกาะสิมิลันหรือเกาะแปด เป็นเกาะขนาดใหญ่ที่สุดของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ขึ้นชื่อว่า มีน้ำทะเลที่ใสราวกระจกและหาดทรายขาวละเอียดที่สุดของเมืองไทย.สายดำน้ำห้ามพลาด เพราะที่นี่นับเป็นสวรรค์ของนักดำน้ำอีกแห่งเลยทีเดียว เพื่อน ๆ จะได้พบกับฝูงปลาหลากสีแวะเวียนว่ายมาทักทาย ปะการังที่สวยงาม และสัตวน้ำนานาชนิด เป็นหมู่เกาะที่อุดมสมบูรณ์มาก ๆ เลยทีเดียว.คำว่า “สิมิลัน” เป็นภาษายาวี แปลว่า เก้า ซึ่งหมายถึงเกาะทั้งเก้า ประกอบด้วย เกาะหูยง เกาะปายัง เกาะปาหยัน เกาะเมียง เกาะห้า เกาะปายู เกาะหัวกะโหลก(เกาะบอน) เกาะสิมิลัน(เกาะแปด) และเกาะบางู.นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นเรือได้ที่ท่าเรือทับละมุ ใช้ระยะเวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง.เดือนน่าเที่ยว : ช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤษภาคมในช่วง 1 พฤษภาคม – 31 ตุลาคมของทุกปี หมู่เกาะสิมิลันจะปิดเกาะเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติ.บ้านทับละมุ ถนนเพชรเกษม ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงาอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน โทร. 0 7642 1365 3.หมู่เกาะง่าม จังหวัดชุมพร.หมู่เกาะง่ามอยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร เป็นจุดที่สามารถดำได้ทั้งน้ำลึกและน้ำตื้น มีธรรมชาติที่สมบูรณ์มาก ทั้งปะการัง ดอกไม้ทะเล และฝูงปลามากมาย จุดไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาดำน้ำกันคือที่เกาะง่ามน้อย เดือนน่าเที่ยว : เดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม ซึ่งในช่วงนี้หากโชคดีอาจได้พบกับฉลามวาฬด้วยนะ.ตำบลหาดทรายรี อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพรอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร โทร. 0 7755 8144 4.เกาะหวาย จังหวัดตราด.ทะเลภาคตะวันออกก็สวยไม่แพ้ภาคใต้นะคะ เกาะหวาย ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง เป็นเกาะที่มีเเนวปะการังน้ำตื้นให้ดำดูได้อย่างเพลิดเพลิน และสวยงามไม่แพ้ที่ไหน ๆ รวมถึงมีสัตว์น้ำทะเลหายากต่าง ๆ ซึ่งไฮไลท์ที่ห้ามพลาด ก็คือปะการังสีน้ำเงินที่หายากนั่นเอง.สามารถขึ้นเรือได้ที่ท่าเทียบเรือบ้านบางเบ้า ใช้ระยะเวลาประมาณ 40 นาที.เดือนน่าเที่ยว : ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงปลายเดือนเมษายน.ตำบลเกาะช้างใต้ อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราดททท. สำนักงานตราด โทร. 0 3959 7259-60 5.เกาะแสมสาร จังหวัดชลบุรี.หากจะบอกว่า ทะเลสวย น้ำใส ปะการังดีก็ต้องไม่พลาดที่นี่ แถมใกล้กรุงเทพฯ ขับรถประมาณ 2 ชั่วโมงเราก็ได้ดำน้ำดูปะการังแล้ว.