หน้าร้อนอีกแล้ว ร้อนอย่างนี้ ต้อง ไป … ทะเล คิดถึงน้ำสีฟ้าใส หาดทรายขาวเนียนตา เม็ดทรายนุ่มเท้า ลมพัดเย็นสบาย แสงแดดสดใส ด้วยความชื่นชอบในท้องทะเลสีครามมากเป็นพิเศษ จึงวางแผนท่องเที่ยวล่วงหน้า จองตั๋วเครื่องบินในราคาสบายกระเป๋า กับสายการบินแอร์เอเชีย ราคา 0 บาท (ราคานี้ ไม่รวมภาษีสนามบินนะ ^ ^ ) ความตื่นเต้นเริ่มต้นเมื่อเครื่องออกทะยานสู่ท้องฟ้า จากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เที่ยวบินที่Fd 3023 เวลา เจ็ดโมงสิบนาที ใช้เวลาประมาณ 1ชั่งโมงครึ่ง เจ้านกเหล็กก็บินพาเรามาถึงเกาะแห่งมนต์เสน่ห์ ภูเก็ต
asdfasdf -*-
เมื่อถึงที่หมาย แผนการเดินทางที่เตรียมไว้ก็เริ่มต้นขึ้น เราไปรับรถที่จองไว้กับบริษัทให้เช่า แล้วขับออกจากสนามบิน มุ่งหน้าไปที่ทางหลวงหมายเลข 402 เมื่อถึงทางหลวงแล้วขับเลี้ยวไปทางซ้ายมือ จะพบทางโค้ง ให้สังเกตป้าย บ้านคอเอน อยู่ทางขวามือ ให้กลับตัวรถแล้วขับย้อนกลับไป ตรงช่วงทางโค้งนี่เอง จะมีป้าย ท่าเรือ Yacht Heaven เลี้ยวเข้าไปตามเส้นทางเล็กๆนี้ ผ่านชุมชนบ้านคอเอน เรารู้สึกได้ถึงความสงบของชุมชนแห่งนี้ อาจเป็นเพราะว่า ชุมชนนี้อยู่ทางตอนบนของเกาะ ความวุ่นวายจึงไม่มีให้ได้เห็นและสัมผัส ขับรถต่อไปสักพัก ก่อนลงเนินเขา จะมีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นท่าจอดเรือ Yacht Heaven ทั้งหมด ยิ่งทำให้รู้สึกอยากลงไปดูใกล้ๆเข้าไปอีก ระยะทางจากสนามบินถึงท่าเรือประมาณ 3-4 กิโลเมตร
ที่นี้เป็นท่าจอดเรือของเอกชน ที่ซ่อนตัวอย่างสงบอยู่บริเวณแหลมพร้าว บริเวณท่าเรือที่แสนกว้างใหญ่ มีเรือมากมายจอดหลบคลื่นลมอย่างสงบ มองไปแล้วเหมือนรู้สึกเข้าไปอยู่ในภาพยนตร์ฝรั่ง ที่มีเรือยอร์ชลำเล็กใหญ่ จอดอยู่เป็นฉากเบื้องหลัง
การเข้าไปเดินชมต้องขออนุญาตก่อนเข้าไป แต่ไม่ยุ่งยากอะไร แค่ไปเขียนชื่อลงทะเบียนไว้ที่ทำการของทางท่าเรือ ก็สามารถเข้าไปเดินชมได้แล้ว เราพากันเดินทอดน่อง ชมเรือไปเรื่อยเปื่อย ปราะหนึ่งว่าเรามีเรือส่วนตัวของเราจอดไว้ด้วย 555 เมื่อได้เข้าไปมองดูใกล้ๆ เรายิ่งรู้สึกถึงความสวยงามของเรือ แม้จะจอดนิ่งสงบก็ตามที และยังมีวิวสวยๆให้ถ่ายภาพอีกด้วย
