Let’s go to ภูสอยดาว : 569 กิโลเมตร จากบ้านไปดูดอกหงอนนาคที่ลานสน

ภูสอยดาว ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว เป็นยอดเขาที่สูงอันดับ 4 ของประเทศ โดยยอดสูงสุดของภูสอยดาวมีความสูง 2,102 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง

✳ ช่วงหน้าฝน (กรกฎาคม-ตุลาคม) : สามารถเดินขึ้นไปถึงลานสน และไปดูดอกหงอนนาคได้ โดยดอกหงอนนาคจะบานในช่วงหน้าฝนเท่านั้น และจะออกดอกเยอะที่สุดในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน

✳ ช่วงหน้าหนาว (พฤศจิกายน-มกราคม) : สามารถเดินขึ้นไปถึงลานสน ไปดูดาว ดูดอกกระดุมเงิน กล้วยไม้รองเท้านารีอินทนนท์ และใบเมเปิลที่จะเปลี่ยนเป็นสีแดง และเดินขึ้นยอดสูงสุดของภูสอยดาวได้

⭐อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว⭐

“เราจะซิ่งไปด้วยกัน”

การเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ถ้าให้แอดพิมพ์อธิบายมันก็จะค่อนข้างยาวสักหน่อย เอาเป็นว่า แอดขอแปะลิงค์แผนที่ไว้ให้แทนละกันนะคะ >>https://goo.gl/maps/e8qDnhAr8Jw

สามารถเปลี่ยนจุดเริ่มต้นได้ตามใจชอบเลยค่ะ

เมื่อถึงที่ทำการอุทยานฯ เราต้องไปติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อลงทะเบียนก่อน

✳ถ้าไม่ได้นำเต็นท์ เครื่องนอน และอุปกรณ์ทำอาหารมาเอง สามารถมาเช่าได้ที่นี่ โดยเจ้าหน้าที่จะจดรายการสิ่งของที่เราเช่าเอาไว้ แล้วค่อยขึ้นไปรับของที่ลานสน

✳ถ้าใครแบกสัมภาระทั้งหมดไม่ไหว (แค่เดินให้ถึงก็แย่แล้ว 

สิ่งแรกที่เราจะพบก่อนขึ้นไปยังภูสอยดาวก็คือ น้ำตกภูสอยดาว เป็นน้ำตก 5 ชั้น มีน้ำไหลตลอดปี
.
เอ้า!! เริ่มเดินกันเถอะ แอดและเพื่อนอีก 2 คน เริ่มเดินตอนเที่ยงกว่าๆ ซึ่งถือว่าค่อนข้างช้า ในใจเริ่มหวั่นแล้วว่าจะถึงกี่โมงกันเนี่ย

ช่วงแรกๆ จะเป็นป่าดิบชื้น มีต้นไม้ค่อนข้างสูง สลับกับพื้นที่โล่งมีลำธารน้ำไหล

✳ จะขึ้นไปถึงลานสนสามใบได้ ต้องฝ่าฟันเนินทั้ง 5 เนินไปให้ได้ ได้แก่ เนินส่งญาติ เนินปราบเซียน เนินป่าก่อ เนินเสือโคร่ง และเนินมรณะ

✳ กว่าจะถึงเนินแรก “เนินส่งญาติ” ก็เริ่มหอบแล้ว ระหว่างทาง แอดก็เดินไป พักกินข้าวเหนียวไก่ย่างที่หอบหิ้วมาด้วยไปพลางๆ

❓ ถามว่าเนินไหนเดินเหนื่อยที่สุด แอดตอบเลยว่าเหนื่อยทุกเนิน 

ในที่สุดก็มาถึงเนินสุดท้าย แค่เห็นชื่อก็ขาสั่นแล้ว “เนินมรณะ” เป็นทางเดินแคบและชัน ต้องใช้กำลังขาในการปีน แนะนำว่าให้เดินเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบ จะได้ไม่เหนื่อยมากค่ะ

