…หลายครั้ง หลายครา ที่นั่งตั้งตารอวันหยุดยาว อย่างมนุษย์เงินเดือนคนอื่นๆ และเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาก็สมใจอยาก ได้มีวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์ เลยได้โอกาสแบกเป้ไปเที่ยวทะเลน้ำใส หาดทรายขาวที่จังหวัดภูเก็ต-กระบื่ สวนทางกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ที่แห่กันไปเที่ยวสงกรานต์ทางเชียงใหม่ ซึ่งก็ตรงกับความตั้งใจไว้แล้วที่ไม่อยากแย่งที่กิน ที่เที่ยวกับใคร และประจวบเหมาะกับช่วงนั้นเป็นช่วงหลังฝนตกหนักน้ำท่วมภาคใต้ ทำให้นักท่องเที่ยวยกเลิกทัวร์กันเกือบหมด แต่เราดันทุรังที่จะไปเที่ยวให้ได้ ก็ตั้งตารอมาเป็นปีนี่ แต่เมื่อไปถึงแล้วไม่ผิดหวังจริงๆ ทะเลไทยสวยสมใจอย่างนี้นี่เอง….
การเดินทางไปภูเก็ตและกระบี่ครั้งนี้ ถูกวางไว้ล่วงหน้าไม่ต่ำกว่า 6 เดือน เพราะตั้งใจจะจองตั๋วเครื่องบินจากเชียงใหม่บินตรงไปยังสนามบินภูเก็ต ใช้เวลานั่งๆ นอนๆ อยู่ 2 ชั่วโมงก็ถึงภูเก็ต ไข่มุกแห่งอันดามัน นั่งรถตู้เข้าเมืองจ่ายไปคนละ 100 บาท ก็มาถึงโรงแรมที่จองไว้ “มนตรีรีโซเทล” สถานที่แรกที่ตั้งใจจะไป คือ วัดฉลอง เพื่อนมัสการหลวงพ่อแช่ม เลยเดินไปเช่ามอไซด์ที่อยู่ข้างๆ โรงแรมวันละ 150 บาท แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ไปวัดฉลอง เพราะหลงทางเลยได้ไปเที่ยวเขารังแทน เพื่อชมวิวเมืองภูเก็ต ลองดูนะค่ะว่าเมืองภูเก็ตจากภาพมุมสูงนี้จะสวยแค่ไหน
น่าไปเที่ยวจังค่ะ..^^..
….และที่เขารัง ไม่เพียงแค่ชมวิวเท่านั้นยังมีลิงพิสดารด้วย ที่ว่าพิสดารก็เพราะลิงทั่วไปกินผลไม้กัน แต่ลิงที่นี่กินหมากฝรั่งค่า….555 จิ๊กโก๋น่าดูเลย
ช่วงที่ไปนั้น จังหวัดภูเก็ตกำลังจัดงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยสึนามิที่ประเทศญี่ปุ่นพอดิบพอดี เลยได้ภาพป้ายผ้าบรรยากาศการประชาสัมพันธ์ทั่วเมืองภูเก็ตเลย
พอตกค่ำออกมาเดินกินอาหารตามสั่ง (อาหารทะเล) ร้านข้างทางแถวๆ โรงแรม ได้ยินเสียงเพลงดังมาจากถนนเส้นหนึ่งใกล้ๆ กับร้านอาหารนั้น จึงเดินไปท่องราตรี โชคดีมากๆ เพราะถนนเส้นนั้นเป็นถนนคนเดินแถวเมืองเก่า แบบสถาปัตยกรรมฝรั่งเศสหรือโปรตุเกตนะ (จำไม่ได้อะค่ะ) เป็นถนนคนเดินที่ให้บรรยากาศแตกต่างไปอีกจังหวัดหนึ่ง
…และสีสันต์งานช่วยเหลือผู้สบภัยจากสึนามิ ประเทศญี่ปุ่น ก็ทำให้ถนนคนเดินดูมีสีสันต์เพิ่มขึ้นมากเลยทีเดียว
สีสันต์อีกอย่างที่เข้ากับบรรยากาศเมืองเก่า ก็เห็นจะเป็นรถโฟล์ค (น่าจะใช่นะ พอดีไม่ค่อยมีความรู้เรื่องรถ…แฮ่ๆ) คันงามนี่แหละค่ะ
