หลายคนอาจสงสัยว่า คำว่า “พาสาน” แปลว่าอะไร?
คำนี้ที่จริงไม่มีความหมายหรอกค่ะ แต่เป็นคำที่คิดขึ้นมาใหม่ โดยแผลงมาจากคำว่า “ผสาน” ซึ่งหมายถึง ทำให้เข้ากันสนิท หรือเชื่อมต่อกัน
คำว่า “พาสาน” ในที่นี้จึงมีความหมายว่า การพาคนเข้ามาเชื่อมต่อกับสถานที่และสภาพแวดล้อมโดยรอบ เพื่อให้เกิดการผสมผสานกันอย่างลงตัว เช่นเดียวกับการรวมตัวกันของแม่น้ำสายหลัก จนเกิดเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา ณ ที่แห่งนี้
แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นแม่น้ำสายใหญ่ ที่เกิดจากการรวมกันของแม่น้ำ 4 สาย คือ ปิง วัง ยม น่าน (โดยแม่น้ำวังจะไหลมารวมกับแม่น้ำปิง และแม่น้ำยมไหลมารวมกับแม่น้ำน่าน) เมื่อถึงจังหวัดนครสวรรค์ บริเวณปากน้ำโพแห่งนี้ แม่น้ำปิงและแม่น้ำน่านก็จะไหลมาบรรจบกัน กลายเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเป็น “ต้นแม่น้ำเจ้าพระยา” นั่นเอง
แม่น้ำปิงจะมีสีค่อนข้างเขียว ส่วนแม่น้ำน่านสีจะออกแดง เมื่อไหลมารวมกัน จึงทำให้เกิดปรากฎการณ์แม่น้ำสองสีขึ้นอย่างชัดเจน
และเนื่องจากตั้งอยู่บริเวณต้นแม่น้ำเจ้าพระยา “อาคารพาสาน” จึงสร้างขึ้นโดยสะท้อนเอกลักษณ์ของแม่น้ำเจ้าพระยาออกมา ในรูปแบบของอาคารที่มีโครงสร้างโค้งและลื่นไหล มองดูราวกับสายน้ำที่กำลังเคลื่อนไหว สื่อถึงการรวมตัวกันของแม่น้ำสายหลักทั้ง 4 สาย ที่ผสานกันเป็น 2 สาย และรวมเป็นหนึ่งในที่สุด
ในช่วงน้ำขึ้น เราสามารถพายเรือลอดใต้อาคารพาสานเพื่อชมความงดงามของสถาปัตยกรรมได้ด้วยค่ะ
อาคารแบ่งเป็น 2 ชั้นด้วยกัน คือ ชั้นที่อยู่ภายในตัวอาคาร และชั้นดาดฟ้า
หากใครสนใจจะไปชม แอดแนะนำให้ไปตอนเย็นนะคะ เพราะเพื่อนๆ จะได้ชมไฮไลท์ของที่นี่ ซึ่งก็คือการชมพระอาทิตย์ตกนั่นเองค่ะ บอกเลยว่าบรรยากาศโรแมนติกสุดๆ
บริเวณใต้อาคารเป็นสนามหญ้าและสวนขนาดเล็ก เหมาะสำหรับมานั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจมากๆ เลย
การเดินทางไปยังอาคารสัญลักษณ์ต้นแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งนี้สามารถไปได้ทั้งทางบกและทางน้ำเลยนะคะ
แต่แอดอยากจะแนะนำให้ไปทางน้ำค่ะ เพราะเพื่อนๆ จะได้สัมผัสกับความงดงามของต้นแม่น้ำเจ้าพระยา และวิถีชีวิตของผู้คนริมนํ้าได้อย่างใกล้ชิด ค่าเรือไป-กลับคนละ 30 บาทเท่านั้นเอง อย่าลืมไปเที่ยวกันเยอะๆ นะคะ