หลังจากออกมาจากท่าเรือแล้ว เราได้ขับรถมาตามเส้นทางหลวง 402 อีกครั้ง มุ่งหน้าไปทางเข้าเมือง เพื่อเข้าพักยังโรงแรมที่เราได้ จองไว้ โรงแรมภูคีตาคือที่พักของเราในค่ำนี้ โรงแรมนี้อยู่ติดกับถนนใหญ่ บนถนนเทพกษัตริย์ตรี
มีสระว่ายน้ำให้เล่นด้วย เด็กๆว่ายน้ำอย่างสนุกเต็มที่ แทบหมดแรงไปตามกัน
เมื่อเก็บของเข้าที่พักเรียบร้อย พักเหนื่อยและว่ายน้ำเล่นแล้ว กระเพาะก็เริ่มทำงานทันทีเชียว เข้าข่าย นิ่งเป็นหลับ ขยับเป็น….. ^ ^
อาหารมื้อค่ำนี้เราจึงมุ่งไปยังตัวเมืองซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักนัก จากที่หาข้อมูลไว้ เมืองภูเก็ตมีอาหารอร่อยๆมากมายและมีหลายร้านที่ขึ้นชื่อ แต่เพื่อไม่ให้ท้องอิ่มเกินไป เราจึงอยากหาข้าวต้มร้อนๆทาน โกเบนซ์ชวนชิม ร้านข้าวต้มชื่อดังของเมืองภูเก็ต ร้านตั้งอยู่หัวมุมถนน บริเวณสี่แยกปฏิพัทธ์-กระบี่ เมื่อถึงร้าน คนยืนรอคิวแน่นขนัด ไม่มีโต๊ะว่างเลย ต้องรอให้มีคนทานเสร็จและลุกออกไปก่อน คนยืนรอเพื่อใส่ถุงกลับไปทานที่บ้านก็เยอะ ไม่ต่างจากร้านอาหารดังๆที่กรุงเทพเลยทีเดียว เราสั่งข้าวต้มแห้ง ของขึ้นชื่อของทางร้าน
มาแล้ว ข้าวต้มแห้งและเกาเหลาที่สั่งไว้ หน้าตาดูน่าทานทีเดียว ต้องรีบชิมซะแล้ว อืม……..รสชาติคุ้มค่ากับการรอคอย รสชาติกลมกล่อม น้ำซุปหอม เผ็ดกำลังดี ………….อิ่มไปอีกหนึ่งมื้อแล้วเรา ^ ^
เช้าวันที่สอง วันนี้เราจะเที่ยวแบบ one day trip กัน เกาะราชาคือที่หมายของวันนี้ การซื้อทัวร์แบบ one day trip นี้สามารถหาซื้อได้ตามในตัวเมืองและตามชายหาดทั่วไปสนนราคา 1,000 บาทต่อคน มีอาหารดกลางวันหนึ่งมื้อ รถจากบริษัททัวร์ที่จองไว้เพื่อไปเกาะราชา มารับที่โรงแรมที่พักตอน 8.00 น. เพื่อไปยังท่าเรืออ่าวฉลอง เมื่อไปถึง มีนักท่องเที่ยวมากมายนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ส่วนมากเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติถึงร้อยละ 90 เลยทีเดียว มีทั้งชาวยุโรป หัวทอง และ เอเชีย หัวดำแบบเรา (รู้สึกเหมือนมาเที่ยวต่างประเทศเลยแฮะ ก็หาคนไทยแทบไม่เจอเลยนี่น่า) 9.30 น. เรือสปีดโบ๊ทหลายลำจอดรออยู่ที่ท่า ลำหนึ่งบรรทุกคนได้ประมาณ 50-60 คน