เดินเที่ยวจนเหนื่อยเริ่มหาอะไรเย็นๆ สดชื่นๆ กินกันดีกว่า นี่เลยแนะนำไอศครีมภูเก็ตโบราณ ไม่แพงแค่ 40 บาท ได้มะพร้ามมาทั้งลูกเลยที่เดียว
หลังจากเดินจนเหนื่อย กินจนอิ่ม ก็กลับเข้าโรงแรมเพื่อเตรียมตัวเที่ยว 4 เกาะ โปรแกรมแบบวันเดย์ หรือวันเดียวที่จังหวัดกระบี่ต่อในวันรุ่งขึ้น ทัวร์จัดการให้ทุกอย่างตั้งแต่รถมารับ-ส่งโรงแรม เรือนำเที่ยว และอาหารกลางวัน ช่วงที่ไปราคาตกอยู่ประมาณ 1000 บาท/คน โดยมีรถตู้มารับที่ รร.ในตัวเมืองภูเก็ต เพื่อไปขึ้นเรือที่ท่าเรือรัษฎา
บรรยากาศบนเรือเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติ เค้าหลงใหลทะเลไทยมากๆ บางคนมาเที่ยวมาอยู่เมืองไทยแถบทะเลใต้เป็นเดือนๆ
จากภูเก็ตไปกระบี่ทางเรือใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า ก็มาถึงบริเวณอ่าวนาง จ.กระบี่เพื่อเปลี่ยนลงเรือสปีดโบ๊ท แยกนักท่องเที่ยวไปตามโปรแกรมต่างๆ ภาพนี้ถ่ายจากบนเรือหันหน้าออกทางทะเล
…และแล้วก็ได้ลงเรือสปีดโบ๊ทเพื่อไปเที่ยวตามเกาะต่างๆ ได้ง่ายกว่าเรือใหญ่
ทะเลแหวก แต่ไกด์บอกว่าวันนี้แหวกแค่ครึ่งเดียว เลยดูไม่ค่อยสวยเหมือนตามนิตยาสารการท่องเที่ยวอื่น ๆ
ยังไงน้ำก็ใส สะอาด หาดทรายขาวอยู่ดี
ที่หมายต่อไปเป็นเกาะไก่ เนื่องจากรูปร่างเหมือนไก่ เค้าจึงตั้งชื่อว่า “เกาะไก่” จริงๆ มองเป็นอย่างอื่นก็ได้นะแล้วแต่จินตนาการ
…จุดเด่นของเกาะไก่ เป็นที่ดำน้ำดูปลาเสือ…ไกด์มักพานักท่องเที่ยวมาให้อาหารปลาและเล่นน้ำบริเวณนี้
จุดต่อไปเป็นเกาะปอดะ ซึ่งเป็นเกาะส่วนตัวแต่นักท่องเที่ยวสามารถมาเที่ยวได้ มีบริการห้องน้ำ ราคาประมาณ 10 บาท ไอศครีมและข้าวโพดปิ้งที่นี่ค่อนข้างแพง หากนักท่องเที่ยวไม่หิวจริงๆ แนะนำให้อดทนไปกระจายรายได้กับพ่อค้าแม่ค้าบนฝั่งจะดีกว่า
เที่ยวจนหมดแรงวันนี้จึงนอนหลับสบาย อ้อ..ไม่ต้องย้อนกลับไปภูเก็ตก็ได้หากนักท่องเที่ยวต้องการไปพักหรือเที่ยวต่อที่กระบี่ให้แจ้งบริษัทและผู้ขับเรือ เพื่อเค้าจะพาเรามาส่งที่ท่าเรืออ่าวนาง จ.กระบี่
ที่กระบี่ได้จองโรงแรมซิตี้ไว้ เพราะอยู่ใจกลางเมืองเนื่องจากไม่ได้เอารถส่วนตัวมา จึงคิดว่าโรงแรมนี้สะดวกที่สุดแล้วมีของกิน ของขายมากมาย บรรยากาศและของอำนวยความสะดวกในห้องก็โอเค
ไปจังหวัดไหนก็หนีไม่พ้นถนนคนเดิน และโชคดีที่ถนนคนเดินอยู่ด้านหลังโรงแรมนี่เอง หากมาเมืองทะเลแล้วไม่กินอาหารทะเลก็คงมาไม่ถึง นี่เลยภูมิใจเสนอยำไข่แมงดาทะเล ราคาไม่แพงมากประมาณ 80 บาท
“เขาขนาบน้ำ” สัญลักษณ์เมืองกระบี่ แม้ไม่ได้นั่งเรือไปดูใกล้ๆ ก็ขอถ่ายรูปแบบไกลๆ ละกัน กลัวไปไม่ถึงเมืองกระบี่