เกาะแสมสารอยู่ในการกำกับดูแลของพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติเกาะและทะเลไทย สามารถเที่ยวได้แบบ One day trip เท่านั้นไม่สามารถพักค้างได้ แต่แน่นอนว่าความอุดมสมบูรณ์ใต้ท้องทะเลก็สวยไม่แพ้ภาคใต้เลย นับว่าเป็นอีกแห่งที่เที่ยวงบหลักร้อย แต่ได้วิวหลักล้าน.สามารถขึ้นเรือที่ท่าเรือเขาหมาจอ ซื้อตั๋วได้ที่อาคารต้อนรับพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย (ไม่มีบริการจองตั๋วล่วงหน้า) ใช้เวลาเดินทางจากฝั่งไปยังเกาะแสมสารประมาณ 30 นาที.เดือนน่าเที่ยว : เที่ยวได้ทั้งปี.ตำบลช่องแสมสาร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรีโทร. 038 432 475, 038 432 473

5 แหล่งดำน้ำดูปะการังน้ำตื้น อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวอีสัน…ไปอีสาน

จังหวัดหนองคายเป็นอีกหนึ่งเมืองรองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และประเพณีของไทย-ลาวอยู่มาก แต่ถึงอย่างนั้น สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติก็สวยงามไม่แพ้กัน จนแอดอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้ลองไปสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง การเดินทางขึ้นไปที่ภูห้วยอีสันไม่สามารถใช้รถยนต์ส่วนตัวขึ้นไปได้ เพราะว่าทางขึ้นสูงและชันมาก เพื่อน ๆ สามารถใช้บริการรถอีแต๊กได้ โดยจุดบริการรถอีแต๊กจะอยู่ที่อบต.บ้านม่วง และมีค่าบริการคนละ 60 บาท (ไป-กลับ) .ในการชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอก แนะนำให้มาขึ้นรถอีแต๊กเวลาประมาณ 05.00 น. เพราะระยะทางจากจุดขึ้นรถไปถึงภูห้วยอีสัน ใช้เวลาประมาณ 45-50 นาที ภูห้วยอีสัน เป็นจุดชมวิวเล็ก ๆ บนเขา สามารถมองเห็นลำน้ำโขง และภูเขาขนาดใหญ่ของฝั่งไทยและฝั่งลาว นอกจากนี้ ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุดของจังหวัดหนองคาย นอกจากจะได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว ไฮไลท์สำคัญของที่นี่คือการมาชมทะเลหมอก ซึ่งสามารถชมได้ในช่วงฤดูหนาว.แอดเดินทางไปช่วงเดือนปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา บนภูอากาศดีมาก มีหมอกให้ชมบ้างเล็กน้อย ซึ่งก็ถือว่าไม่เสียเที่ยวที่ได้มาชมวิวสวย ๆ บนภูแห่งนี้ ห่างจากลานชมวิวออกไปไม่ไกล จะมีจุดชมวิวอีกจุดหนึ่ง ซึ่งมีสะพานไม้ยื่นออกไปจากหน้าผา.เพื่อน ๆ สามารถมองเห็นวิวที่กว้างกว่าลานด้านล่างได้จากจุดนี้ และยังเป็นจุดที่มองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นได้ใกล้ที่สุดอีกด้วย สำหรับใครที่ชอบท้าทายความสูง แอดขอชวนให้มาเล่นชิงช้าตรงนี้เลย.แอดลองเล่นแล้ว ทั้งสนุกและได้เห็นวิวในมุมที่ต่างจากการดูวิวแบบทั่วไปแน่นอน  หากเพื่อน ๆ จะเดินทางไปในช่วงหน้าฝน แนะนำว่าให้เช็คสภาพอากาศก่อน เพราะถ้าในวันนั้นฝนตก จะงดให้บริการรถขึ้นไปบนภูห้วยอีสัน . ภูห้วยอีสัน .ตำบลบ้านม่วง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคายเปิดให้บริการทุกวัน เวลา 04.00 น.โทร. 0 4241 4871, 09 6068 2362, 08 7219 5500