เรือแล่นฉิวปะทะคลื่นลมอย่างดุเดือดเล่นเอาผมเผ้ายุ่งเหยิงทีเดียว ในที่สุดก็มาถึงจุดหมายปลายทางโดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที เกาะราชาใหญ่ หรือเกาะรายา อยู่ทางใต้ของเกาะภูเก็ต ห่างจากเกาะภูเก็ตประมาณ 15 กิโลเมตร มีพื้นที่ 3,000 ตารางกิโลเมตร เกาะราชามีทั้งหมด 5 อ่าว แต่อ่าวที่สามารถเดินติดต่อกันได้มี 3 อ่าว คืออ่าวปะตก อ่าวสยาม และ อ่าวทือ อีก 2 อ่าว คืออ่าวขอนแค และอ่าวหลา ก่อนจะถึงตัวเกาะ ทางทัวร์ได้จอดแวะให้ลงดำน้ำแบบ snorkel ที่อ่าวสยามและอ่าวหลาก่อน เมื่อดำน้ำพอสมควรแล้ว ก็ขึ้นเรือเพื่อไปยังเกาะราชาต่อไป ทางเดินขึ้นเกาะ มี Floating Box ทำเป็นทางเดินยาวถึงชายหาด หาดทรายขาวบริสุทธิ์รออยู่เบื้องหน้าแล้ว
หาดที่มาขึ้นนี้คืออ่าวปะตก มีรายารีสอร์ท รีสอร์ทหรูระดับ 5 ดาว ตั้งอยู่ เมื่อขึ้นมาถึงหาดทราย ก็ต้องตะลึงกับความสวยของหาดทราย ที่ไม่เพียงแต่มีทรายที่ขาวเนียนสะอาดตา เม็ดทรายที่ได้ก้าวเท้าสัมผัสลงไป แสนนุ่มสบายเท้าอย่างน่าประทับใจ หาดทรายแสนสวยนี้ ทอดตัวยาวเป็นทางโค้งไกล ว้าว! อยากลงไปนอนเล่นบนทรายจัง
มีเตียงไม้และร่มสีขาวมากมายของทางรีสอร์ท ถูกกางเรียงรายไว้อย่างเป็นระเบียบ รอต้อนรับแขกผู้มาเยือนบนชายหาด ให้ได้เอนกาย มองดูทะเลสีฟ้าใสตัดกับทรายขาวเบื้องหน้าอย่างมีความสุข ก่อนที่จะได้พักผ่อนเล่นน้ำกัน เราได้แวะทานอาหารกลางวันโดยทางทัวร์ได้จัดเตรียมไว้ให้ ซึ่งอยู่ทางด้านหลังของรายารีสอร์ท เมื่อทานอาหารกลางวันกันจนอิ่มหนำแล้ว ก็ออกมาเดินเล่น พักผ่อนตามอัธยาศัยที่หน้าหาดกันต่อไป
ออกมายืนมองดูเกลียวคลื่นม้วนตัวซัดเข้าหาฝั่งแล้วก็ซ่าหายไป พร้อมกับมีคลื่นลูกใหม่พัดซ้ำอย่างต่อเนื่อง เสียงคลื่นเหมือนกล่าวทักทายต้อนรับเราอยู่ ^ ^ ผืนน้ำเบื้องหน้าสะอาดใส น้ำทะเลสีฟ้าสะท้อนกับแสงอาทิตย์ยามบ่ายเป็นประกายเจิดจ้า
จากชายหาด เมื่อเดินไปทางซ้ายสุดของเกาะ จะเป็นทางเดินขึ้นไปยังจุดชมวิวด้านบน
เราค่อยๆเดินไปเรื่อยๆตามชายหาด บางครั้งเดินไปใกล้ๆน้ำ ให้คลื่นซัดเท้าเล่นๆ แวะเก็บภาพสวยๆบ้างบางครา หินก้อนเล็กๆบนหาดทราย ที่ทนต่อการซัดของคลื่นลูกแล้วลูกเหล่า