ระหว่างที่แอดกำลังเดิน ก็มีลูกหาบที่เดินสวนลงมาคอยให้กำลังใจเป็นระยะๆ

ในที่สุดก็มาถึงลานสนแล้ว แต่ยังไม่ถึงจุดกางเต็นท์นะคะ (คุณหลอกดาว 

ในที่สุดก็ถึงจุดกางเต็นท์ค่ะ พอถึงตรงนี้ให้ทุกคนไปติดต่อเจ้าหน้าที่เรื่องเต็นท์และสัมภาระต่างๆ

✳จะเช่าอุปกรณ์ทำอาหาร ขัน ถังน้ำ สามารถเช่าได้ที่จุดนี้เลย แล้วค่อยไปจ่ายเงินด้านล่าง หลังจากลงจากเขาค่ะ

✳ ข้างบนนี้มีห้องน้ำแยกชาย-หญิง ถ้าจะอาบน้ำ ต้องตักจากลำธารใกล้ๆ มาอาบ ส่วนน้ำสำหรับดื่ม จะมีแท็งก์น้ำแยกไว้โดยเฉพาะค่ะ

บรรยากาศที่ลานสนค่อนข้างคึกคัก แต่ละคนไม่มีใครยอมใคร นำอาหารสดขึ้นมาปรุงบนเขากันอย่างสนุกสนาน เต็นท์ตรงข้ามแอดมีหมูกระทะ ส่วนข้างๆ มีกุ้งเผา เบคอนย่าง ส่วนแอด…ไม่ไหวแล้ว เดินเหนื่อยมาก ขออะไรก็ได้ที่ได้กินเร็วๆ 

หมดแรงจะเดิน ก็หมดแรงจะทำอาหารด้วย แนะนำสำหรับผู้ที่ไม่อยากทำอะไรให้ยุ่งยาก พกอาหารซองสำเร็จรูปขึ้นไปเลยค่ะ แค่จุ่มซองในน้ำร้อน รอจนอาหารร้อนก็ทานได้แล้ว คิดดูไฮโซแค่ไหนมานั่งทานสปาเก็ตตี้บนภูเขา

หลังจากนอนพักเอาแรงจนเต็มอิ่ม ตอนเช้าถ้าใครตื่นไหว สามารถไปดูพระอาทิตย์ขึ้นได้ค่ะ แต่แอดตื่นไม่ทัน ก็เลยเดินเล่นแถวๆ จุดกางเต็นท์ ไปยืนดูวิวภูเขาและสายหมอกแทน

และไฮไลท์ของทริปนี้ก็คือ ดอกหงอนนาค ที่เราอุตส่าห์ปีนป่ายเขาขี้นมาตั้ง 6.5 กิโลเมตรเพื่อมาชม ซึ่งก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ดอกหงอนนาคขึ้นกันอย่างหนาแน่น บานจนเต็มทุ่ง ได้รูปสวยๆ กลับบ้านกันอย่างจุใจ

✳ ดอกหงอนนาคจะบานในช่วงสาย ประมาณ 9 โมงไปจนถึงเที่ยงวัน

เรามุ่งหน้าไปทางอำเภอบ้านโคก จังหวัดอุตรดิตถ์ ใช้ทางหลวงชนบทหมายเลข 1268 ผ่านตำบลมะม่วงเจ็ดต้น จากนั้นใช้ทางหลวงชนบทหมายเลข 1241 ผ่านตำบลบ่อเบี้ย จากนั้นตัดเข้าทางหลวงชนบทหมายเลข 1083 ผ่านอุทยานแห่งชาติศรีน่าน อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน โดยเส้นทางจะเป็นทางขึ้น-ลงเขา และโค้งเยอะมาก ถ้าใครจะวิ่งเส้นทางนี้ ต้องขับอย่างระมัดระวังด้วยนะคะ 
จากนั้น เราผ่านตัวอำเภอนาน้อย และถึงจุดหมายปลายทางที่ชายทุ่ง โฮมสเตย์ อำเภอนาหมื่น ซึ่งใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงในการเดินทาง

อำเภอนาหมื่นเป็นอำเภอที่เงียบสงบมาก เหมาะกับการมาพักผ่อนอย่างแท้จริง และวิวทุ่งนาเขียวขจี บริเวณหน้าที่พัก ก็ทำให้พวกเราฟินสุดๆ ถือเป็นการจบทริปอย่างอิ่มเอมใจ 

Scroll to Top