เที่ยวอีสัน…ไปอีสาน อ่านเพิ่มเติม

สปาโคลนร้อน ชุมชนท่องเที่ยวบ้านโคกไคร : พังงา

ชุมชนบ้านโคกไคร หมู่บ้านเล็ก ๆ ในอำเภอทับปุด จังหวัดพังงา มีเขาหมูกโครง (เขาจมูกคน) สัญลักษณ์ในพื้นที่ตั้งตระหง่าน และมีคลองมะรุ่ยไหลผ่านเป็นเขตแดนระหว่างอำเภอทับปุด จังหวัดพังงา กับอำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่นั่นเอง . กิจกรรมท่องเที่ยวหลัก ๆ ของชุมชน คือ การทำสปาโคลนธรรมชาติซึ่งเป็นโคลนร้อนที่สะอาดบริสุทธิ์ รวมทั้งมีแร่ธาตุต่าง ๆ สามารถพอกได้ทั้งใบหน้าและลำตัวเลยค่ะ อ้อ!! สปาโคลนที่นี่ต้องนัดหมายล่วงหน้าเท่านั้นนะคะ ซึ่งในเดือนนึงเราสามารถทำสปาโคลนได้ไม่กี่วันเท่านั้น ขึ้นอยู่กับเวลาน้ำขึ้น-น้ำลง สามารถเช็คตารางปฏิทินในแต่ละเดือนกับทางชุมชนได้เลยค่ะ . อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญคือ การทำประมงพื้นบ้าน เมื่อเราเดินทางไปถึงหมู่บ้าน เราจะสังเกตเห็นกระชังเรียงรายบริเวณท่าเรือ มีตั้งแต่หอยตลับ ธนาคารปู และพระเอกของชุมชนนั่นก็คือ “หอยนางรม” ซึ่งที่นี่ถือว่าเป็นแหล่งเลี้ยงหอยนางรมที่สำคัญของประเทศเลยทีเดียว เราออกจากที่พักในอำเภอเมืองพังงากันตั้งแต่เช้า ให้ทันนัดหมายกับคุณสมพร (ประธานกลุ่มท่องเที่ยวบ้านโคกไคร) เพื่อลงเรือที่หมู่บ้านกันตอน 6 โมงเช้า ก่อนลงเรือเราได้ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข โดยมีการเช็คอุณหภูมิร่างกายและการแสกน QR Code ไทยชนะ เพื่อเช็คอินเข้าสู่ชุมชน พอฟ้าเริ่มสว่าง พวกก็เราลงเรือเพื่อไปยังจุดที่ทำสปาโคลนกัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที ระหว่างทางได้ชมบรรยากาศ 2 ฝั่งคลองมะรุ่ย มีหมอกปกคลุม อากาศเย็นสบายมากกก และแล้วเราก็เดินทางมาถึงบริเวณหาดทรายร้อน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่น้ำทะเลลดพอดี โดยมีบังอิ๊บ ไกด์ชุมชนเป็นวิทยากร.บังอิ๊บแนะนำให้เราถอดรองเท้าเดินสัมผัสพื้นทรายและหมักโคลนร้อนที่เท้า เพื่อให้รู้สึกผ่อนคลาย พร้อมกับเล่าว่าบริเวณนี้เป็นรอยเลื่อนคลองมะรุ่ย ซึ่งเป็นรอยเลื่อนของเปลือกโลกที่ยังคงปล่อยพลังงานอยู่ ทำให้มีความร้อนขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และเราก็ได้มาซึ่งแฟชั่นรองเท้าบู๊ทแห่งบ้านโคกไคร หลังจากหมักโคลนที่เท้าให้ได้สัมผัสความร้อนกันแล้ว เราก็มาพอกตัวกันต่อค่ะ แต่โคลนที่ใช้พอกตัวจะเป็นคนละจุดกับที่เราหมักเท้าไปเมื่อสักครู่ค่ะ.โดยโคลนที่พอกตัวจะนำมาจากบ่อโคลน ที่อยู่ลึกลงไปประมาณ 1 เมตร มีความสะอาดบริสุทธิ์ หากเราต้องการเลือกพอกเฉพาะหน้า แขน หรือขา ก็สามารถแจ้งพี่เจ้าหน้าที่ได้ โดยทางชุมชนจะมีผ้าให้เปลี่ยนค่ะ พอกโคลนเสร็จแล้วเราก็มานั่งพักเพื่อให้โคลนแห้ง ระหว่างนั้นก็จิบชาใบขลู่ ซึ่งเป็นสมุนไพรขึ้นชื่อของที่นี่ และทานขนมที่ทางชุมชนบริการให้ถึงที่.