สะพานไม้ที่ถูกสร้างไว้ ทอดตัวเป็นทางยาวให้เราได้เดินขึ้นไปยังจุดชมวิวอย่างสะดวก ระหว่างทางเดินขึ้น มีต้นไม้ขึ้นแซมเป็นระยะ ต้นหนึ่งที่สะดุดตาคือต้น เตยทะเล เตยทะเลขึ้นได้ดีตามชายทะเล เพราะชอบดินทรายและน้ำเค็ม พบเห็นได้ตามชายหาดทั่วคาบสมุทรในแถบเส้นศูนย์สูตรรอบโลก ทั้งยังสามารถทนต่อแรงลมและแดดจัดได้ดี บ้างครั้งจึงมีการนำมาปลูกประดับเพื่อบังลม ใบที่เรียงตัวสลับกันอย่างสวยงาม และมีหนามแหลมคม และยังนำใบมาทำเครื่องจักสานได้อีกด้วย สีเขียวของใบไม้แลดูสบายตา เมื่อต้องมองออกไปยังแสงแดดจ้าอย่างต่อเนื่อง ต้นไม้เหล่านี้จึงช่วยให้เราได้พักสายตาเป็นระยะก่อน ถึงจุดชมวิว
กว่าจะเดินถึงจุดหมายก็เล่นเอาเหงื่อซึมไปเหมือนกัน แต่เมื่อถึงบนยอด ลมเย็นๆที่พัดมาปะทะใบหน้าทำให้สดชื่นขึ้น และยิ่งหายเหนื่อยเมื่อได้มองเห็นภาพรอบตัว
ณ.จุดชมวิว เราได้มีโอกาสมองทัศนียภาพของเกาะ ภายในเกาะยังมีต้นไม้ขึ้นอยู่มากมาย มุมมองบนนี้ เห็นหาดทรายขาวทอดตัวยาวแผ่ไล่กลืนไปกับน้ำทะเลสีฟ้า เรือลอยเคว้งอยู่กลางน้ำทะเลใสราวกระจก มองทะลุลงไปเห็นพื้นทรายเบื้องล่างใต้น้ำ
อีกด้านหนึ่งมีผาหินที่โดนคลื่นซัดสาดเข้าหาโขดหิน จนเกิดเป็นฟองขาวหมุนวนเป็นเกลียวอยู่เบื้องล่าง เมื่อหันหน้าออกไปมองทะเลหน้าเกาะ เส้นขอบฟ้าตัดกับทะเลไกลสุดสายตา
หลังจากดื่มด่ำกับธรรมชาติบนเกาะอย่างเต็มที่แล้ว ทางทัวร์ก็เรียกให้กลับขึ้นเรือ เราต้องอำลาเกาะสวรรค์แห่งนี้แล้ว เพื่อออกไปดำน้ำดูปะการังที่อ่าวขอนแคต่อไป
ปะการังที่อ่าวขอนแค มีความสมบูรณ์ทีเดียว มีปลาตัวเล็กใหญ่ ว่ายอวดความสวยงามของตัวเองให้นักดำน้ำได้ชื่นชมอยู่มากมาย ปลาดาวสีน้ำเงินสดนอนนิ่งบนปะการังแข็ง ปลานกแก้วก็ว่ายวนไปมา ปลาการ์ตูนอาปาเช่ว่ายเข้าๆออกๆ อยู่ตามดอกไม้ทะเล และปลาอื่นๆอีกมากมาย น่าเสียดายที่ไม่มีกล้องถ่ายภาพใต้น้ำ จึงไม่มีโอกาสเก็บภาพมาฝาก แต่ไม่เป็นไร เราจะเก็บภาพแห่งความประทับใจนี้ไว้ในความทรงจำ เตียงไม้และร่มสีขาวบนพื้นทรายเนียนละเอียด น้ำทะเลใส ปลาตัวน้อยใหญ่ รอให้ทุกคนมาเยือน………แล้วเราจะกลับมาใหม่
ว้าวววว เกาะราชามันเปนอย่างงี้นะเอง ต้องหาโอกาสไปให้ได้ซะแล้ววว ภาพสวยมากๆเลยค่ะ ขอบคุณสำหรับทริปดีๆนะคะ
ขอบคุณมากคะ