พร้อมเพลิดเพลินกับบรรยากาศที่เงียบสงบ เป็นส่วนตัว เพราะมีกลุ่มเราแค่กลุ่มเดียว เรียกว่าการบริการของเจ้าหน้าที่ชุมชนที่นี่ ไม่แพ้โรงแรม 5 ดาวเลยค่ะ เสร็จจากการพอกโคลนแล้ว กิจกรรมของเราก็ยังไม่จบเพียงเท่านี้ค่ะ อย่างที่บอกไปว่าอาชีพดั้งเดิมของที่นี่คือประมงพื้นบ้าน ซึ่งหนึ่งในก็นั้นคือ หอยนางรม แน่นอนค่ะ!! เราก็ต้องไม่พลาดที่จะชิมหอยนางรมของที่นี่.โดยเค้ามีการสอนวิธีทานตามแบบฉบับบ้านโคกไครด้วย บอกเลยว่าสดและฟินมากกก!!! แอดให้คะแนน 10/10 ไม่หักเลยค่ะ อิอิ ก่อนกลับยังมีผลิตภัณฑ์ของชุมชนให้ได้เลือกซื้อ เช่น ชาใบขลู่ ที่เป็นสมุนไพรท้องถิ่น และสครับจากเปลือกหอยนางรม สามารถซื้อติดไม้ติดมือกลับไปฝากคนที่บ้าน เป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชนด้วยน้า.บ้านโคกไครหมู่ที่ 1 ตำบลมะรุ่ย อำเภอทับปุด จังหวัดพังงาเช็คตารางวันที่และราคาทำกิจกรรมได้ที่คุณสมพร สาระการ (ประธานชุมชนบ้านโคกไคร) โทรศัพท์ 087 886 0465

สปาโคลนร้อน ชุมชนท่องเที่ยวบ้านโคกไคร : พังงา อ่านเพิ่มเติม

1 วัน @ ตลาดน้อย

ว่างหนึ่งวันไปไหนดี? คำถามนี้ยากพอ ๆ กับวันนี้กินอะไรดีเลยใช่ไหมล่ะ? . วันนี้แอดจะพาเพื่อน ๆ ไปเดินเล่นที่ “ตลาดน้อย” ย่านการค้าและชุมชนจีนเก่าแก่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ปัจจุบันย่านนี้ยังคงความเก๋าสมกับเป็นย่านที่รุ่งเรืองในอดีต แถมตอนนี้ยังมีความเก๋ของภาพสตรีทอาร์ตที่ซ่อนอยู่มากมาย ยิ่งใครชอบถ่ายภาพด้วยกล้องฟิล์ม หรือชอบถ่ายรูปแนว Street Art ล่ะก็ รับรองต้องถูกใจแน่นอน ที่สำคัญเดินทางง่ายด้วย เหมาะจะเป็นทริปหนึ่งวันเป็นอย่างยิ่ง #TravelLikeaLocal 1 วัน @ ตลาดน้อย  1.เป็ดตุ๋นเจ้าท่า2.ศาลเจ้าโรงเกือก3.โซวเฮงไถ่4.ศาลเจ้าโจวซือกง5.ขาหมูแช่เย็น6.ธนาคารไทยพาณิชย์7.โบสถ์กาลหว่าร์ . การเดินทางไปตลาดน้อย (ซอยเจริญกรุง 22).1.รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ลงสถานีหัวลำโพงจากนั้น ต่อรถแท็กซี่, ตุ๊กๆ มาที่ซอยเจริญกรุง 222.รถไฟฟ้า BTS สถานีวงเวียนใหญ่ จากนั้นต่อรถสาธารณะมาที่ ซอยเจริญกรุง 223.รถประจำทาง สาย 1 , 35 ,75 ลงตลาดน้อย สาย 36, 93 ลงสี่พระยา เดินมาอีกนิด.ไม่แนะนำให้นำรถส่วนตัวมาเพราะค่อนข้างหาที่จอดรถยาก  แอดเริ่มต้นทริปที่ซอยเจริญกรุง 22 หากเพื่อน ๆ ไม่อยากเดิน สามารถเช่าจักรยานได้ที่ร้าน lofitel 22 ตรงหน้าปากซอยเลย แต่วันนี้แอดจะพาเพื่อน ๆ เดินนะ เพราะแต่ละจุดที่แอดจะพาไปไม่ไกลกัน แถมระหว่างทางยังมีจุดให้ถ่ายรูปเต็มไปหมด รับรองว่า เดินเพลินแน่ ๆ.ภายในซอย เป็นซอยค่อนข้างเล็ก แต่เพราะความเล็กนั่นแหละที่ทำให้แอดรู้สึกเชื่อมโยงกับบรรยากาศในอดีตได้ไม่ยาก แม้บางตึกจะมีการรีโนเวทใหม่ก็ตาม แต่ตลอดสองฝั่งส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นตึกแถวเก่าแก่เรียงรายไปตลอดทาง ดู ๆ ไปเหมือนเข้าไปอยู่ในละครแนวพีเรียตเลยล่ะ เป็ดตุ๋นเจ้าท่า.เริ่มต้นที่แรกด้วยร้านดังประจำย่านนี้ “เป็ดตุ่นเจ้าท่า” ร้านนี้เปิดขายมากว่า 40ปีแล้ว บอกได้เลยว่าร้านนี้เด็ดจริง น้ำซุปกลมกล่อม เนื้อเป็ดนุ่มไม่เหนียว เครื่องในสะอาดไม่มีกลิ่น ชอบมาก ๆ ร้านนี้มีทั้งเมนูเส้นและเมนูข้าว แต่ที่ถูกใจแอดที่สุดเห็นจะเป็น “ก๋วยเตี๋ยวแห้งเส้นเป๊าะ”(เหมือนเส้นหมี่ แต่ใหญ่กว่า) อร่อยเต็มปากเต็มคำจนอยากให้เพื่อน ๆ ได้มาลองบ้างจริง ๆ . ที่ตั้ง: ตลาดน้อย ซอยวานิช2 (ซอยกรมเจ้าท่า) แขวง ตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน เวลา 8.30-15.00น. (หยุดวันอาทิตย์)โทร. 0 2233 2541 กินอิ่มแล้ว เราจะเดินไปเที่ยวต่อที่ฝั่งตรงข้าม นั่นคือ “ตรอกศาลเจ้าโรงเกือก” ในตรอกนี้มีมุมสวย ๆ ให้ถ่ายรูปเยอะมาก ไม่ใช่แค่งานที่จัดแสดงให้ดูนะที่สวย แสงและเงาตามกำแพงก็สวยไม่แพ้กัน แนะนำเลยว่าห้ามพลาด ศาลเจ้าโรงเกือก.เดินจนสุดทางก็จะเจอศาลเจ้าโรงเกือก (ศาลเจ้าพ่อฮ้อนหว่องกุง) ที่นี่อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ที่มีมาแต่สมัยรัชกาลที่ 5 จนปัจจุบันก็ยังสวยอยู่ แอดว่ายิ่งเวลาผ่านไปความเก่าแก่ที่เพิ่มขึ้นก็ยิ่งเป็นการเพิ่มเสน่ห์ มีมุมสวย ๆ ให้ถ่ายรูปและเดินชมอยู่ไม่น้อยเลย คนดูแลที่นี่บอกว่า เริ่มจากพ่อค้าชาวจีนฮากกา (จีนแคะ) ได้เชิญองค์เจ้าพ่อฮ้อนหว่องกุงจากเมืองจีนมาประดิษฐานไว้เมื่อกว่า 100 ปีที่แล้ว ก่อนที่จะสร้างเป็นศาลเจ้าอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ยิ่งในวันตรุษจีนจะคึกคักเป็นพิเศษ จะมีการตั้งโต๊ะไหว้เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยะ (เทพเจ้าแห่งโชคลาภ) ใครสนใจจะมาไหว้ก็ซื้อของไหว้รวมไปถึงเครื่องกระดาษต่าง ๆ มาไหว้ได้เลย.ที่ตั้ง: ตรอกศาลเจ้าโรงเกือก ซอยวานิช 2 ตลาดน้อย แขวง ตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน เวลา 7.00 – 17.00 น. โซวเฮงไถ่ (ร้านกาแฟ+โรงเรียนสอนดำน้ำ).เดินตามทางมาไม่ไกล ก็จะเจอกับบ้านโซวเฮงไถ่ (บ้านนี้มีชื่อเรียกหลายชื่อ คนแถวนี้เรียก บ้านดวงตะวัน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักเรียกว่าบ้านจีนโบราณ บ้านเก๋งโบราณ) ที่นี่จะเป็นบ้านจีนสไตล์โบราณ มีผังเป็นรูปตัวยู ถ้าพูดด้วยภาษาปัจจุบันก็คือ จะมีคอร์ตยาร์ต (COURTYARD) กลางบ้านเป็นสระ เอาไว้ดำน้ำ (ลูกชายเจ้าของบ้านชอบดำน้ำมาก จึงสร้างสระว่ายน้ำไว้กลางบ้าน และเปิดเป็นโรงเรียนสอนดำน้ำ) แล้วเก๋งจีนที่นี่ก็มีอายุเก่าแก่กว่า 200 ปีเลย สวยข้ามกาลเวลาจริง ๆ หลังจากสั่งเครื่องดื่มแล้ว เพื่อน ๆ สามารถขึ้นไปเดินชมบนตัวบ้านได้เลย แอดอดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ เพราะข้าวของทุกอย่างเป็นของเก่าจริง ๆ และสวยมาก ๆ เหมือนฉากในหนังเลยล่ะ ที่สำคัญคือ ควรเดินด้วยความระมัดระวังและสำรวมกันด้วยนะ เพราะที่นี่ยังคงเป็นบ้านที่อยู่อาศัยของเจ้าของบ้าน บริเวณไหนเป็นพื้นที่ส่วนตัวหรือห้ามเข้า ก็ปฏิบัติตามกันกฏด้วยน้าาา.ที่ตั้ง: ซอย วานิช 2 แขวง ตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน เวลา 9.00-17.00น. (หยุดวันจันทร์)โทร. 08 0218 7000  ถัดจากบ้านโซวเฮงไถ่เล็กน้อยก็จะเจอจุดมหาชนนิยมถ่ายรูปอีกแล้ว นั่นก็คือ รถเต่าสีส้มนั่นเอง รถคันนี้ จอดอยู่ริมกำแพงอิฐเก่าเกือบสุดซอย เอาจริง ๆ แอดอดคิดไม่ได้ว่าใครกันที่เป็นคนขับรถเต่าสีส้มแบบนี้บนท้องถนนในอดีต ต้องเป็นคนจ๊าบแน่เลย…ว่าไหม? ใครเป็นทาสแมว เตรียมใจไว้เลย ระหว่างทางมีน้องงงอยู่เต็มไปหมด ไม่รู้จะชมตึกหรือชมแมวก่อนดี ศาลเจ้าโจวซือกง.เผลอแป๊บเดียวก็เดินมาถึง ศาลเจ้าโจวซือกง ที่นี่เป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดของชาวจีนฮกเกี้ยนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย (สร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.2347) ด้านในศาลเป็นที่ประดิษฐานของพระเซ่งจุ๊ยจ้อซือ และเทพเจ้าอื่น ๆ ที่ชาวจีนนับถือ เช่น พระไทจื่อเอี๋ย เจ้าพ่อกวนอู เจ้าพ่อเสือ และสามสิบหกเทพเจ้า ด้านหน้าของที่นี่เป็นแม่น้ำเจ้าพระยา อากาศดีมากเลย ขอบอก อ๊ะ ๆ อย่าลืมแวะไปขอพรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกศาลที่อยู่ริมน้ำนะ ภายในจะประดิษฐานเจ้าแม่ทับทิม ไฉซิ้งเอี้ย (เทพเจ้าแห่งโชคลาภ) และไต่เซี้ยฮุกโจ้ว (เห้งเจีย) ได้ข่าวว่ามีคนมาขอเรื่องการงานแล้วสำเร็จตามใจหวังกันเยอะเลย ศาลเจ้าแห่งนี้นอกจากการเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวจีนแล้ว ยังมีคุณค่าทางศิลปกรรม สถาปัตยกรรมอีกด้วย ทั้งรูปแบบศิลปะลายปูนปั้น และการวางผังอาคาร ยังคงรักษารูปแบบสมัยราชวงศ์ชิงไว้อย่างเด่นชัด ปัจจุบันอยู่ภายใต้การดูแลของสมาคมฮกเกี้ยนแห่งประเทศไทย แอดประทับใจลายปูนปั้นมาก สวยมากจริง ๆ.ที่ตั้ง:

1 วัน @ ตลาดน้อย อ่านเพิ่มเติม

ศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ จ.ชุมพร

ศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ตั้งอยู่บริเวณหาดทรายรี สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานของพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ องค์บิดาของทหารเรือไทย หรือที่ผู้คนเรียกกันว่า “เสด็จเตี่ย” ผู้ซึ่งเป็นที่เคารพศรัทธาของเหล่าทหารเรือ รวมทั้งประชาชนทั่วไป.อนุสรณ์สถานประกอบด้วยศาลหลังเก่าอยู่ทางด้านล่าง ใกล้กับเรือรบหลวงชุมพร ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระตำหนักที่พระองค์สิ้นพระชนม์ และศาลหลังใหม่ที่สร้างขึ้นบนเนินเขา โดยจำลองให้เป็นเรือรบหลวงพระร่วงและมีศาลตั้งอยู่บนเรือ บริเวณนี้เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของหาดทรายรีที่เป็นเวิ้งสวยงาม พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับเจ้าจอมมารดาโหมด ประสูติเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2423 เป็นเจ้านายพระองค์แรกที่ได้เสด็จไปทรงศึกษาวิชาการทหารเรือยังต่างประเทศ โดยหลังจากสำเร็จการศึกษาจากประเทศอังกฤษแล้ว ได้ทรงกลับมาวางรากฐานและพัฒนาปรับปรุงกิจการทหารเรือสยามให้เจริญก้าวหน้า.ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น ได้ทรงศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณอย่างจริงจัง จนสามารถรักษาโรคได้ จึงทรงรับรักษาผู้ป่วยในนาม “หมอพร” โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ.ภายหลังได้ทรงกลับเข้ารับราชการอีกครั้ง และทรงเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานเรื่อยมา จนได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงทหารเรือ แต่หลังจากกราบบังคมลาเพื่อมาประทับรักษาพระองค์ ณ หาดทรายรี พระองค์ก็ประชวรด้วยพระโรคไข้หวัดใหญ่และสิ้นพระชนม์ที่พระตำหนักบริเวณหาดทรายรี เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2466  สำหรับวันนี้แอดจะพาเพื่อน ๆ ไปชมศาลหลังใหม่กัน ซึ่งศาลหลังนี้ดูเผิน ๆ ก็เหมือนตั้งอยู่บนพื้นดินธรรมดา แต่ที่จริงแล้วบริเวณนี้คือเรือรบหลวงพระร่วงจำลอง โดยหัวเรือจะอยู่ด้านหน้าของศาล มีการสร้างปืนใหญ่และเสากระโดงเรือไว้ด้วย.ซึ่งจากสถานการณ์ไวรัสโควิด 19 ในปัจจุบัน ก่อนที่นักท่องเที่ยวจะเข้ามาสักการะภายในศาลก็ต้องผ่านการลงทะเบียนและตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายที่เต็นท์ด้านหน้าก่อน  หลังจากผ่านการตรวจเรียบร้อยแล้ว เราก็เข้ามาด้านในกัน โดยก่อนที่จะเข้าไปสักการะพระรูปของกรมหลวงชุมพรฯ ด้านในศาล ทางด้านหน้าก็จะเป็นจุดให้เรานำเครื่องสักการะมาถวาย ซึ่งมีทั้งดอกกุหลาบแดง พวงมาลัยดอกมะลิ หมากพลู และยังสามารถจุดประทัดถวายได้ด้วย ซึ่งตอนแอดไป ก็ได้ยินเสียงจุดประทัดแก้บนอยู่ตลอดเวลาเลย  ซึ่งช่วงนี้ทางศาลฯ ไม่อนุญาตให้เรานำดอกกุหลาบมาสักการะเอง เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการสัมผัส โดยนักท่องเที่ยวสามารถซื้อพานกุหลาบที่ทางศาลฯ จำหน่ายมาถวายได้ ราคาพานละ 50 บาท  บริเวณหัวเรือซึ่งหันหน้าออกสู่ทะเล เป็นจุดที่เราสามารถชมทิวทัศน์ของหาดทรายรีได้อย่างสวยงาม ถึงแม้แดดจะแรงไปนิด แต่ก็มีลมเย็น ๆ ช่วยคลายร้อนอยู่ตลอดเวลาเลย . ศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หาดทรายรี ตำบลหาดทรายรี อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพรเปิดทุกวัน เวลา 06.30-19.00 น.

ศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ จ.ชุมพร อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top